3 ธ.ค. เวลา 07:41 • ปรัชญา

อวดดีหรือร้ายของตัวเองล้วนสกปรก

มัทธิว 15:21-28 THSV11
[21] แล้วพระเยซูเสด็จจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน [22] มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า “พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่ เป็นทุกข์ลำบากอย่างยิ่ง”
[23] พระองค์ไม่ทรงตอบนางสักคำเดียว และสาวกทั้งหลายของพระองค์มาทูลพระองค์ว่า “ไล่นางไปเสียเถิด เพราะนางร้องตามเรามา” [24] พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไม่ได้รับใช้มาหาใคร เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล”
[25] หญิงนั้นก็มากราบและทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด” [26] พระองค์จึงตรัสตอบว่า “การเอาอาหารของลูกโยนให้กับสุนัขก็ไม่สมควร”
[27] ผู้หญิงนั้นทูลว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเศษที่ตกจากโต๊ะนายของมัน” [28] แล้วพระเยซูตรัสตอบนางว่า “หญิงเอ๋ย ความเชื่อของท่านก็มาก ให้เป็นไปตามความต้องการของท่านเถิด” แล้วลูกสาวของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่เวลานั้น
แม่คนนี้ตอนลูกสาวเป็นเด็กก็ติดตามความรู้สึกว่าลูกน่ารักแล้วก็ชอบเล่นชอบอวดกับคนอื่น ลูกจะทำอะไรก็ปล่อยตามใจ ทำอะไรมันก็ดูดีดูน่ารักไปทั้งหมด
จนลูกเติบโตจะหักห้ามใจยากแล้วเพราะแรงกำลังก็เยอะขึ้น เพราะผีเข้าสิง ตอนเด็กกำลังน้อยไม่เคยถูกฝึกถูกหักห้ามจิตใจ ก็สร้างแต่ความเสียหาย นำความอับอายมาให้กับผู้ปกครองเป็นประจำ พอจะให้ยอมรับว่าเป็นลูกสาวของตัวเองมันก็เป็นอะไรที่เจ็บปวดใจครับ
ความจริงมันก็เป็นความชั่วร้ายด้วยสำหรับพระเจ้ากับการโอ้อวดเนื้อหนังตัวเองนี้ครับ ไม่ว่าจะด้านดีหรือเลว
โรม 1:30, 32 THSV11
[30] ส่อเสียด เกลียดชังพระเจ้า ดูถูกคนอื่น เย่อหยิ่งจองหอง อวดตัว คิดทำชั่วแปลกๆ ไม่เชื่อฟังบิดามารดา
[32] แม้เขาจะรู้บัญญัติอันชอบธรรมของพระเจ้า ที่ว่าคนทั้งปวงที่ประพฤติเช่นนั้นสมควรจะตาย เขาก็ไม่เพียงประพฤติเท่านั้น แต่ยังเห็นชอบกับคนอื่นที่ประพฤติเช่นนั้นด้วย
ความจริงตอนนี้ทุกสิ่งที่ออกมาจากมนุษย์มันใช้การไม่ได้แล้วนะครับ ไม่ควรไปให้น้ำหนักให้ค่ากับมัน เพราะมีแต่จะนำปัญหาเข้ามาสู่ชีวิต แต่เพราะชินไปแล้วกับการใช้ชีวิตในความบาป การจะย้ายกลับมาหาพระเจ้าตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องยาก เป็นมนุษย์แต่กำลังใช้ชีวิตเหมือนสัตว์ พระคำตอนนี้พระเยซูก็เปรียบเธอเหมือนหมา?
สัญชาตญาณหมาอย่างหนึ่งก็คือกินอุจจาระหรืออ้วกของตัวเองครับ เหมือนมนุษย์ตอนนี้ก็ชินไปแล้วกับการใช้ชีวิตในความบาปหรือชีวิตที่อยู่ใต้กฏบัญญัติเชื่อวางใจกับสิ่งต่างๆ ยกเว้นพระเจ้าผู้ให้กำเนิด ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะมาตายไถ่บาปที่อาดัมได้ก่อขึ้นให้แล้ว แต่ก็ไม่ยอมกลับมาหาพระเจ้าโดยง่ายเพราะมันชินไปแล้วกับการเชื่อวางใจตัวเองซึ่งนำไปสู่ความพินาศนี้ครับ
2 พงศาวดาร 20:20 THSV11
[20] เขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้าและออกไปยังถิ่นทุรกันดารเทโคอา และเมื่อเขาออกไป เยโฮชาฟัททรงยืนและตรัสว่า “ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย แล้วท่านจะได้รับความมั่นคง จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ แล้วท่านจะได้รับความสำเร็จ”
พระเจ้าก็ให้พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกับคริสตจักรมาเพื่อช่วยให้รู้สึกตัวครับว่าถ้าไม่หันกลับมาหาพระเจ้า กับสิ่งที่กำลังรอคอยอยู่ข้างหน้านั้นมันน่ากลัวครับ ไม่ใช่แค่ความพินาศกับชีวิตบนโลกแต่มันมีนรกที่กำลังรออยู่หลังความตายด้วยครับ
ตอนพิมพ์เรื่องนี้ผมกำลังนั่งคิดถึงกับชีวิตคนมีฐานะร่ำรวยของโลก ในชีวิตของคนในครอบครัวเขาก็มุ่งหน้าหาเงินเป็นหลักหมือนหลายคน เวลาของชีวิตประมาณหนึ่งในสามใช้เพื่อเรื่องนี้ครับ ต่อสู้ช่วงชิงกันเพื่อให้ได้มา เห็นแล้วนึกถึงการต่อสู้ของพวกเกลดิเอเตอร์ในสนามโคลอสเซียมเลยครับ ต้องฆ่าอีกฝ่ายเพื่อตัวเองจะอยู่รอดได้
เกดิเอเตอร์
พวกคนดูก็เหมือนมารซาตานกับสมุนครับ สนุกสนานกับการได้เห็นมนุษย์ฆ่าทำลายกัน กับการที่มนุษย์ไม่เชื่อวางใจกับพระเจ้ามันน่ากลัวแบบนี้ กับทุกความคิดที่รับมาจากระบบโลกนำไปสู่การฆ่าทำลายครับ แม้กับความคิดที่เรารู้สึกว่าดีที่สุดแล้วก็ตาม
อาทิตย์ที่แล้วได้คุยกับป้าคนนึงอาชีพขายผลไม้ ผมก็จะแวะไปเยี่ยมและชวนให้มาศึกษาเรื่องความเชื่อหรือชีวิตฝ่ายวิญญาณดีกว่า อายุก็มากแล้วไม่น่าจะมาหมกมุ่นกับเรื่องเนื้อหนังมาก เตรียมตัวตายมั่นใจว่าตายแล้วได้ไปสวรรค์แน่นอนสนใจเรื่องนี้ดีกว่า แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนกันครับถึงจะแก่แล้ว เงินคนแก่ก็มีกิน ถึงไม่ขายผลไม้เขาก็สามารถอยู่ได้ ก็ยังมีความสุขกับการหาเงิน กับการเห็นยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น ไม่อยากจะเป็นอิสรกับจิตใจนี้ มันเป็นจิตใจของคนที่กำลังถูกผีเข้าสิงครับ
