4 ธ.ค. เวลา 12:37 • ไลฟ์สไตล์

วันจักรยานยางหนาโลก 4 ธันวาคม 2567 Global Fat Bike Day

ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยยานพาหนะที่ใช้พลังงานเครื่องยนต์หลากหลายประเภท เรามักมองข้ามจักรยาน ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังมนุษย์ไปโดยง่าย แม้จักรยานจะถูกแทนที่ด้วยยานพาหนะที่เร็วกว่าและใช้พลังงานเชื้อเพลิง แต่จักรยานนั้นไม่ได้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเท่าที่เราอาจเข้าใจ ความจริงแล้ว มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับมีการออกแบบและการใช้งานที่หลากหลาย จนกลายเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
.
ย้อนไปในศตวรรษที่ 15 จุดเริ่มต้นของจักรยานในปัจจุบันมาจากอุปกรณ์ที่คล้ายกัน เช่น ยานพาหนะสี่ล้อที่ขับเคลื่อนด้วยเชือกซึ่งพัฒนาโดยจิโอวานนี ฟอนทานา (Giovanni Fontana) นักประดิษฐ์ชาวอิตาลี ซึ่งได้ใช้ภาพร่างสองล้อของเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) *แม้ว่าความแท้จริงของภาพเหล่านั้นจะยังเป็นที่ถกเถียงกัน
.
จักรยานคันแรกที่แท้จริงปรากฏในปี 1817 โดยบารอน ฟอน ดราอิส (Baron von Drais) ชาวเยอรมัน ซึ่งเรียกว่า "เวลโลซิพีด" (velocipede) หรือ "จักรยานทรงตัว" เพื่อใช้แทนม้าซึ่งเกิดการขาดแคลนจากวิกฤตการณ์อาหารในยุโรปในตอนนั้น โดยจักรยานนี้ทำจากไม้ทั้งหมดและไม่มีแป้นเหยียบ ผู้ใช้ต้องใช้เท้าถีบพื้นเพื่อเคลื่อนที่
.
ความก้าวหน้าของจักรยานสมัยใหม่ดำเนินไปทีละน้อยในช่วงหลายทศวรรษต่อมา แป้นเหยียบคันแรกปรากฏขึ้นบนจักรยานแบบเวโลซิพีดในปี 1839 ในสกอตแลนด์ และในปี 1845 ในนอังกฤษ มีการเพิ่มยางลมให้กับล้อ ในปี 1864 ความก้าสวหน้าก็เพิ่มขึ้นในรูปแบบจักรยาน "Boneshaker"
.
ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อังกฤษกลายเป็นผู้นำในพัฒนาการจักรยานด้วยความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม เช่น "เพนนี ฟาร์ธิง" (Penny Farthing) ที่มีล้อหน้าขนาดใหญ่ จักรยานเริ่มสะดวกและใช้งานได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์เช่นยางลม ลูกปืน และเบรกก็ถูกเพิ่มเข้ามา จนในปี 1885 จักรยานแบบ "โรเวอร์" ซึ่งใกล้เคียงกับจักรยานในปัจจุบันที่สุดได้รับการเปิดตัว
.
จักรยานไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่การเดินทาง แต่ยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องสังคม เช่น การเพิ่มอิสรภาพให้กับสตรีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สร้างแรงผลักดันต่อการเรียกร้องสิทธิสตรีที่เริ่มมีพลังมากขึ้นในยุคนั้น
.
ในศตวรรษที่ 20 การพัฒนาวัสดุ เช่น ไทเทเนียม คาร์บอนไฟเบอร์ และอะลูมิเนียม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและน้ำหนักเบาให้จักรยาน เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เบรกดิสก์ ระบบเกียร์ไฟฟ้า และจักรยานไฟฟ้าก็เข้ามาเสริมศักยภาพ ทำให้จักรยานสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้
...
วันจักรยานยางหนาโลก 4 ธันวาคม 2567 Global Fat Bike Day
"วันจักรยานยางหนาโลก" หรือ "วันจักรยานแฟตไบค์โลก" จัดขึ้นในวันเสาร์แรกของเดือนธันวาคมทุกปีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 และในปีนี้ตรงกับวันที่ 4 ธันวาคม เป็นวันที่พิเศษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบจักรยาน Fat Bike ด้วยวิธีการขี่จักรยาน Fat Bike!
.
คำว่า Fat Bike หรือ จักรยานยางหนา หมายถึงจักรยานที่ออกแบบมาให้มียางขนาดใหญ่พิเศษ เพื่อเพิ่มความสามารถในการขี่บนพื้นผิวที่ท้าทาย เช่น ทราย หิมะ หรือโคลน
ในปี ค.ศ. 1900 จักรยาน Fat Bike รุ่นแรกเกิดขึ้น เป็นจักรยานที่มีสองถึงสามล้อวางขนานกันเพื่อเพิ่มพื้นผิวสัมผัสกับพื้นดิน
.
