ทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุด(108)ตอน3

พี่เดชเล่าให้ผมฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม้ตัวเองจะมีสารพัดโรครุมเร้าก็ตาม โดยเฉพาะการเดินกระเพกเพราะเป็นอัมพฤกษ์มาก่อน พี่เดชบอกว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักมาก เมื่อคิดไปถึงอดีตก็ะคิดว่า "ทำไมไม่ดูแลสุขภาพให้ดีกว่านี้" ปล่อยให้สุขภาพทรุดโทรมอย่างน่ากลัว ทำงานหาเงินอย่างเดียวทำงานมาทั้งชีวิต เงินที่ได้มาหมดไปกับการไปหาหมอดูแลตัวเองตอนป่วย เป็นภาระให้กับลูกๆเสียดายช่วงชีวิตที่ผ่านไป "แต่ความจริงคือปัจจุบัน"ที่มีแต่ความทุกข์อย่างหนักคิดจะฆ่าตัวตายดีกว่าเพราะไม่มีทางออก
จนกระทั้งพระน้องชายลงมาเยี่ยมตนเองที่บ้าน พระน้องชายบวชอยู่ที่อีสานเป็นการบวชตลอดชีวิตอยู่สายวัดป่า ดูเหมือนว่าพระน้องชายรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไรอยู่ได้สั่งสอนผม "โยมพี่ ที่พี่ทุกข์อย่างหนักในขณะนี้เพราะพี่คิดแต่เรื่อง "ความทุกข์ของตัวเองอย่างมาก" เมื่อคิดถึงความทุกข์ตัวเองอย่างเดียวสิ่งที่ตามมา "การปรุงแต่งความคิด" (หรือจิตสังขาร) มันทำให้เราทุกข์หนักขึ้นไปเรื่อยๆ จนหาทางออกไม่ได้ต้องคิดสั่นในที่สุด"
เมื่อเราเกิดมาทุกคนเราต้อง "แก่ เจ็บ ตาย" กันทุกคนเผชิญความทุกข์ต่างๆนานาเช่น การปราถนาอะไรก็ตามก็ไม่ได้สิ่งนั้นก็ทุกข์ ความเจ็บใจความช้ำใจต่างๆ "ความทุกข์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มันมีกันทุกคน" แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความทุกข์ทางจิตใจที่มันเกาะอยู่ในสมองของเราเกาะในจิตของเรา เราไม่ลืมเราปรุงแต่งตลอดเวลา มันจึงทุกข์อย่างหนัก ทุกข์ตัวนี้เหละ "ที่เราต้องละ ต้องกำหนดรู้และปล่อยวางออกไป" โยมพี่อาจจะยังไม่เข้าใจ เดี๋ยวพระน้องจะอยู่กับพี่เพื่อฝึกการปล่อยวางความทุกข์นี้
ให้พี่ดูลมหายใจตัวเองหนอปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติ ความคิดของพี่จะเข้ามาในสมองพี่อยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องไปห้ามความคิดให้กำหนดรู้ความคิดเฉยๆว่า "คิดหนอ ปรุงแต่งหนอ" ไม่ต้องหาเหตุผลของการคิดต่างๆ
พระน้องอยู่กับผมที่บ้านถึง 3 วัน เพื่อฝึกแค่ดูความคิดที่คิดมากจนทุกข์อย่างหนัก ผมอึดอัดอย่างมากกับพระน้องชายที่มากำหนดให้ผมแบบนี้ แต่พระน้องได้พูดประโยคหนึ่งทำให้คิดได้ "นี้เป็นโอกาศสุดท้ายของชีวิตแล้วที่จะได้รู้จักธรรมะของพระพุทธเจ้า"
โฆษณา