5 ธ.ค. เวลา 12:30 • ธุรกิจ

การพัฒนาขนส่งมวลชนในระดับจังหวัด: ปัญหาและข้อเสนอเชิงนโยบาย

เมื่อพูดถึงการเดินทางในพื้นที่ระดับจังหวัดที่ไม่ได้เป็นเมืองหลวงหรือปริมณฑล เชื่อได้ว่าคนส่วนใหญ่อาจไม่ทราบว่ามีบริการขนส่งมวลชนในพื้นที่เหล่านี้ หรืออาจไม่รู้เลยว่ามีตัวเลือกดังกล่าวให้ใช้งาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมักให้ความสำคัญกับการพัฒนาขนส่งมวลชนในเมืองหลวงมากกว่า โดยน้อยครั้งที่จะหันมาสนใจโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่างจังหวัดที่รองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่เหล่านั้นอย่างแท้จริง
ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2519 เพื่อบริหารจัดการระบบรถโดยสารประจำทาง แต่กลับไม่มีหน่วยงานใดถูกตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลขนส่งมวลชนในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะ
หลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ มักประกาศแผนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ระบบรถไฟฟ้าหรือรถรางในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่จนถึงปัจจุบัน โครงการเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ใดเลย
ปัญหาหลัก: การขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน
การขาดความใส่ใจในการให้บริการขนส่งมวลชนในพื้นที่ต่างจังหวัดทำให้เกิดปัญหาหลายประการ โดยปัจจุบัน ขนส่งจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจในการออกใบอนุญาตประกอบการให้แก่ผู้สนใจดำเนินธุรกิจรถโดยสารประจำทาง อย่างไรก็ตาม การกำกับดูแลการดำเนินงานให้เหมาะสมหรือเป็นไปตามเงื่อนไขกลับถูกละเลย ส่งผลให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจการตามมีตามเกิด และความเชื่อมั่นในการใช้บริการของประชาชนลดลงอย่างมาก
ในบางจังหวัด หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้เข้ามาเป็นผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเอง โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อจัดซื้อจัดจ้างรถโดยสาร ซึ่งมักมีมูลค่าสูง แต่กลับไม่มีการพัฒนาคุณภาพบริการ เนื่องจากขาดความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่มีแรงจูงใจในการแข่งขัน และไม่ต้องให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น สามารถเสนอนโยบายการกำกับดูแลขนส่งมวลชนในพื้นที่ต่างจังหวัด ดังนี้:
การสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่น:
องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ควรมีบทบาทในการสนับสนุนการเดินรถโดยสารประจำทางในพื้นที่ โดยกำหนดเงื่อนไขการให้บริการที่ชัดเจน เช่น ความถี่ขั้นต่ำในการเดินรถ, ขนาดรถที่เหมาะสม, ชั่วโมงการให้บริการขั้นต่ำ, ค่าโดยสารที่อนุญาตให้จัดเก็บได้, เงื่อนไขการให้บริการฟรีสำหรับผู้ด้อยโอกาส, และค่าปรับในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
กระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการ:
อปท. สามารถเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการเสนอแผนธุรกิจ โดยรวมถึงตัวเลขที่ต้องการรับการสนับสนุนหรือผลประโยชน์ที่ยินดีมอบให้หน่วยงานท้องถิ่น เพื่อรับสิทธิในการดำเนินกิจการในเส้นทางที่กำหนด
ระยะเวลาสัญญาที่เหมาะสม:
สัญญาการดำเนินงานควรมีระยะเวลายาวเพียงพอ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถคืนทุนจากการลงทุนในทรัพย์สิน เช่น รถโดยสาร และการพัฒนาบุคลากร
การอุดหนุนจากภาครัฐ:
หากมีการสนับสนุนค่าโดยสารหรือระบบตั๋วร่วมจากภาครัฐ ควรกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจนเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการ
การกำกับดูแลที่เข้มงวด:
อปท. ควรมีบทบาทในการจัดสรรเที่ยวรถให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้โดยสาร รวมถึงติดตามและประเมินผลการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
สรุป
การมีหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน และการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาขนส่งมวลชนในพื้นที่ต่างจังหวัด จะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐ และกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์ในธุรกิจขนส่งมวลชน
โฆษณา