ในเวลาไม่ถึงทศวรรษนั้นวันนี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ ผู้เริ่มต้นไอเดียนี้ ได้แนวคิดจากการสนทนาและการขี่จักรยานในกลุ่มเล็กๆ เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มคนรักจักรยาน Fat Bike ในสหราชอาณาจักรเริ่มจัดกิจกรรมการขี่จักรยานเล็กๆ พวกเขาเรียกว่า "Just grassroots stuff" ความฝันคือการรวมตัวคนและจักรยานที่น่าทึ่งในที่เดียว แต่เนื่องจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ (ค่าใช้จ่าย ตารางเวลาที่ขัดแย้งกัน ฯลฯ) แผนดังกล่าวจึงไม่เคยเกิดขึ้น
.
ต่อมาแนวคิดของการรวมตัวทั่วโลกเพื่อเฉลิมฉลองจักรยานเสือภูเขาเก่าเริ่มเกิดขึ้น โดยมีหลักการง่ายๆ คือตกลงกันในเวลาที่กำหนดและวัน แล้วขึ้นขี่จักรยาน ซึ่งไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก คุณเพียงแค่ขี่จักรยานในเวลาที่กำหนดในเขตเวลาของคุณ
.
ส่วนการขี่จักรยาน Fat Bike มักจะเกิดขึ้นในที่ที่เดือนธันวาคมเย็น มีหิมะตกเล็กน้อย ซึ่งหิมะบนเส้นทางทำให้การขี่จะกลายเป็นที่จดจำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นพื้นหิมะอย่างเดียว ไม่ว่าจะบนทราย หรือพื้นถนนก็ยังสามารถทำให้การขี่เป็นที่จดจำได้เช่นกัน
.
ไม่นานนัก ไอเดียนี้ก็มีคนสนใจในหลายประเทศและแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทางออนไลน์ และนี่คือที่เรามาถึงในวันนี้ วันแห่งจักรยาน Fat Bike วันที่เริ่มต้นในอังกฤษ และได้รับความนิยมในแคนาดา ต่อด้วยสหรัฐอเมริกา เป็นวิธีที่ชุมชนจักรยาน Fat Bike จะแบ่งปันประสบการณ์และเฉลิมฉลองความรักที่พวกเขามีต่อจักรยานที่งดงามนี้
จะขี่จักรยานได้อย่างสบายๆ ก็ต้องมีอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายสินะ!
มาดูเมนูอาหาร น่ากินน่าอร่อย ที่ช่วยบำรุงร่างกายกัน
1. โปเกโบวล์ (Poke Bowl) เมนูจากฮาวาย
ข้าวกล้อง, ปลาแซลมอนสดหรือทูน่า, อะโวคาโด, สาหร่าย, ผักสด, ซีอิ๊วญี่ปุ่น
2. Lentil Curry แกงถั่วเลนทิล เมนูจากอินเดีย
ถั่วเลนทิล, ผักโขม, มะเขือเทศ, เครื่องเทศ (ขมิ้น, ยี่หร่า)
3. กัวคาโมเล่กับแครกเกอร์ธัญพืช (Guacamole with Whole Grain Crackers) เมนูจากเม็กซิกัน
อะโวคาโด, น้ำมะนาว, หอมแดง, ผักชี, แครกเกอร์โฮลเกรน
4. ควินัวกับสตูผัก (Quinoa and Vegetable Stew) เมนูแถบ อเมริกาใต้อย่าง เปรู และโบลิเวีย
ควินัว, มะเขือเทศ, แครอท, บรอกโคลี, ถั่วลันเตา, สมุนไพร
5. ซุปฟักทองญี่ปุ่น (Japanese Pumpkin Soup)
ฟักทองญี่ปุ่น, หอมใหญ่, น้ำซุปดาชิ, นมถั่วเหลืองหรือนมไขมันต่ำ
6. ซุปมันฝรั่งกับเลอครีม (Potato and Leek Soup) มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส
มันฝรั่ง, ต้นกระเทียม (Leek), น้ำซุปผัก, ครีมไขมันต่ำ
7. ต้มยำกุ้ง
ได้รับการขึ้นทะเบียน โดยยูเนสโกเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในปี พ.ศ. 2567
.
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้ที่อาหาร และออกกำลังกาย สุขภาพแข็งแรง ไปเที่ยวไหน ไปกินของอร่อยที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นครับผม
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: fat-bike .com
: historycooperative .org
: bikemn .org
.
LookAt
LookAt
โฆษณา