7 ธ.ค. เวลา 03:30 • ประวัติศาสตร์

ญี่ปุ่นในมุมสีเทา!!

โตเกียว...ศูนย์กลางแห่งใหม่ธุรกิจบริการทางเพศในเอเชีย ‘ความฟุ้งเฟ้อ – ยากจน’ ผลักดันเด็กสาวเข้าสู่วังวนค้ากาม
โตเกียว...ศูนย์กลางแห่งใหม่ของธุรกิจบริการทางเพศในทวีปเอเชีย
ธุรกิจบริการทางเพศเป็นหนึ่งในธุรกิจการค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตามบันทึกของชาวสุเมเรียนที่ย้อนกลับไปถึงประมาณ 2,400 ปีก่อนคริสต์ศักราช ได้กล่าวถึงการค้าประเวณีว่าเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งบรรยายถึงซ่องโสเภณีภายในวิหารแห่งเทพีอิชทาร์ที่ดำเนินการโดยนักบวชชาวสุเมเรียนในเมืองอูรุกของดินแดนสุเมเรียน (ปัจจุบันคือภูมิภาคตะวันออกกลาง)
สำหรับญี่ปุ่นแล้ว ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 นักเดินทางชาวจีน เกาหลี และชาวตะวันออกไกลอื่น ๆ ได้เริ่มแวะเวียนไปยังซ่องโสเภณีในญี่ปุ่น วิถีปฏิบัตินี้ยังคงดำเนินต่อไปในหมู่นักเดินทางจากภูมิภาคตะวันตกซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าชาวยุโรป โดยเริ่มจากชาวโปรตุเกสในศตวรรษที่ 16 ซึ่งมักมาพร้อมกับลูกเรือจากเอเชียใต้และลูกเรือชาวแอฟริกันมักจะค้าทาสกามจากญี่ปุ่น
โดยพวกเขาจะจับเอาหญิงสาวชาวญี่ปุ่นซึ่งแรกเริ่มถูกใช้เป็นทาสทางเพศบนเรือ หรือพาไปที่มาเก๊าและอาณานิคมโปรตุเกสอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทวีปอเมริกา และอินเดีย อย่างเช่น เมืองกัว อาณานิคมของโปรตุเกสในอินเดีย ซึ่งมีชุมชนทาสและพ่อค้าชาวญี่ปุ่นในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 และ 17 ต่อมาบริษัทอินเดียตะวันออกของ ยุโรป รวมถึงบริษัทของชาวดัตช์และอังกฤษก็เริ่มนำเอาหญิงสาวชาวญี่ปุ่นมาค้าประเวณีเช่นกัน
ภาพของ ‘โออิรัน’ กำลังเตรียมตัวรับลูกค้า
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 มีการค้าประเวณีชายและหญิงอย่างแพร่หลายในเมืองเกียวโต เอโดะ(ปัจจุบันคือกรุงโตเกียว) และโอซากะ ในญี่ปุ่น ‘โออิรัน’ เป็นโสเภณีในญี่ปุ่นในช่วงยุคเอโดะ โออิรันถือเป็นประเภทหนึ่งของยูโจ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ผู้หญิงแห่งความสุข’ หรือ ‘โสเภณี’ ในบรรดาโออิรันแล้ว ‘ทายู’ ถือเป็นโสเภณีที่มีชั้นสูงสุดที่บริการได้เฉพาะชายที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดเท่านั้น โออิรันจะถูกฝึกฝนในด้านศิลปะการร่ายรำ ดนตรี บทกวี และการเขียนอักษรวิจิตร รวมถึงบริการทางเพศเพื่อให้ความบันเทิงแก่ลูกค้า
และการศึกษาถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสนทนาที่ซับซ้อน นอกเหนือจากการให้ความสุขแล้ว ศิลปะและแฟชั่นของพวกเธอมักจะกลายเป็นกระแสในหมู่หญิงญี่ปุ่นที่มีฐานะร่ำรวย ในปี ค.ศ. 1761 ‘โออิรัน’ คนสุดท้ายที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ ‘คารายูกิซัง’ แปลว่า ‘หญิงสาวที่ไปทำงานต่างประเทศ’ เป็นหญิงญี่ปุ่นที่เดินทางหรือถูกนำไปค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แมนจูเรีย ไซบีเรีย และบางครั้งไปไกลถึงซานฟรานซิสโก (ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 และครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20)
เพื่อทำงานเป็นโสเภณี หญิงบริการ และเกอิชา ในศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 มีเครือข่ายโสเภณีญี่ปุ่นที่ถูกนำมาค้ามนุษย์อยู่ทั่วภูมิภาคเอเชียในประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ และอินเดีย ในยุคที่อังกฤษปกครองซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ ‘การค้าทาสผิวเหลือง’
หญิงขายบริการในสวนสาธารณะโอคุโบะ