27] ผู้หญิงนั้นทูลว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเศษที่ตกจากโต๊ะนายของมัน” [28] แล้วพระเยซูตรัสตอบนางว่า “หญิงเอ๋ย ความเชื่อของท่านก็มาก ให้เป็นไปตามความต้องการของท่านเถิด” แล้วลูกสาวของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่เวลานั้น
แต่ตอนที่เธอยอมรับกับคำพูดของพระเยซู ผีที่สิงลูกสาวของเธอก็ออก ใช่ครับ กับตอนที่มนุษย์เราได้เห็นสภาพแท้จริงของตัวเองผ่านทางพระคำ ตอนนั้นมันรู้สึกตัวได้ หยุดแล้วหันกลับมาหาพระเจ้าได้ กลับมาสู่ชีวิตปกติที่ดำเนินอยู่ได้โดยยำเกรงพระเจ้าเท่านั้นแบบนี้ครับ เพราะมารซาตานก็จะใช้บางสิ่งของโลกล่อลวงกับผู้คนเพื่อให้หันออกจากพระเจ้าครับ
กับคำตักเตือนว่ากล่าวจึงสำคัญจำเป็นมากที่จะช่วยให้คนได้สติ โดยเฉพาะผ่านทางคนของพระเจ้าหรือคริสตจักรนี้ครับ แต่คนมากมายก็จะหนีไปหาที่ๆ มีคำชมคำหวานคำโกหก ผีจึงไม่ออกจากจิตใจโดยง่าย คือชีวิตไม่เปลี่ยนได้แต่ต้องตกเป็นทาสของโลกวัตถุ จิตใจไม่มีสามารถได้พักสงบอย่างแท้จริงได้เลยครับ
ชีวิตผมก็กำลังเรียนรู้ครับ กับชีวิตใหม่ในพระเจ้า ผ่านทางพระคัมภีร์ไบเบิ้ลซึ่งเหมือนเลือดของพระเยซูและกับคริสตจักรซึ่งเหมือนร่างกายของพระเยซู เข้ามาแรกๆ ผมก็รู้สึกอึดอัดยากลำบากเยอะอยู่ครับ อาจารย์บอกจะคล้ายกับการช่วยคนที่ชินกับการใช้ชีวิตเป็นสัตว์มานานแล้ว ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นคนปกติก็ต้องใช้เวลา ใช้ความอดทนทั้งผู้ให้และผู้รับครับ
อาจารย์เคยยกตัวอย่างเรื่องของสองพี่น้องคนอืนเดียที่ถูกหมาป่าขโมยไปเลี้ยงสี่ปี คืออมรากับกมลาครับ ตอนถูกขโมยไปคนพี่อายุสามขวบ คนน้องหนึ่งขวบ ตอนไปเจอในป่าสภาพของพวกเขาคือพฤติกรรมเหมือนหมาป่าเลยครับเช่นชอบกินเนื้อดิบ เดินสี่ขา ดุร้าย ไม่ชอบอาบน้ำ เห่าหอนขู่กระโชกแบบหมาป่า ก็ถูกช่วยพาออกมา ต้องพามาบำบัดกับทางโรงพยาบาลหลายปีซึ่งยากมากครับกับการจะช่วยให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตแบบคน ปกติ ทั้งๆที่เป็นคน?
ผมจึงได้เห็นเลยครับว่าถ้าพระเจ้าไม่ให้พระเยซูลงมายังโลก มนุษย์ไม่มีทางจะรอดพ้นจากทางพินาศหรือฤทธิ์อำนาจของบาปได้เลยแบบนี้ครับ ลองคิดถึงหมูในฟาร์มที่เขาเลี้ยงไว้เชือดทำอาหาร กับชีวิตของมนุษย์ถ้าพระเจ้าไม่ได้ส่งพระเยซูลงมาช่วยความจริงก็กำลังใช้ชีวิตเหมือนหมูพวกนั้นครับ
คือได้แต่ต้องไปตามแนวทางที่มารซาตานกำหนดไว้ให้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนตายเลยแบบนี้ครับ บางคนมันก็ให้จนบางคนมันก็ให้รวย ให้ดีบ้างให้เลวบ้าง ให้โง่บ้าง ให้ฉลาดเก่งบ้าง แต่เป็นทาสเป็นหุ่นให้มารซาตานเชิดเหมือนกันหมดทุกคนครับ
