8 ธ.ค. เวลา 05:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ผู้ว่าแบงก์ชาติ ชี้โลกเผชิญความเสี่ยงกระทบไทยหลายมิติ

ผู้ว่าแบงก์ชาติ ชี้ศก. ไทยปี 68 เผชิญความเสี่ยง นโยบายการเงินต้องยืดหยุ่น เตรียมออกมาตรการแก้หนี้รายย่อย-เอสเอ็มอี เพิ่มเติม 11 ธ.ค. 67
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ Thailand's Monetary and Financial Policy : Building Resiliency for an Uncertain World นโยบายด้านการเงิน : การสร้าง Resiliency for an uncertain world ในงาน Thailand Next Move 2025 Resiliency For An Uncertain World จัดโดยสำนักข่าววารสารการเงินธนาคารว่า โลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอนสูง ซึ่งจะได้เห็นการที่เศรษฐกิจโลกแตกแยกกระจายตัวออกเป็นส่วน ๆ หรือ geoeconomic fragmentation
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่า ธปท.
ส่งผลให้สัดส่วนการค้าโลกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง, นโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการเงินประเทศหลักไม่เป็นไปทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งผ่านพ้นการเลือกตั้ง ซึ่งนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จึงยังมีความไม่แน่นอนและน่าจับตา ทั้งการขึ้นภาษีนำเข้า
การลดภาษีให้ชาวอเมริกาทำให้เกิดการขาดดุลในอนาคต ส่งแรงงานกลับประเทศ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของอเมริกาสูงขึ้นและกลับสู่เป้าได้ยาก กระทบอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นำไปสู่ผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึงต่อประเทศไทยในหลากหลายมิติ ทั้งภาคการผลิตที่ลดลง นำเข้าสินค้ามากขึ้น การเติบโตสินเชื่อลดลง
ดังนั้น ธปท. จึงต้องดำเนินนโยบายให้ Resiliency หรือดำเนินนโยบายแบบยืดหยุ่น รองรับได้หลายสถานการณ์ ไม่ดำเนินนโยบายใดนโยบายหนึ่ง ต้องดูเสถียรภาพอย่างรอบด้านควบคู่ไปกับมาตรการอื่นๆ และมองไปยังสถานการณ์ข้างหน้า.....นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
โลกเผชิญความเสี่ยงกระทบไทยหลายมิติ
นอกจากนี้ยังสร้างภูมิคุ้มกันทางเงิน โดยออกมาตรการสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending) พร้อมเปิดเผยว่าวันที่ 11 ธันวาคม 2567 นี้จะประกาศมาตรการ ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยหรือ SMEs เพิ่มเติม ซึ่งเป็นมาตรการใหม่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน
รวมถึงเน้นย้ำด้านดิจิทัล ที่จะสร้างความยืดหยุ่นให้กับประเทศและเศรษฐกิจด้วยระบบ payment ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องทั้งระบบพร้อมเพย์ภายในประเทศ และขณะนี้ได้มีการพัฒนาระบบ cross border payment ที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศเพื่อรองรับการใช้จ่าย
ระยะต่อไปจะพัฒนาระบบ QR payment เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้และอินเดียในปี 68, พัฒนาระบบ Nexus ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินแบบทันทีของแต่ละประเทศ เตรียม go live ในปี 69, ระบบ mBridgge ที่พัฒนาร่วมกับ ธนาคารกลางของประเทศจีน ฮ่องกง และยูเออี เริ่มให้บริการธุรกรรมเงินบาทปลายปี 68 รวมทั้งนำระบบ payment มาตอบโจทย์ให้รายย่อยเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นด้วยระบบกลไกค้ำประกันเพื่อตอบโจทย์ความเสี่ยง
จากโครงการ NaCGA ซึ่งจะเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ในปี 68 และการตั้ง Virsual Bank ประกาศการพิจารณาผลการคัดเลือกกลางปี 68 และเริ่มดำเนินการกลางปี 69
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/monetary/237912
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา