3 ธ.ค. เวลา 13:33 • การศึกษา

|จนกว่า​ |เด็กปิดตา​ |จะโต

วันคนพิการสากลและบันทึกที่เขียนโดยผู้ที่พิการทางการมองเห็น​ ได้รับรางวัลหนังสือระดับชาติ
"เส้นทางชีวิตที่ผ่านมาของฉันแม้ไม่ถึงกับราบรื่นแต่ก็ไม่ขรุขระจนเกินไป​ นับได้ว่าเป็นโชคดีอีกประการหนึ่งเช่นกัน​ เพราะหากฉันไม่รู้จักความเศร้าเสียใจก็คงไม่ได้รู้จักความสุขที่แท้จริง​ ถ้าฉันไม่พบอุปสรรคก็คงไม่รู้จักความพยายาม
โลกนี้​ อาจมีคนจำนวนมหาศาลที่มีโอกาสกลายเป็นผู้โชคดีที่สุดในโลก​ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้สึกว่าตนโชคดี​ ฉันคิดว่าเมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าเราโชคดี​ แม้เป็นความรู้สึกเพียงแวบเดียวก็คุ้มค่า​ เพราะความรู้สึกนั้นบอกเราว่า​ ขณะนี้เราได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่อย่างแท้จริง​ และช่วงเวลานั้น​ เราจะขอบคุณสิ่งที่เรามีอย่างจริงใจที่สุด" (น.​๖๘-๖๙)
--- จาก "|จนกว่า |เด็กปิดตา​ |จะโต" ของ​'พลอย' สโรชา​ กิตติสิริพันธุ์​
=====
วันที่​ ๓​ ธันวาคมนี้เป็น #วันคนพิการสากล​ (International Day​ for Persons with Disabilities) แอดขอแนะนำหนังสือเรื่อง "|จนกว่า |เด็กปิดตา​ |จะโต" ของนักเขียนผู้มีดวงตาพิการคือ​ พลอย​ สโรชา กิตติสิริพันธุ์​ ผู้เขียนมีความพิการทางการมองเห็นเนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งที่จอประสาทตาตั้งแต่อายุได้เพียงสองขวบกว่า
.
หนังสือเล่มนี้เป็นงานเขียนที่พิมพ์รวมเล่มจากบันทึกส่วนตัวที่พลอยเขียนไว้ตลอดเกือบสองปีเต็มขณะเรียนวิชาบรรณาธิการศึกษา​เมื่ออยู่ปีสามที่คณะอักษรศาสตร์​ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระหว่างปี​พ.ศ.​๒๕๕๖- ๒๕๕๗​
.
ในบันทึกเล่มนี้​ผู้เขียนใช้ภาษาและถ้อยคำที่อ่านเข้าใจง่าย​ และสื่อความคิดต่าง​ ๆ​ ได้อย่างไพเราะสละสลวย​ เราจะได้รับรู้ชีวิตของพลอยตลอดจนเรื่องราวของผู้คนและสิ่งต่าง​ ๆ​ รอบตัวที่เธอพบเจอในชีวิตประจำวัน​ทั้งที่บ้าน มหาวิทยาลัย​ โรงพยาบาล​ ป้ายรถ​ BRT ฯลฯ​ รวมทั้งข่าวสารและเหตุบ้านการเมืองที่เกิดขึ้นช่วงนั้น เป็นบันทึกที่ไม่เพียงสะท้อนตัวตนของพลอยอย่างเด็กสาวคนหนึ่ง​ แต่เป็นตัวแทนผู้พิการที่เติบโตมาท่ามกลางความรักและอุปสรรคเช่นคนปกติทั่วไป
.
ครั้งแรกที่แอดอ่านเมื่อเกือบสิบปีก่อน​ที่ยังไม่รู้จักผู้เขียนก็อ่านเหมือนอ่านบันทึกทั่วไป​ แต่ประทับใจการใช้ภาษาและความคิดของเธอมากว่าในวัยย่างยี่สิบปีเธอช่างมีความคิดเช่นผู้ใหญ่ในหลาย​ ๆ​ เรื่อง​ที่เราก็คิดไม่ถึง​ เช่น​ "ความคิด​ ไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ​ แต่ตลอดเส้นทางชีวิตเราต้องคิดอยู่เสมอ​ ที่สำคัญต้องคิดอย่างสร้างสรรค์​ มิใช่ฟุ้งซ่าน​ คิดตั้งคำถาม​ มิใช่โทษอุปสรรค​ คิดแก้ไข​ มิใช่คิดหลีกเลี่ยง​ หรือหากจะกล่าวง่ายๆ​ ก็คือ​ เราต้องคิดเป็นนั่นเอง​... (น.​๕๔-๕๕)
.
