3 ธ.ค. เวลา 03:30 • ธุรกิจ

ผ่าโจทย์ท้าทายเจ้าแห่งนวัตกรรมมิชลิน 135 ปี

โลกร้อนไล่บี้เก็บซากขยะล้อยางรีไซเคิล
ชุบชีวิตยางใหม่สู่เศรษฐกิจยั่งยืน
มิชลินเผยกลยุทธ์ธุรกิจยั่งยืน อายุยืนยาวได้ 135 ปี ฝ่าโจทย์ท้าทายใหม่ อุตสาหกรรมยานยนต์ ในวันที่โลกร้อน ซากยางล้นโลกสองพันล้านเส้นต่อปี เปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า ออกแบบนวัตกรรมผลิตกู้วิกฤตโลกร้อน คืนชีวิตให้ยางใหม่ เก็บกลับผลิตใหม่ ค้นพบแกลบ จากเมล็ดข้าวทนทานแทนทราย ตั้งเป้า 40% รีไซเคิลยางในปี 2030
ปัญหาซากยางรถยนต์ ทับถมเป็นภูเขาขยะกองใหญ่บนโลกของเรา ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก ทั้งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ บางส่วนหลุดไปในทะเล คาดการณ์จำนวนการทิ้งยางรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน (End-of-Life Tires -ELTs) ทั่วโลกมีมากถึงปีละ 1-2 พันล้านเส้น และกองขยะจากยางรถยนต์มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วตามปริมาณการใช้รถยนต์ที่เพิ่มขึ้น จึงปล่อยให้โลกเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ นั่นทำให้กฎหมายต่างๆ เริ่มทยอยออกมาให้ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบกำจัดผลิตภัณฑ์
โดยเฉพาะในยุคที่โลกขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืน คิดผลิตหรือทำอะไรต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรที่เหลือน้อยไม่เพียงพอต่อประชากรบนโลกกว่า 8,000 ล้านคน เมื่อทรัพยากรเหลือน้อย มลพิษเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตยางจึงต้องมีหน้าที่รับผิดชอบต่อยางที่หมดอายุการใช้งาน เมื่อผลิตแล้วก็ต้องเก็บกลับ หรือนำไปทำอย่างอื่นที่ไม่ปล่อยให้เป็นขยะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คิดหาหนทางพัฒนาวงจรชีวิตใหม่ให้ล้อยางที่ใช้แล้ว ไม่ตายเหลือแต่ซากเป็นกองขยะ ออกแบบการนำซากยางรถยนต์เก่ากลับมามีชีวิตใหม่
ไม่เพียงแก้ไขปัญหาให้กับโลก ยังเปิดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้นำรีไซเคิลได้ สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ทรัพยากรไม่มีวันหมดไปจากโลก
เมื่อผู้ผลิตพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ยอมรับในชื่อเสียง เป็นแบรนด์ที่คนจงรักภักดี ได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้าในระยะยาว เชื่อใจได้ว่าแบรนด์นี้ทำธุรกิจสร้างผลกระทบเชิงบวกไม่ทำร้ายสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้โลกอยู่ได้อย่างยั่งยืน
ผู้ผลิตต้องออกแบบการผลิตรับแก้โจทย์โลกร้อน
ซีริลล์ โรเฌต์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมและการสื่อสารเชิงวิทยาศาสตร์ของมิชลิน (Cyrile Roget) Scientific & Innovation Communication Director, Michelin Group) กล่าวถึงความท้าทายของการผลิตในยุคหน้า
ผู้ผลิตจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มีบทบาทช่วยลดปัญหาวิกฤตสภาพอากาศ (Climate Change) ด้วยการปรับกระบวนการผลิตให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) โดยเฉพาะผู้ผลิตยาง จะต้องแก้ไขปัญหาขยะยางรถยนต์ เพราะทุกปีจะมียางรถยนต์ถูกทิ้งทั่วโลกถึงปีละ 1,000-2,000 ล้านเส้น หรือ คิดเป็นน้ำหนักมากกว่า 30 ล้านตันต่อปี ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ติดตามอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์
โฆษณา