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามและถูกยึดครองโดยกองกำลังสัมพันธมิตร อาชีพการให้บริการทางเพศกลับมาเฟื่องฟูจนกระทั่งทศตวรรษ 1970 เมื่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกลับมารุ่งเรือง อาชีพการให้บริการทางเพศในญี่ปุ่นจึงค่อย ๆ ลดลง ในช่วงยุคปีทองของเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้นชายชาวญี่ปุ่นมักจะออกเดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อแสวงหาบริการทางเพศกับหญิงสาวในประเทศยากจน แต่ในปัจจุบัน สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อผู้ชายต่างชาติแห่กันมาที่กรุงโตเกียวเพื่อแสวงหา “บริการทางเพศ” ในญี่ปุ่นแทน ทั้งนี้การที่อาชีพการให้บริการทางเพศกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่งสืบเนื่องมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงและความยากจนในหมู่ชาวญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น
ลูกค้ากำลังพูดคุยกับหญิงขายบริการในย่านคาบูกิโจ
โยชิฮิเดะ ทานากะ เลขาธิการสภาประสานงานปกป้องเยาวชน (Seiboren) ได้เล่าบริบทในปัจจุบันที่เป็นอยู่อันน่าหดหู่ใจในรายการ This Week in Asia ว่า “ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศยากจน” ใกล้ ๆ กันนั้น ในสวนสาธารณะที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการค้าประเวณีในเมือง มีหญิงสาวมารอรับลูกค้าก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าเสียด้วยซ้ำ องค์กรของทานากะสังเกตเห็นว่ามีชาวต่างชาติจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มาที่สวนสาธารณะในทันทีที่ข้อจำกัดการเดินทางในยุคการระบาดถูกยกเลิก “ตอนนี้เราเห็นชายชาวต่างชาติมากขึ้น”
เขากล่าว “พวกเขามาจากหลายประเทศ มีทั้ง ผิวขาว เอเชีย ผิวดำ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนจีน” ทานากะกล่าวว่า การหลั่งไหลดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการที่วัยรุ่นและผู้หญิงวัยยี่สิบต้น ๆ หันไปค้าบริการทางเพศเพื่อความอยู่รอด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง นอกจากนี้ ความรุนแรงยังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจอีกด้วย “สถานการณ์แย่ลงเรื่อย ๆ แย่ลงมาก”
เขากล่าวพร้อมส่ายหัว “ที่นี่...มีเด็ก ๆ มากขึ้น และความรุนแรงก็มากขึ้นด้วย แต่หน่วยงานของเราทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าที่เราได้ทำอยู่แล้ว” ความหงุดหงิดของทานากะนั้นสามารถสัมผัสได้ ในขณะที่เขานึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนยาวนานกว่าทศวรรษของเขาเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่อพยพมาอยู่ในย่านคาบูกิโจอันเลื่องชื่อของเมืองโตเกียว ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วย บาร์ โรงแรมสำหรับคู่รัก และคลับโฮสต์ซึ่งผู้ที่เปราะบางมักตกเป็นเหยื่อ
แฟชั่นแนว โกธิคโลลิต้า (Gothic Lolita หรือ Goth Loli) *ภาพไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในบทความ
หนึ่งในนั้นก็คือ Rao (ชื่อสมมติ) เด็กสาวญี่ปุ่นวัย 19 ปีที่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถปรับตัวเข้ากับโรงเรียนมัธยมที่จังหวัดคานากาวะได้ จึงตัดสินใจมาย่านคาบูกิโจ ซึ่งเธอหวังว่าจะได้งานในร้านกาแฟ แต่กลับพบว่าค่าใช้จ่ายมากมายจนเกินกำลัง “ฉันเป็นหนี้เจ้าของบ้านเป็นจำนวนมาก ดังนั้นตั้งแต่เดือนเมษายน ฉันจึงไปที่สวนสาธารณะ”
เธอกล่าวโดยใช้สำนวนอุปมาสำหรับการยืนอยู่บนถนนแคบ ๆ รอบ ๆ สวนสาธารณะโอคุโบะ เพื่อรอให้ชายที่ที่เป็นลูกค้าเข้ามาหา “ฉันต้องการเงินไปใช้หนี้ และอยากซื้อของดี ๆ เช่นเสื้อผ้า” Rao กล่าวด้วยใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ของเธอ และไว้ทรงผมบ็อบเก๋ไก๋และมีสไตล์สำหรับแฟชั่นแนว โกธิคโลลิต้า (Gothic Lolita หรือ Goth Loli) หรือเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า ‘Gosurori’
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Papa katsu ซึ่งหมายถึงชายสูงอายุที่เลี้ยงดูเด็กสาว