จากชีวิตที่พึ่งพาหลายสิ่งต้องหันกลับมาเชื่อวางใจเพียงพระเจ้า ก็ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ ก็มีพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นคู่มือให้ มีคริสตจักรที่เป็นโค้ชให้แบบนี้ ที่เหลือก็เป็นใจเราเองครับว่าจะเลือกเชื่อติดตามหรือเปล่าแบบนี้ครับ
เห็นผ่านชีวิตตัวเองที่ผ่านมามารซาตานก็ทำกับผู้คนจนกลายเป็นเหมือนเด็กสมาธิสั้นไปเลย คืออดทนฟังกับเรื่องอะไรนานๆ ยากครับ ดีว่ามีโค้ชมีหมอที่อดทนนานแบบคนของพระเจ้าในคริสตจักร กว่าจะเริ่มได้สติเริ่มเข้าใจก็หลายปี พระเจ้าก็ให้สติปัญญากับคริสตจักรในการดูแลครับ กับการพาออกจากตัวเองยังไง? ยากเหมือนพาชาวอิสราเอลออกจากการเป็นทาสฟาโรห์อียิปต์เลยจริงๆครับ
คือกว่าที่จะได้เห็นว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายยังไง กำลังถูกหลอกให้ตกเป็นเครื่องมือของมารซาตานฆ่าทำลายคนอื่นยังไง ผมเองเคยได้ไปอยู่กับโบสถ์สอนผิดเป็นอาจารย์สอนพระคัมภีร์อยู่ที่นั่นมาสิบสองปีด้วยครับ
มาถึงวันนี้มันก็ได้เห็นความจริงแล้ว แต่ก็รู้สึกเหมือนเด็กหัดเดินครับ ยังวิ่งไม่ได้ ผมมองเห็นเยาวชนหลายคนมาทีหลังแต่ก็ยังไปได้เร็วกว่าผมนะ ตอนแรกก็มีคำบ่นโทษพระเจ้าปล่อยให้ไปเจอกับโบสถ์สอนผิดทำไม? แต่พอได้เข้าใจพระคำ ในพระเจ้าไม่มีบังเอิญ ไม่มีไม่ดีกับทุกเรื่องที่เคยให้เกิดมาในชีวิตก่อนหน้า คิดตามก็ใช่นะเพราะถ้าผมไม่เคยไปอยู่ตรงนั้นผมก็ไม่สามารถจะแยกแยะบอกได้ชัดเจนว่าถูกผิดยังไงกับโบสถ์เทียมเท็จกับคริสตจักรของพระเจ้าครับ
ตอนนี้มันก็กำลังก้าวลงลึกไปเรื่อยๆครับกับชีวิตในพระเจ้าพระเยซู มันก็ไม่ใช่ว่าผมจะปล่อยวางได้ทุกสิ่งเก่าๆที่เคยเชื่อวางใจมาแบบทันทีทันใดครับกับการใช้ชีวิตแต่ละวัน แต่มันดีตรงที่มันก้าวไปด้วยความหวังครับ ไม่ใช่มืดบอดตามยถากรรมแล้วแต่เวรกรรมแบบแต่ก่อนเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน? แต่ก่อนตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้สามารถตอบได้อย่างมั่นใจแล้วครับ
ในคริสตจักรก็จะมีอาจารย์หลายคนเป็นแบบอย่างให้ก็ด้วยกับการใช้ชีวิต เพราะถ้ามีแต่คนในพระคัมภีร์เป็นแบบอย่างให้อย่างเดียวก็ไม่ง่ายครับที่จะทำตามพวกเขาได้กับการใช้ชีวิตในความเชื่อ ไม่เหมือนกับมีคนของพระเจ้าตัวเป็นๆ คอยจูงนำให้ครับ
จากพระคำตอนนี้กับการที่ผีออกจากลูกสาวของแม่คนนี้ตอนที่เธอยอมรับว่าเธอเป็นหมา ก็เลยทำให้ผมได้เข้าใจครับว่า มารซาตานมันก็หลอกเราได้กับตอนที่เรายังไม่ได้มารู้จักกับพระเยซูนี้ครับ หลังจากได้รู้แล้วว่าพระองค์คือเจ้าของทุกสิ่งแบบนี้มันก็เปลี่ยนโฟกัสย้ายมาสนใจกับพระเยซูแทนแบบนี้ มารซาตานก็หลอกไม่ได้อีกต่อไปแบบนี้ กับทุกปัญหาหรือกับสงครามชีวิตจึงจบลงได้แบบนี้ครับ
โฆษณา