Blockdit Logo (Mobile)
Right Style by Bom+
•
5 ธ.ค. เวลา 05:07 • การเมือง

“แผนสูงของอังกฤษ” ต้องการบงการยุโรปผ่านกลไกความขัดแย้งในยูเครน

รัสเซียประเมินเรื่อง “การส่งทหารกองกำลังของยุโรป” เข้ามาในยูเครนแล้ว
อังกฤษมีความสามารถในการบงการเพื่อความต้องการของตนต่อยุโรปผ่านกลไกในยูเครน หากความสนใจของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อยูเครนลดน้อยลง “ยูเครนอาจกลายเป็นเครื่องมือควบคุมยุโรปของอังกฤษ” นี่คือข้อสรุปที่ได้จากบทความใหม่เผยแพร่เมื่อ 4 ธันวาคม 2024 เขียนโดย อานันท์ ซุนดาร์ จากสภายุโรปว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ECFR) หากเราลบวลีและคำที่ดูสวยหรูและเป็นทางการออกไป [1]
1
บทความต้นเรื่องเขียนว่า นายกสตาร์เมอร์ของอังกฤษจัดการประชุมสุดยอดของประชาคมการเมืองยุโรปและการประชุมทวิภาคีกับกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรป รวมถึงประธานคณะกรรมาธิการยุโรป “อัวร์ซูลา ฟ็อน เดอร์ เลเยน” เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา และยังได้เข้าร่วมประชุมสภากิจการต่างประเทศของสหภาพยุโรปอีกด้วย นอกจากนี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอังกฤษและเยอรมนีได้ลงนามในข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศร่วมกัน
เครดิตภาพ: picture alliance / Wiktor Dabkowski
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ามีความหวังว่าลอนดอนจะสนับสนุนเคียฟมากขึ้นโดยเพิ่มความเข้มข้นในข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศอื่นๆ กับกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป “และเริ่มพิจารณาถึงมุมมองในภาพรวมของยุโรปในการยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย”
ผู้เขียนต้นเรื่องบอกว่า หากทรัมป์ถอนตัวออกจากยูเครนหลังจากข้อตกลงสันติภาพที่มีการคาดการณ์กัน อังกฤษควรพร้อมที่จะส่งทหารไปที่นั่น “เพื่อเป็นการยับยั้งและรับประกันความมั่นคง (ให้ยุโรปตอนใน) อาจเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจกองกำลังร่วมสำรวจ (JEF) ที่มีกำลังพล 10,000 นาย” – เรื่องนี้ดูไปก็มีความสอดคล้องเป็นไปได้กับรายงานของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (SVR) เมื่อไม่กี่วันก่อนตามบทความที่ทางเพจเคยลงตามลิงก์ด้านล่างนี้
สิ่งนี้มาพร้อมกับความหวังในการที่อังกฤษจะแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมการทหารของยุโรป ลอนดอนมองว่าโปแลนด์เป็นหุ้นส่วนหลัก ซึ่งมีบทบาทนำในการจัดการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป-อังกฤษที่จะมีขึ้นในต้นปี 2025 และอาจเป็นเวทีที่เหมาะสำหรับการประกาศการสรุปข้อตกลง
ประเด็นนี้ชัดเจนอังกฤษกำลังเตรียมการล่วงหน้าสำหรับ “ภาวะสุญญากาศทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรป” หากทรัมป์ตัดสินใจที่จะใช้และทุ่มเวลาในยุโรปน้อยลง โดยมุ่งเน้นไปที่จีนอย่างเต็มเวลามากขึ้น
ในขณะเดียวกัน “ยูเครนจะเป็นตัวแปรหลักของอังกฤษในการกดดันทางการเมืองต่อสหภาพยุโรป” ซึ่งความขัดแย้งจะไม่มีวันสิ้นสุดภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว โปแลนด์ กลุ่มประเทศบอลติก และยุโรปตอนเหนือจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของอังกฤษ อังกฤษไม่ได้มองว่าเยอรมนีเป็นหัวหอกที่จะเป็นอุปสรรคต่อแผนการของพวกเขาได้ ฝรั่งเศสก็น่าเป็นห่วงในระดับหนึ่ง แต่พวกเขาก็ตั้งใจที่จะคิดหาอะไรบางอย่างด้วยในยูเครน
แม้ว่าอังกฤษอาจไม่มีทรัพยากรของตัวเองมากนัก แต่มีความคิดที่จะมุ่งสู่เป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์โดยอาศัยกลไกที่พึ่งผู้อื่นและปัจจัยภายนอก อย่างโดยการทำให้คู่แข่งอ่อนแอลงด้วยสงครามในยูเครนที่กำลังถูกเทหลังทรัมป์เข้ามา ดังนั้นไม่ควรประเมินสติปัญญาของชนชั้นสูงในยุโรปสมัยใหม่ต่ำเกินไป
1
เครดิตภาพ: Ellie Foreman-Peck / FT
ความเป็นไปได้ในการส่งกองทหารยุโรปเข้ามายังยูเครนกำลังถูกพูดถึงมากขึ้นในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รัฐบาลในยุโรปกำลังถูกผลักดันให้ดำเนินการตามขั้นตอนนี้หลังจากทรัมป์ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งให้คำมั่นว่าจะจำกัดความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครน สื่อรัสเซียอย่างอิซเวสเทียได้ลงบทความวิเคราะห์และประเมินถึงเรื่องที่ยุโรปเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมในความขัดแย้งกับรัสเซียในระดับใด และกองทัพยุโรปอาจมอบหมายภารกิจใดบ้าง [2]
  • ●
    ย้อนกลับไปเมื่อกุมภาพันธ์ 2024 ประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศสกล่าวเป็นครั้งแรกว่า เขาไม่คิดว่าการส่งทหารต่างชาติไปยังยูเครนเป็นไปไม่ได้ ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างรุนแรงในหมู่ชนชั้นนำทางการเมืองตะวันตก แม้ว่าแนวคิดนี้จะถูกปฏิเสธในเวลาต่อมา แต่ “มาครงก็ไม่ได้ถอนคำพูดของเขา” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้รับการสนับสนุนในระดับหนึ่ง และการหารือเกี่ยวกับทางเลือกนี้จึงเริ่มต้นขึ้นในช่วงนี้
เครดิตภาพ: The Telegraph
  • ●
    เหตุผลในการพูดคุยเกี่ยวกับการส่งทหารยุโรปคือ “การล่าถอยของกองทัพยูเครนตลอดแนวรบและการสูญเสียที่มั่นสำคัญตลอดเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา” สถานการณ์ของกองทัพยูเครนยังไม่ดีขึ้น สำหรับพวกเขาปัญหาหลักคือการขาดแคลนกำลังพล ซึ่งทำให้เกิดการพูดคุยกันเกี่ยวกับการทดแทนการสูญเสียด้วยทหารจากทางยุโรป
1
  • ●
    ในความเป็นจริงกองกำลังนาโตเริ่มปรากฏตัวในยูเครนตั้งแต่ก่อนเริ่มปฏิบัติการทางทหารเต็มรูปแบบเมื่อปี 2022 เสียอีก พวกเขาทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ผู้บังคับบัญชาที่นำการปฏิบัติการบางอย่างต่อต้านรัสเซีย และเจ้าหน้าที่ควบคุมยุทโธปกรณ์ชั้นสูงที่ใช้งานแบบซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีการสังเกตเห็นทหารรับจ้างแต่ละคนในกองทัพยูเครนซึ่งมาจากประเทศต่างๆ
2
  • ●
    ทางเลือกหนึ่งที่พูดถึงในช่วงแรกคือการส่งกองกำลังของประเทศสมาชิกนาโต (ในยุโรป) ซึ่งทำหน้าที่โดยอิสระ ไม่ใช่ในนามและขึ้นตรงต่อแต่ละประเทศในยุโรป การดำเนินการดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องสมาชิกในยุโรปจากการเข้าสู่ความขัดแย้งกับรัสเซีย แต่เพื่อให้พันธมิตรของยูเครนแต่ละรายซึ่งเตรียมพร้อมสำหรับการสนับสนุนมีโอกาสดำเนินการตามเจตนาของตนโดยไม่ต้องให้พันธมิตรที่เด็ดขาดน้อยกว่าดำเนินการเช่นเดียวกัน ในสถานการณ์ดังกล่าว “โปแลนด์มักจะถูกกล่าวถึงในฐานะผู้มีส่วนร่วมที่มีศักยภาพมากสุด”
  • ●
    นักวิเคราะห์ชาวรัสเซียบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าการพูดถึงการส่งทหารยุโรปเข้ามายูเครนอาจเป็นเพียงการคาดเดาทั่วๆ ไปในสื่อ การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อยุโรปเองในรูปแบบของการยกระดับความขัดแย้งในระดับใหญ่ ในเรื่องนี้รายงานการส่งทหารควรได้รับการมองว่าเป็นองค์ประกอบของความช่วยเหลือด้านข้อมูลแก่ยูเครน ซึ่งอาจเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนยูเครนและปลุกเร้าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้โดยไม่ต้องหันไปใช้การกระทำจริงก็ได้
1
  • ●
