6 ธ.ค. เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เหตุผลที่ควรลงทุน ‘อินเดีย’ เมื่อปี 2025 จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

การนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ย่อมมาพร้อมกับแนวการดำเนินนโยบายการค้าที่แข็งกร้าว โดยเฉพาะการปรับเพิ่มภาษีนำเข้า ซึ่งจะทำให้สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความตึงเครียดมากขึ้น การกระจายการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบน้อย หรือประเทศที่มีการพึ่งพาเศรษฐกิจของตัวเองเป็นหลัก น่าจะเป็นแนวทางการลงทุนที่ดีสำหรับปี 2025
1
‘อินเดีย’ จึงเป็นชื่อแรก ๆ ที่ BBLAM นึกถึง เนื่องจากเศรษฐกิจของอินเดียยังคงมีทิศทางเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อก็มีทิศทางลดลง ซึ่งเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) สามารถดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น
1
นอกจากนี้ ยังมีหลายปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเสถียรภาพของรัฐบาล โครงสร้างประชากร การปฏิรูปกฎหมาย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และกระแสเงินลงทุนในประเทศผ่านโปรแกรม SIP (Systematic Investment Plans) ที่สนับสนุนให้คนอินเดียเก็บออมเงินเพื่อการเกษียณ และนำเงินไปลงทุนผ่านกองทุนหุ้นเป็นประจำ โดยมีแรงจูงใจคือสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้งนี้ เมื่อลงลึกในรายละเอียดจะพบว่าการลงทุนในอินเดียตอนนี้เต็มไปด้วย 4 โอกาสสำคัญ ได้แก่
3
1. การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน
รัฐบาลอินเดียให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะนี่คือปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต ปัจจุบัน อินเดียมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งชาติ ซึ่งใช้งบประมาณราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ครอบคลุมโครงการก่อสร้างถนน ระบบขนส่งทางราง การเกษตร สาธารณูปโภค และการสื่อสาร และยังมีอีก 2 โครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการ Bharatmala Pariyojana ที่มุ่งเน้นการพัฒนาถนนและระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งเชื่อมต่อกันระหว่างเมือง และช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับระบบโลจิสติกส์
2
ถัดมาคือโครงการ Atmanirbhar Bharat ที่รัฐบาลอินเดียให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจอินเดีย สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมั่นคงมากขึ้นในอนาคต
2. การบริโภคและการผลิตภายในประเทศ
2
ปัจจุบัน อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 5 ของโลก โดยมีทรัพยากรสำคัญคือประชากรที่มีมากถึง 1,430 ล้านคน ในจำนวนนี้คิดเป็นประชากรวัยแรงงาน 522 ล้านคน โดยมีค่าเฉลี่ยอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น ข้อมูลดังกล่าวนอกจากจะสะท้อนถึงกำลังการบริโภคมหาศาลภายในประเทศแล้ว ยังหมายถึงกำลังการผลิตของอินเดีย
1
เนื่องจากแรงงานวัยหนุ่มสาวเหล่านี้มีจุดแข็งคือภาษาและทักษะที่หลายบริษัทต้องการ เมื่อประกอบกับค่าแรงที่ถูกกว่าฝั่งตะวันตกในชุดทักษะเดียวกันแล้ว อินเดียจึงเป็นชาติแรก ๆ ที่ได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งทางการค้าของจีนกับสหรัฐฯ เนื่องจากการเข้ามาลงทุนเพื่อสร้างฐานการผลิตสินค้า
1
3. เทคโนโลยี
อินเดียโดดเด่นอย่างมากในเรื่อง IT Services ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเทคโนโลยีที่เติบโตไปพร้อม ๆ กับ AI และเทคโนโลยีอื่น ๆ ทั่วโลก นอกจากนี้อินเดียยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ราคาถูก ๆ โดยเฉพาะสมาร์ตโฟน ทำให้ประชากรเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายมากขึ้น จึงเป็นโอกาสเติบโตของแพลตฟอร์มธุรกิจต่าง ๆ
1
โดยเฉพาะบริการจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ ขณะเดียวกันความต้องการใช้งาน Data ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จึงเกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และเร่งทำให้เกิดการ Urbanization หรือการพัฒนาพื้นที่ชนบทให้กลายเป็นเมืองเพิ่มมากขึ้น
4. การดูแลสุขภาพ
หากนับเฉพาะผู้บริโภคภายในประเทศ อินเดียนับว่าเป็นตลาด Domestic Health Care Services ขนาดใหญ่ ซึ่งการให้บริการในปัจจุบันต้องบอกว่ายังไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล ยารักษาโรค และอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ โดยพื้นที่ 65% ของอินเดียยังเป็นพื้นที่ชนบท การดูแลสุขภาพจึงเกิดขึ้นที่ศูนย์การแพทย์ขนาดเล็ก และให้บริการโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด
1
ทั้งนี้ มีประชากรอินเดียเพียงประมาณ 20% ที่มีประกันสุขภาพ และอัตรานี้ก็ต่ำกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว การพัฒนาระบบสุขภาพและสาธารณสุข จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลอินเดียให้ความสำคัญ
1
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้จะพบว่าอินเดียยังคงมีทิศทางเติบโตอย่างแข็งแกร่งในหลายด้าน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาชาติอื่น ๆ มากนัก ทำให้มีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนที่ต้องระมัดระวังปัจจัยด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้าที่ตึงเครียด BBLAM ขอแนะนำ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ’ (B-BHARATA) ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
2
ทั้งนี้ กองทุน B-BHARATA มีนโยบายลงทุนใน RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II (กองทุนหลัก) ซึ่งลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอินเดีย อาทิ Reliance Industries, Infosys, ZOMATO, ICICI Bank และ HDFC Bank ซึ่งครอบคลุม 4 โอกาสสำคัญที่อินเดียกำลังพัฒนาตนเอง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
2
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
1
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา