5 ธ.ค. เวลา 05:19 • ข่าวรอบโลก

สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง กฎอัยการศึกและเรื่องอื้อฉาว

“ผมเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึก ของ ประธานาธิบดียุน ซอกยอล คือต้องการปกป้องภรรยา ที่กำลังหลงใหลในอำนาจอย่างเกินขอบเขต”
1
ความเห็นจาก “คิม มิน ซอก” (Kim Min-seok) แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน และ ส.ส.พรรคประชาธิปไตยเกาหลี (Democratic Party of Korea) ต่อกรณีประกาศกฎอัยการศึกอันแสนสั้นเพียง 6 ชั่วโมงของ ประธานาธิบดียุน ซอกยอล แห่งเกาหลีใต้
ความเห็นดังกล่าวเป็นจริงแค่ไหน?
4ธ.ค.24 :
ส.ส. 191 คนจาก 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งมีพรรคประชาธิปไตยเกาหลีเป็นแกนนำ ได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อยื่นคำร้องถอดถอน “นายยุน ซอกยอล” ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต่อรัฐสภา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่การประชุมในวันที่ 5 ธ.ค. พร้อมกับจัดให้มีการลงมติในวันที่ 6 หรือ 7 ธ.ค. ที่จะถึงนี้!
โดยญัตติดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า เป็นที่ชัดเจนว่าการประกาศกฎอัยการศึกของผู้นำเกาหลีใต้นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ รวมถึงยังมีเป้าประสงค์เพียงเพื่อหวังหลีกเลี่ยงการสอบสวนการกระทำความผิดที่เชื่อมโยงถึง นายยุน ซอกยอล และ “บุคคลในครอบครัว”
2
** หมายเหตุ สำหรับญัตติถอดถอนประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ นั้น ตามรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้มีการระบุเอาไว้ว่า จะต้องมีการลงมติภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีการเสนอญัตติเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา และต้องอาศัยเสียงของสมาชิกมากกว่า 2 ใน 3 ให้ความเห็นชอบ
1
ปัจจุบัน รัฐสภาเกาหลีใต้ มีจำนวน ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งสิ้น 191 คน ด้วยเหตุนี้ ญัตติดังกล่าวจึงต้องการเสียงจาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เพียง 8 เสียงเท่านั้น
3
ทั้งนี้ ตามระบบการปกครองของเกาหลีใต้ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข โดยได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน และจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว (5ปี) มีอำนาจประกาศกฎอัยการศึกและมาตรการฉุกเฉินต่างๆ รวมถึงเสนอร่างกฎหมายได้ แต่จะไม่มีอำนาจยุบสภา
1
ส่วนระบบการเมืองนั้น เป็นระบบสภาเดียว มีจำนวนสมาชิกรัฐสภารวมกันทั้งสิ้น 300 คน แบ่งเป็น ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง 253 คน ส่วนอีก 47 คน เป็นผู้แทนในระบบสัดส่วน **
เอาล่ะ! อ่านการเมืองเกาหลีใต้ 101 เพื่อทำความเข้าใจในเบื้องต้นกันแล้ว “เรา” ไปย้อนสู่คำถามที่ทิ้งค้างกันเอาไว้ในบรรทัดด้านบนโน่นกันดีกว่า….
1
“บุคคลในครอบครัวนายยุน ซอกยอล” คนไหนกันนะ ที่ผู้นำเกาหลีใต้พยายามปกป้อง เพื่อหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบ?”
คำตอบของเรื่องนี้ก็คือ... ท่านสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ที่มีชื่อว่า “คิม กอน ฮี” (Kim Gun hee)
แล้วเพราะอะไร “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้” จึงตกเป็น “เป้าหมายทางการเมือง” และนำไปสู่การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกของนายยุน ซอกยอล ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านกล่าวหาน่ะหรือ เช่นนั้นแล้ว “เรา” ลองไปร่วมกันรับฟัง สารพัดเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นกันดูดีกว่า
1
รู้จัก คิม กอน ฮี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง :
“คิม กอน ฮี” อายุ 51 ปี สมรสกับ “นายยุน ซอกยอล” ในปี 2012 ปัจจุบันนอกจากทำหน้าที่เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้แล้ว ยังเป็น CEO และประธาน Covana Contents บริษัทวางแผนจัดนิทรรศการทางด้านศิลปะด้วย
1
สำหรับประวัติส่วนตัวอย่างเป็นทางการนั้น เธอสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยคยองกี (Kyonggi University) , ปริญญาโทจาก มหาวิทยาลัยสตรีซุกมยอง (Sookmyung Women's University) และ ปริญญาเอกสาขาเทคโนโลยีดีไซน์ จากมหาวิทยาลัยกุกมิน (Kookmin University )
6
ซีรีย์หนึ่งวันพันเหตุการณ์ ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้ :
1
1.  ย้ายที่ทำงานจาก ชองวาแด เพราะฮวงจุ้ย :
นับตั้งแต่อดีตอัยการสูงสุด “ยุน ซอกยอล” ฮีโรของชาวเกาหลีใต้ทั้งมวลในฐานะข้าราชการตงฉินและหัวหอกในการปราบปรามการทุจริต ได้เบนเข็มเข้าสู่ถนนสายการเมือง จนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2022 เป็นต้นมา
4
เครดิตทางการเมืองของ นายยุน ซอกยอล ก็ค่อยๆตกต่ำลงตามลำดับจากเหตุการณ์ต่างๆนานา ที่มักถูกเชื่อมโยงไปถึง “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง”  อยู่เนืองๆ โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างความโกลาหลให้กับระบบหน่วยงานรัฐของประเทศทันที ที่เข้ารับตำแหน่ง!