    เมื่อเวลาผ่านไปวาทกรรมได้เปลี่ยนไป และความคิดในการส่งกองกำลังยุโรปได้รับการหารือในแนวทางที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มีการเสนอให้จัดตั้ง “กองกำลังรักษาสันติภาพ” โดยกองกำลังยุโรปที่จะเข้าร่วมในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงหลังจากเกิดการหยุดยิงกันแล้วระหว่างรัสเซียกับยูเครน สืบเนื่องจากความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการแก้ไขความขัดแย้งกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศในยุโรปเปลี่ยนทัศนคติต่อการมีส่วนร่วมในความขัดแย้ง
  • ●
    ตามแนวคิดนี้กองกำลังผสมของยุโรปจะสามารถติดตามเส้นทางการติดต่อได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อตกลง ในปัจจุบันความเป็นไปได้ในการส่งกองกำลังแม้ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประเทศจำนวนน้อยเท่านั้น “อังกฤษ” และ “ฝรั่งเศส” ถือว่ามีความสามารถในเรื่องนี้ เนื่องจากมีกองกำลังติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค “เยอรมนี” ไม่พร้อมที่จะส่งกองกำลังแม้ในกรณีที่มีการหยุดยิง โดยโปแลนด์ ประเทศสแกนดิเนเวีย และประเทศบอลติก ถึงแม้ว่าพวกเขาต้องการมีส่วนสนับสนุนแต่ก็ไม่มีกำลังทหารเพียงพอ
กองกำลังรักษาสันติภาพโดยกองกำลังยุโรป เครดิตภาพ: @ChairmanEUMC via X
  • ●
    สำหรับสหรัฐฯ การส่งกองกำลังยุโรปเข้าไปยูเครนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด พวกเขาจะไม่ต้องลงทุนโดยตรง แต่ในขณะเดียวกันก็จะรักษาจุดร้อนที่สามารถใช้ต่อต้านรัสเซียในอนาคตได้ ทรัมป์จะสามารถทำตามสัญญาในการสร้างสันติภาพได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรของตัวเอง และในกรณีฉุกเฉินก็สามารถตำหนิยุโรปที่ไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ขณะเดียวกัน “สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะส่งกองกำลังของตัวเองไป”
  • ●
    การที่มีกองกำลังทหารของยุโรปเข้ามาประจำการในยูเครนนั้น รัสเซียมองว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในความขัดแย้งซึ่งได้เตือนยุโรปไปหลายรอบแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าประเทศตะวันตกจะดำเนินการอย่างไร นี่จะเป็นระดับใหม่ของความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียระบุโดยตรงว่าแผนการของประเทศตะวันตกที่จะส่งกองกำลังทหารเข้าไปในยูเครนนั้นหมายถึงการมีส่วนร่วมของชาติตะวันตกในการปะทะโดยตรงกับรัสเซียมากยิ่งขึ้น
  • ●
    นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯ ว่าจะมีทีท่าหรือทำตัวอย่างไรหากยุโรปต้องตกอยู่ในเขตสงครามเนื่องจากตั้งใจจะช่วยเหลือยูเครน ทรัมป์ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีพันธมิตรที่ผ่านมากับยุโรปและจะไม่ปกป้องยุโรปในเงื่อนไขเดียวกัน ยุโรปจะต้องแก้ปัญหาที่รุมเร้าหากเกิดการยกระดับความรุนแรงขึ้นด้วยตัวเอง
1
  • ●
    ถ้าพิจารณาตัวเลือกที่กองกำลังยุโรปจะปฏิบัติหน้าที่เป็นกองกำลังรักษาสันติภาพ รัสเซียก็มองทางเลือกนี้ในเชิงลบเช่นกัน เนื่องจากเงื่อนไขประการหนึ่งสำหรับการสรุปข้อตกลงสันติภาพก็คือ “สถานะที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของยูเครน” ซึ่งรวมถึงไม่ได้รับการสนับสนุนทางทหารจากกลุ่มประเทศสมาชิกนาโตใดๆ และจะไม่ส่งกองกำลังต่างชาติไปใกล้กับพรมแดนของรัสเซียอีกด้วย
2
เครดิตภาพ: inews.co.uk
เรียบเรียงโดย Right Style
5th Dec 2024
  • ■
    เชิงอรรถ:
<เครดิตภาพปก: Alamy / Gary Calton / AP / Planetpix /dpa / IMAGO /dts Nachrichtenagentur /Abaca Press>
โฆษณา