สิ่งที่ผู้อ่านจะสัมผัสได้จากหนังสือเล่มนี้คือ​ มุมมองต่อสิ่งต่างๆ​ ที่ผ่านการคิดและไตร่ตรองและความสดใสอารมณ์ดีที่สื่อผ่านตัวหนังสือ​ ช่วยให้ผู้อ่านได้คิดตามและมีกำลังใจที่ดีในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ามีความหมาย​ตามไปด้วย​ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อพลอยไปเยี่ยมอาม่าที่โรงพยาบาล​ เธอเล่าว่าเคยนอนค้างที่โรงพยาบาลครั้งเดียวเมื่ออายุไม่เกินสามขวบ​ และคิดว่าคงเป็นความโชคดีที่เธอเด็กเกินไปที่จะจดจำได้ถึงความเจ็บปวดและความกลัว​ พลอยบันทึกสิ่งที่ได้จากการไปเยี่ยมอาม่าครั้งนั้นว่า
"... ไปโรงพยาบาลทุกครั้ง​ มักนึกถึงความไม่แน่นอนของชีวิต​ เราจะล้มเจ็บเมื่อใดก็ไม่รู้​ ทำให้สำนึกในคุณค่าของเวลาเป็นพิเศษ​ ฉันไม่ควรขี้เกียจหรืออิดออดเลยในขณะมีโอกาสทำอะไร​ ๆ​ ได้อยู่เช่นนี้​ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำและจำเป็นต้องทำ​ โรงพยาบาลคอยเตือนเสมอ​ อย่าโปรยเวลาทิ้งเล่นตามทาง​จงหว่านใบริเวณที่ดินดี​ ให้เป็นประโยชน์ต่อตนและโลก" (น.​๑๗๕)
.
เครดิตภาพ: พลอย สโรชา กิตติสิริพันธุ์
แม้หนังสือเล่มนี้จะเป็นเพียงบันทึกเรื่องราวชีวิตช่วงหนึ่งของผู้ที่ดวงตาพิการ แต่ผู้อ่านจะรู้สึกมีความสุข​ และอิ่มใจไปด้วย​เพราะความเพลิดเพลินจากเนื้อหาและภาพประกอบที่ผู้เขียนวาดเองเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความรักความอบอุ่น​ที่ได้รับจากพ่อแม่พี่สาว​ เพื่อนๆ​ และคนรอบข้าง​ที่ได้รู้จัก
.
พลอยยังเล่าถึงความใฝ่ฝันของเธอด้วย บางช่วงเธอก็เจอปัญหาและอุปสรรคแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี​ เมื่ออ่าน​ "|จนกว่า |เด็กปิดตา​ |จะโต" ผู้อ่านหลายท่านน่าจะรู้สึกคล้ายแอดว่าอ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนดูซีรีส์ละครชีวิตที่มีสีสรรของตัวเอกตั้งแต่ต้นจนถึงตอนจบ
.
โดยรวมบันทึกเล่มนี้อบอวลด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขของเด็กสาวผู้กำลังเติบโตจนถึงบทสุดท้ายเมื่อถึงวันสำคัญคือการไปร่วมงานซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตร​ ซึ่งทุกคนวุ่นวายเตรียมโน่นนี่นั่นให้พลอย​ เมื่อเดินทางจากบ้านฝนก็ตกและรถติด​​ ผู้เขียนกลัวว่าพ่ออาจจะลุ้นน้อยกว่าตนเอง จึงเล่าว่า​ "เขาบอกว่าถ้าไปช้ากว่าแปดโมงครึ่ง​ประตูหอประชุมจะปิด​ อดซ้อม อดรับ" พ่อจะพาพลอยไปทันเข้างานซ้อมได้อย่างไร เพราะพ่อไม่มีทางยอมให้เธออดเข้าซ้อมรับปริญญาบัตรอย่างแน่นอน...
พลอยในวันรับพระราชทานปริญญาบัตร
พลอย​เรียนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งวิชาเอกภาษาไทย​จากคณะอักษรศาสตร์​ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย​ ในวัย​ ๓๑​ปี​ เธอทำงานเป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์ผีเสื้อปีกบาง​ พลอยเป็นบรรณาธิการผู้พิการทางการมองเห็นคนแรกของประเทศไทย​ ติดตามเธอได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ​ https://www.facebook.com/bfly.forpwd?mibextid=ZbWKwL
.
ผู้อ่านท่านใดสนใจสนับสนุนงานเขียนของผู้พิการ​ ก็สามารถช่วยอุดหนุนหนังสือของพลอย​ได้ด้วย​ นอกจาก​เรื่อง​ "|จนกว่า |เด็กปิดตา​ |จะโต" ซึ่งพิมพ์รวมเล่มในปี​ พ. ศ. ๒๕๕๘​ และได้รับรางวัลชมเชย กลุ่มหนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ ๑๒​ - ๑๘ ปี (สารคดี) จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปี​๒๕๕๙​ แล้ว​ ผู้เขียนยังมีผลงานอีกสองเล่มคือ​ "ก.ไก่เดินทาง" และ​ "เห็น" ในปี​ ๒๕๕๙​ และ​ ๒๕๖๒​ ตามลำดับ
.
.
เครดิตภาพจากเฟซบุ๊กของ​ พลอย -​ สโรชา​ กิตติสิริพันธุ์
หมายเหตุ
- บทความวิจารณ์หนังสือเล่มนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของทีมแอดมินเพจ
- หนังสือนี้มิได้รับแจกเป็นบรรณาการจากสำนักพิมพ์ และเพจมิได้รับค่าตอบแทนในบทวิจารณ์แต่อย่างใด
.
.
#อ่านอีกครั้งก็ยังชอบ​ #จนกว่าเด็กปิดตาจะโต​ #สโรชากิตติสิริพันธุ์ #วันคนพิการสากล #ผู้พิการทางสายตา​ #สำนักพิมพ์ผีเสื้อปีกบาง​ #ชวนกันอ่าน #สำนักพิมพ์ผีเสื้อ
โฆษณา