จากกรณีใช้งบประมาณมากกว่า 36,000 ล้านวอน (871ล้านบาท) เพื่อย้ายที่ทำงานจากทำเนียบบูลเฮาส์ (Blue House) หรือ ชองวาแด (Cheong Wa Dae) ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและถูกใช้เป็นสถานที่ทำงานของผู้นำเกาหลีใต้มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ไปยัง “กระทรวงกลาโหม” โดยอ้างเพียงว่า “ต้องการทำงานใกล้ชิดกับประชาชน” ทั้งๆที่ในเวลานั้นประเทศอยู่ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 จนเป็นเหตุให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง
1
ซึ่งสำหรับประเด็นนี้ ต่อมาภายหลัง มีรายงานจากสื่อของเกาหลีใต้ระบุว่า สาเหตุที่แท้จริงในการย้ายสถานที่ทำงานในครั้งนี้ เป็นเพราะ “นายยุน ซอกยอล” เชื่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยของภริยาที่ว่า… “ชองวาแดอยู่ในฮวงจุ้ยที่ไม่ดี” จนเป็นเหตุให้ผู้นำเกาหลีใต้หลายต่อหลายคนก่อนหน้านี้ ต้องไปพบกับจุดจบแสนเศร้า ไม่ว่าจะเป็น เสียชีวิต ติดคุก หรือถูกขับไล่ จนต้องหนีออกนอกประเทศ!
2
2.  กระเป๋า Dior ใบนั้นเธอได้แต่ใดมา? :
คลิปวิดีโอแอบถ่ายขณะ “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้” รับมอบกระเป๋า Christian Dior มูลค่า 3 ล้านวอน (72,649บาท) , ผลิตภัณฑ์เสริมความงามแบรนด์ Chanel มูลค่า 1.79 ล้านวอน (43,295บาท) และ สุราแบรนด์หรูมูลค่า 400,000 วอน (9,674บาท) จากบาทหลวงที่มีความใกล้ชิดกับครอบครัวของ คิม กอน ฮี  ซึ่งถูกนำไปเผยแพร่บนยูทูป เมื่อเดือนกันยายนปี 2022 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองของเกาหลีใต้ไปในฉับพลัน
เนื่องจากถือเป็นการเข้าข่ายละเมิดกฎหมายที่ว่าด้วยการกำกับดูแลการรับสิ่งของหรือผลประโยชน์ตอบแทน (Improper Solicitation and Graft Act) ซึ่งกำหนดเอาไว้ว่า ห้ามหน่วยงานภาครัฐ , เจ้าหน้าที่รัฐและคู่สมรส รับเลี้ยงอาหารเกินมื้อละ 30,000 วอน (725บาท) , ของขวัญห้ามเกิน 50,000 วอน (1,209บาท) และเงินสดห้ามเกิน 100,000 วอน (2,418บาท)
4
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวและเรียกเสียงวิพากวิจารณ์เป็นวงกว้างในเกาหลีใต้ก็เป็นเพราะ “กระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง” ที่นอกจากจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้าแล้ว อัยการที่ทำหน้าที่สอบสวน ซึ่งมีความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำเกาหลีใต้ กลับสรุปผลการสอบสวนออกมาว่า…
1
“คิม กอน ฮี ไม่มีความผิด เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี อีกทั้งการมอบของขวัญดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแสดงความปราถนาดีเนื่องในโอกาสเข้าพบสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง มากกว่าจะเป็นรางวัลเพื่อแสดงการตอบแทนใดๆเป็นการเฉพาะ (หรือพูดง่ายๆก็คือไม่ชัดเจนว่าเป็นการมอบสินบน)
3
เนื่องจากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอ้างว่า...ไม่รู้ว่าผู้ที่มอบของขวัญดังกล่าว ต้องการให้เธอช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกเรื่องการช่วยฝังศพเพื่อนสนิท ที่สุสานแห่งชาติเกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน คิม กอน ฮี ยังอ้างด้วยว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง นำกระเป๋าดังกล่าวไปคืน ตั้งแต่ได้รับมอบแล้ว แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นลืม เนื่องจากติดภารกิจงานต่างๆอยู่
4
3.  ถูกกล่าวหามีส่วนพัวพันกับขบวนการปั่นหุ้น :
คิม กอน ฮี ถูกฟ้องร้องฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “คดีปั่นหุ้น Deutsch Motors” ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ BMW ในประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงระหว่างปี 2009 - 2012 ที่มีมูลค่าสูงถึง 63,600 ล้านวอน (153ล้านบาท)
1
อย่างไรก็ดี หลังการพิจารณาคดีอันยาวนานถึง 4 ปี 6 เดือน (เริ่มต้นการสอบสวนมาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2020 ซึ่งในช่วงนั้น นายยุน ซอกยอล ยังทำหน้าที่เป็นอัยการสูงสุด)
3
จนกระทั่งในเดือนตุลาคมปี 2024 ซึ่งเป็นช่วงที่ “นายยุน ซอกยอล” ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้แล้ว ศาลได้พิพากษา “ยกฟ้อง” สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ด้วยเหตุเพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ ที่จะสามารถชี้ชัดได้ว่า เธอเป็นผู้บงการหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทำให้หุ้น Deutsch Motors มีราคาสูงเกินจริงโดยตรง
ถึงแม้จะพบว่า “บัญชีหุ้น” ของเธอ ถูกนำไปใช้ ในช่วงระยะเวลาที่มีการปั่นราคาหุ้นก็ตาม เนื่องจากไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นผู้ทำธุรกรรมโดยตรง กับ บัญชีหุ้นของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
ซึ่งแตกต่างจากผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่มีบัญชีหุ้นเชื่อมโยงกับขบวนนี้ ที่ต่างถูกตัดสินว่ามีความผิด และต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 6 - 18 เดือน รวมถึงบางคนต้องจ่ายค่าปรับ 150 ล้านวอน (3.6ล้านบาท) ฐานละเมิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
1
ไม่เพียงเท่านั้น คำตัดสินดังกล่าวยัง “ขัดแย้ง” กับการชี้แจงของ นายยุน ซอกยอล ในช่วงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนหน้านี้ด้วย
เนื่องจากในครั้งนั้น นายยุน ซอกยอล อ้างว่า ภรรยาสาวสวย ได้มอบความไว้วางใจในการจัดการบัญชีหุ้นให้กับหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการคนหนึ่ง เป็นเวลา 4 เดือนในช่วงปี 2010 (หรือก่อนหน้าจะเกิดกรณีการปั่นหุ้น ซึ่งอยู่ในห้วงปี 2011 - 2012) อีกทั้งหลังจากนั้นไม่นาน เธอยังตัดสินใจถอนการลงทุนทั้งหมด รวมถึงตัดสัมพันธ์กับนักลงทุนรายดังกล่าวไปแล้ว หลังสูญเงินก้อนโตด้วย
3
4.  ถูกกล่าวหาลอกเลียนงานวิชาการและวิทยานิพนธ์ :
จากประวัติการศึกษาอย่างเป็นทางการของ “คิม กอน ฮี” ที่ “เรา” ให้ “คุณ” ได้อ่านผ่านสายตาในช่วงบรรทัดด้านบนนั้น จะเห็นได้ว่า ท่านสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมี Profile การศึกษาที่สวยหรู
1
อย่างไรก็ดี ในช่วงปี 2022 ประเด็นการจบการศึกษาอันสวยหรูของเธอก็กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาอีกจนได้
1
เมื่อการตรวจสอบของคณาจารย์และองค์กรวิชาการ 14 แห่ง พบว่า “ผลงานวิจัย 3 ชิ้นและวิทยานิพนธ์” ของ “คิม กอน ฮี” ซึ่งถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ระหว่างปี 2007 -  2008 และถูกใช้สำหรับจบการศึกษาปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยกุกมิน นั้น เข้าข่ายการลอกเลียนและปลอมแปลงผลงานทางวิชาการและวิทยานิพนธ์ของผู้อื่น และถือว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมทางวิชาการอย่างร้ายแรง
3
เนื่องจากมีการคัดลอกข้อความบางส่วนมาใช้ โดยไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มา รวมถึงบางส่วนยังเข้าข่ายการดัดแปลงคำเพียงเล็กน้อย และไม่เพียงเท่านั้น ยังพบว่ามีการใช้ภาษาอังกฤษที่ผิดเพี้ยนหลายจุดในผลงานเหล่านั้นด้วย
2
ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยกุกมิน จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอีกครั้ง อย่างไรก็ดีหลังผลการตรวจสอบที่ยาวนานถึง 8 เดือน มหาวิทยาลัยกุกมิน ได้เปิดเผยผลการตรวจสอบเพียงว่า....
1
“ไม่พบการละเมิดจรรยาบรรณทางวิชาการหรือการลอกเลียนผลงานที่ร้ายแรง ส่วนข้อบกพร่องบางประการในเรื่องการแปลความจากภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจทำให้ผลงานทางวิชาการและวิทยานิพนธ์ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับมาตรฐานในปัจจุบันนั้น ไม่ถือว่าเข้าข่ายการลอกเลียนผลงานแต่อย่างใด”
1
ส่วนในประเด็นเรื่องการละเมิดจริยธรรมทางด้านวิชาการนั้น ผลการสอบสวนจากมหาวิทยาลัยกุกมิน ระบุเพียงว่า...
“การประพฤติมิชอบทางวิชาการนั้น ควรยึดมาตรฐานทางสังคมและบรรทัดฐานทางวิชาการ ณ เวลานั้นๆ” (ซึ่งประเด็นนี้สื่อในเกาหลีใต้ ตีความนัยดังกล่าวเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า ทางมหาวิทยาลัยกุกมิน กำลังอ้างว่า ในปี 2008 ทางมหาวิทยาลัยไม่มีระบบการประเมินเรื่องจริยธรรมทางวิชาการนั่นเอง)
1
พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยกุกมิน ยังกล่าวอ้างอีกด้วยว่า “ไม่สามารถสอบสวนเรื่องนี้ได้อย่างละเอียดเนื่องจาก ผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2012 แล้ว ซึ่งนั่นเท่ากับ สิ้นสุดระยะเวลา 5 ปี สำหรับการตรวจสอบเอกสารดังกล่าวตามระเบียบไปแล้วด้วย!”
1
บทสรุป :
นอกจาก 3 ข้อกล่าวหาซึ่งสร้างแรงกระแทกทางการเมืองอย่างรุนแรง และทำให้เกิดคำถามใหญ่ๆเรื่องความโปร่งใสในตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว...
2
ยังมี “ประเด็นร้อน” ที่เชื่อมโยงถึง “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี , การปลอมแปลงข้อมูลเอกสารในการสมัครงานตำแหน่งครูในอดีต , การใช้อำนาจแทรกแซงการคัดเลือกบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่ง การที่คนในครอบครัวเข้าไปเกี่ยวข้องการข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกงอสังหาริมทรัพย์
2
หากแต่ แม้จะเกิดซีรีย์หนึ่งวันพันเหตุการณ์เหล่านี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ยังคงยืนตระหง่านออกมาปกป้องภริยาอย่างเข้มแข็งเสมอมา พร้อมกับย้ำว่า ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพียงวิชามารที่มุ่งเป้าดิสเครดิตทางการเมืองเขาและภริยา
2
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำเกาหลีใต้ ยังใช้อำนาจประธานาธิบดี “ยับยั้ง” ความพยายามของฝ่ายค้านเรื่องการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง กรณี “การปั่นหุ้นและการรับมอบกระเป๋าสุดหรู ซึ่งได้บทสรุปที่ค่อนข้างคลุมเครือด้วย”
และเมื่อถูกฝ่ายค้านรวมถึงสมาชิกพรรครัฐบาลบางส่วนกดดันให้ เร่งแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับภริยาโดยเร่งด่วน สิ่งที่ “นายยุน ซอกยอล” ทำก่อนหน้าที่จะมีการประกาศกฎอัยการศึกเพียง 1 เดือนก่อนหน้านี้ คือ “ออกหน้ารับแทน” ด้วยการออกแถลงข่าวกล่าวขอโทษต่อประชาชนถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่างๆ”
1
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?
#กฎอัยการศึก #เกาหลีใต้ #สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง #คิมกอนฮี #ยุนซอกยอล #KimGunhee #ยื่นถอดถอน #การเมืองเกาหลีใต้ #ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ #สำนักข่าวทรัสต์นิวส์ #Trustnews #OUTFIELDMAN
โฆษณา