2 ธ.ค. 2024 เวลา 14:08 • ข่าวรอบโลก

5 เหตุผล ทำไมปูตินน่าจะไม่ใช้ “อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี” โจมตีเข้าไปในยูเครน

หลังจากรัสเซียโจมตีเมืองดนีโปรด้วยขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ “โอเรชนิก” ผู้เชี่ยวชาญเริ่มพูดถึงการยกระดับการใช้อาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง คำถามข้อหนึ่งคืออาจนำไปสู่การยกระดับใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีของรัสเซียหรือไม่ อย่างว่าเราเดาใจปูตินได้ยากมาก อย่างที่ล่าสุดโจมตียูเครนพร้อมเปิดตัวอาวุธรุ่นใหม่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมาก่อน อย่างไรก็ตามมีการวิเคราะห์ออกมาว่าไม่น่าจะมีการใช้นิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีของรัสเซีย ด้วยเหตุผลที่สรุปออกมาได้ 5 ข้อดังนี้
  • 1. มันจะไม่เปลี่ยนทิศทางของสงคราม
ตั้งแต่ช่วงปีแรกของสงครามจนถึงปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ยุทธวิธีจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงในสนามรบมากนัก เป้าหมายของการโจมตีของรัสเซียอาจเป็นกองกำลังฝ่ายตะวันตกที่รวมกลุ่มกันขนาดใหญ่ในสถานที่เดียวหรือคลังกระสุนและยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่
ดร.ไมเคิล เจ. แฟรงเคิล หนึ่งในนักวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ชั้นนำของสหรัฐฯ กล่าวว่าเมื่อนำมาใช้โจมตีที่แนวหน้า การโจมตีด้วยนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีสามารถสร้างความเสียหายให้ฝ่ายตรงข้ามเพื่อที่ให้ฝ่าวงล้อมได้ในพื้นที่เล็กๆ เท่านั้น ซึ่งรัศมีไม่เกิน 1 ถึง 1.5 กิโลเมตร [1]
1
อย่างไรก็ตามแฟรงเคิลตั้งข้อสังเกตว่ามีปัญหาอย่างน้อยสองประการ ประการแรกคือกองบัญชาการจะต้องส่งกองกำลังเข้าไปในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี และประการที่สองคือการฝ่าวงล้อมที่ประสบความสำเร็จจะต้องใช้กองกำลังจำนวนมากซึ่งจะรวบรวมได้ยากในเวลาจำกัด
เครดิตภาพ: Russian defense ministry/Reuters
“ไม่มีภารกิจทางการทหารใดๆ ที่อาวุธนิวเคลียร์จะแก้ไขได้” Pavel Podvig นักวิจัยอิสระด้านนิวเคลียร์ชาวรัสเซียได้อธิบายไว้ “แน่นอนว่าคุณสามารถทำลายฐานทัพอากาศด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแทนที่จะโจมตีด้วยขีปนาวุธหลายลูก แต่มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในแนวรบโดยรวม” [2]
1
นอกจากนี้ควรเข้าใจด้วยว่าการโจมตีด้วยนิวเคลียร์สามารถเป็นได้ทั้งเชิงยุทธวิธีและเชิงยุทธศาสตร์ ไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับขนาดของการโจมตีเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับสถานที่และจุดประสงค์ในการใช้งานด้วย ตัวอย่างเช่น
พลังระเบิดของอเมริกาที่ทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่นในปี 1945 คือ 15 และ 21 กิโลตัน ถ้ามองในแง่ของขนาดอย่างเดียวมันยังถือว่าเป็นการโจมตีเชิงยุทธวิธี (สูงสุด 100 กิโลตัน) อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ มีวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ในครั้งนั้นคือ การโจมตีทางจิตวิทยาอย่างหนักหน่วงต่อศัตรูและบังคับให้ยอมจำนน ดังนั้นการโจมตีดังกล่าวส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตหลายหมื่นคน Podvig เชื่อว่าปูตินยังอาจไม่พร้อมต้องการให้รุนแรงถึงขนาดนั้น
  • 2. ฝ่ายตะวันตกจะโจมตีตอบโต้แน่นอน
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2022 สหรัฐขู่ว่ารัสเซียจะได้รับผลที่เลวร้าย หากใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีในยูเครน เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของโจ ไบเดน กล่าวอ้างเช่นนี้ถึง 3 ครั้งในหนึ่งวันในบทสัมภาษณ์ทางสื่อต่างๆ
แหล่งข่าวจากนิวยอร์กไทมส์ระบุว่ารัฐบาลของไบเดนหารือถึงความเป็นไปได้ในการโจมตีฐานทัพของรัสเซียหลายครั้งด้วยอาวุธธรรมดาตอบโต้การโจมตีของรัสเซียด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี ทางเลือกหนึ่งที่หารือกันคือให้สหรัฐจัดหาอาวุธที่จำเป็นสำหรับยูเครนในการโจมตีตอบโต้ (ตอนนี้สถานการณ์มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว) [3]
แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีของรัสเซียต่อยูเครน แต่ความเสี่ยงที่สถานการณ์จะทวีความรุนแรงยังคงมีอยู่ Bulletin of the Atomic Scientists ระบุ การโจมตีด้วยอาวุธตะวันตกอย่างรุนแรงจะส่งผลให้สหรัฐฯ และนาโตโดดเข้าสู่ความขัดแย้งกับรัสเซียโดยตรง [4]
1
หากเกิดกรณีเช่นนี้แล้วเราคาดหวังได้ว่ารัสเซียจะตอบโต้กลับมาที่ฐานทัพทหารนาโตในยุโรปและแม้แต่ในสหรัฐฯ จากเรือดำน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก “การตอบโต้ด้วยอาวุธแบบธรรมดาเป็นทางเลือกเชิงนโยบายที่เป็นไปได้ซึ่งพยายามรักษาการควบคุมการทวีความรุนแรงในขณะที่ยอมรับถึงความจำเป็นในการตอบโต้ (ต่อการโจมตียูเครนของรัสเซีย)” นักวิเคราะห์เขียน
  • 3. รัสเซียอาจจะสูญเสียพันธมิตรคนสำคัญ
สิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดสำหรับรัสเซียคือการสูญเสียการสนับสนุนจากจีน “สี จิ้นผิง” เอ่ยปากคัดค้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของปูตินมาโดยตลอดช่วงสงคราม ครั้งสุดท้ายที่สิ่งนี้เกิดขึ้นคือหลังจากที่รัสเซียเปลี่ยนหลักนิยมการใช้อาวุธนิวเคลียร์ เมื่อปักกิ่งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสงบสติอารมณ์ อดทน และหาวิธีคลี่คลายความตึงเครียด ผู้นำจีนยังได้เตือนปูตินไม่ให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการสนทนาเป็นการส่วนตัวอีกด้วย [5][6]
2
เครดิตภาพ: MARK RALSTON / NYT
Jamie Shea อดีตรองที่ปรึกษาเลขาธิการนาโตเล่าว่าส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่เกือบทั้งหมดสำหรับการผลิตขีปนาวุธและอาวุธอื่นๆ ที่รัสเซียได้รับมาจากจีน ชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ของจีนหรือผลิตภัณฑ์ของชาติตะวันตกที่ส่งผ่านจีนเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร [7]
“การขับเคลื่อนทางการทหารของรัสเซียขึ้นอยู่กับจีนมากขึ้นเรื่อยๆ หากรัสเซียหยุดส่งกำลังบำรุง ความสามารถของรัสเซียในการทำสงครามในยูเครนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนโดยไม่ได้รับความเห็นชอบหรือยินยอมจากจีน” Shea กล่าว
อินเดียซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญอีกรายของรัสเซีย คัดค้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนเช่นกัน แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เคยกล่าวว่าจุดยืนของจีนและอินเดียช่วยยับยั้งไม่ให้ปูตินโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี [8][9]
1
อินเดียกำลังช่วยให้รัสเซียหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกเกี่ยวกับการค้าขายน้ำมัน โดยรัสเซียจัดหาเชื้อเพลิงผ่าน “กองเรือเงา” ในช่วงฤดูร้อนปีนี้อินเดียกลายมาเป็นผู้นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียรายใหญ่ในเดือนกันยายน นอกจากจีนแล้วยังมีประเทศอื่นๆ อีก 11 ประเทศที่ลงนามในแถลงการณ์เรียกร้องให้งดใช้อาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงตุรกีและตัวแทนจาก “กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา” เช่น บราซิล แอฟริกาใต้ และอินโดนีเซีย [10][11]
เครดิตภาพ: Hindustan Times
  • 4. รัสเซียจะทำให้เกิดการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่ยูเครนรวมถึงดินแดนตัวเองด้วย
เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลแล้ว การปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่หลังจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีถึงแม้จะไม่รุนแรงเท่า แต่ปัจจัยที่กระทบหลักคือคลื่นกระแทกและยังมีการปล่อยกัมมันตรังสีออกมาหลังจากเกิดการสลายตัวของธาตุที่ใช้ไปตามกาลเวลา
“หลังจากอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล เตาปฏิกรณ์ยังคงเผาไหม้เป็นเวลาเก้าวัน การปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมาของเชอร์โนบิลเทียบได้กับระเบิดที่ฮิโรชิมาและนางาซากิหลายร้อยครั้ง” โอเลนา ปาเรนยุก นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันศึกษาปัญหาความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของยูเครนกล่าว [12]
อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับว่าเกิดระเบิดที่ใดด้วย (บนพื้นดินหรือในอากาศ) และความแรงของลม อนุภาคที่ปนเปื้อนสามารถแพร่กระจายได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตรในพื้นที่แคบๆ ตามข้อมูลจาก Nukemap ซึ่งเป็นโปรแกรมจำลองการระเบิดนิวเคลียร์ออนไลน์ ดังนั้นพื้นที่ที่มีประชากรไม่เพียงแต่ในดินแดนที่ถูกยึดครองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในดินแดนของรัสเซียเองก็โดนด้วยเช่นกัน [13]
การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีบนพื้นผิวเป็นอันตรายมากกว่าการระเบิดในอากาศมาก ในกรณีนี้ดินจะปนเปื้อนและอนุภาคกัมมันตภาพรังสีอาจปนเปื้อนเข้าไปในแหล่งน้ำได้ด้วย
1
  • 5. ยูเครนอาจบ้าเลือดตอบโต้ด้วยการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในดินแดนรัสเซีย
จนถึงขณะนี้ยูเครนยังคงปฏิเสธรายงานจากฝ่ายรัสเซียที่ว่ากองกำลังยูเครนต้องการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย เซเลนสกีกล่าวระหว่างช่วงเริ่มต้นบุกโจมตีในภูมิภาคเคิร์สก์ กองทัพยูเครนไม่ได้พยายามยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่นี่ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามหากรัสเซียโจมตียูเครนด้วยอาวุธนิวเคลียร์ยุทธวิธี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก) ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่กองทัพยูเครนจะโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของรัสเซียแห่งนี้ [14][15]
มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 9 แห่งในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งโดรนของยูเครนเคยบินโฉบผ่านไปแล้วในช่วงตลอดสงครามที่ผ่านมา ทั้งหมด 4 แห่งในจำนวนนี้คือ ในสมอเลนสค์ เคิร์สก์ โนโวโวโรเนจ และรอสตอฟ ทั้งสี่แห่งนี้ตั้งอยู่ในระยะการยิงของขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ของอเมริกา โดยมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เคิร์สก์ซึ่งอยู่ใกล้แนวหน้ามากที่สุดและมีลักษณะโครงสร้างการทำงานใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล
แผนที่แสดงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในรัสเซีย อัพเดท ณ พฤศจิกายน 2024 เครดิตภาพ: World Nuclear Association
“โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เคิร์สก์มีความเสี่ยงต่อการโจมตีทางอากาศ เนื่องจากเครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าไม่ได้ถูกคลุมด้วยฝาครอบป้องกัน และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ไม่มีระบบป้องกันที่จำเป็นสำหรับโรงไฟฟ้าที่ทันสมัยกว่า” อันเดรย์ โอซารอฟสกี นักฟิสิกส์นิวเคลียร์กล่าว [16]
เครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้มีความเสี่ยงไม่เพียงแต่ต่อการโจมตีของขีปนาวุธและโดรนที่บรรทุกวัตถุระเบิดจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกระสุนปืนใหญ่ขนาดใหญ่ด้วย โอซารอฟสกีกล่าวว่า “ความเสี่ยงของการเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยที่เชอร์โนบิลเป็นเรื่องจริง”
นอกจากนี้ “ราฟาเอล กรอสซี” หัวหน้า IAEA ยังสังเกตเห็นจุดอ่อนของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เคิร์สก์ ซึ่งเขาได้เข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าแห่งนี้หลังจากเริ่มมีปฏิบัติการของกองกำลังยูเครนในเขตภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย [17]
เรียบเรียงโดย Right Style
2nd Dec 2024
  • เชิงอรรถ:
<ภาพปก: ปูตินพูดออกอากาศถึงการทดสอบใช้ขีปนาวุธรุ่นใหม่ “โอเรชนิก” ในการยิงเข้าไปในดนีโปรของยูเครนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2024 เครดิต: EPA / SERGEI ILNITSKY>
5
โฆษณา