นอกจากนั้นแล้วเธอยังใช้เงินเพื่อไปเที่ยวโฮสต์ที่เธอชื่นชอบที่คลับในท้องถิ่นทุก ๆ สองสามวัน เธอยังลองทำสิ่งที่เรียกว่า Papa katsu ซึ่งเป็นการหา Sugar daddy เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของเธอ เธอเล่าถึงงานของเธออย่างไม่ใส่ใจ
โดยบอกราคาค่าห้องในโรงแรมแบบชั่วโมงละ 15,000 เยนถึง 30,000 เยน (100-200 ดอลลาร์สหรัฐ) เหมือนกับรายการอาหาร ในวันธรรมดาเธอจะได้ลูกค้าประมาณ 5 คน ส่วนในวันหยุดสุดสัปดาห์จำนวนลูกค้าอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า Rao เพิ่งทำแท้งเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเป็นความจริงอันเลวร้ายของวิถีชีวิตของเธอ เธอเล่าว่า “มีผู้ชายหลายประเภทที่มาที่สวนสาธารณะโอคุโบะ แต่ฉันคิดว่าประมาณครึ่งหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ”
เธอกล่าวเสริมว่า “ฉันเคยคุยกับผู้หญิงที่อยู่ที่นี่มานานกว่า และพวกเธอก็บอกว่ามันแตกต่างออกไป เดิมทีที่นี่มีแต่ผู้ชายญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ที่นี่กลายเป็นสถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงไปแล้ว” Rao เล่าถึง “ชายชาวอังกฤษคนหนึ่ง” ที่เป็นลูกค้าประจำ รวมถึงลูกค้าจาก ไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่ และฮ่องกง “ฉันเป็นที่นิยมเพราะรูปลักษณ์ภายนอก ดังนั้นฉันจึงยุ่งอยู่เสมอ” เธอบอก
ลูกค้าสูงวัยกำลังพูดคุยกับหญิงขายบริการในย่านคาบูกิโจ
แต่ความเสี่ยงนั้นมีอยู่ตลอดเวลา “เพื่อนของฉันคนหนึ่งถูกชายชาวจีนทำร้ายบนถนนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน” Rao กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นที่แฝงไปด้วยความกลัว “พวกเขากำลังคุยกันเรื่องราคา แล้วจู่ ๆ เขาก็โกรธและเตะเธอ หัวของเธอไปกระแทกกับอะไรบางอย่างและได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก แต่จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังโชคดี” ทานากะยืนยันประสบการณ์ของ Rao เมื่อเธอโทรหาเขาหลังจากเพื่อนของเธอถูกทำร้าย เขาก็รีบไปช่วยและพาหญิงรายนั้นที่ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล เขาบอกว่า เธอโกรธและต้องการแจ้งความกับตำรวจอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่ทำร้าย ตำรวจกลับสนใจที่จะตั้งข้อหาว่า เธอเป็นโสเภณีมากกว่าที่จะแสวงหาความยุติธรรมให้กับการบาดเจ็บของเธอ เมื่อเผชิญกับความจริงที่ว่าการแจ้งความอาจนำไปสู่การจับกุมเธอเอง เธอจึงถอนคำร้องทุกข์
หญิงขายบริการในสวนสาธารณะโอคุโบะ
“เป็นแบบนั้นเสมอ” ทานากะกล่าวด้วยความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “สาว ๆ ถูกทำร้ายเพราะลูกค้ารู้ว่าพวกเธอจะไม่ไปแจ้งตำรวจ … ผู้ชายรู้เรื่องนี้ พวกเขาจึงคิดว่า ตัวเองทำอะไรก็ได้” ทานากะยังคงมองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับอนาคตของ Rao แม้ว่าเขาจะตระหนักดีว่า งานของเธอจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและร่างกายของเธอ
ซึ่งเขาเคยเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน หญิงสาวที่ไปหาลูกค้าสวนสาธารณะโอคุโบะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ผ่านประสบการณ์นี้มาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐบาลต่างพากันเพิกเฉย ทานากะเกรงว่า ชีวิตเยาวชนที่ติดอยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวังและการถูกเอารัดเอาเปรียบจะเลวร้ายลงไปอีก ในขณะที่ทั้งโลกต่างคอยเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ
“ผมคิดว่า ในไม่ช้าจะมีใครซักคนถูกฆ่าตาย” เขากล่าว “มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีใครสนใจหญิงพวกนี้เลย การที่ใครสักคนถูกลูกค้าฆ่าตายอาจทำให้พวกเขาสนใจได้ครู่ใหญ่ แต่ผมคาดว่า หลังจากไม่นานพวกเขาก็จะลืมเรื่องนี้ได้อีกครั้ง”
ลูกค้าสูงวัยกำลังพูดคุยกับหญิงขายบริการในย่านคาบูกิโจ
คาซูโนริ ยามาโนอิ สมาชิกรัฐสภาจากพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของประเทศได้เรียกร้องให้มีการควบคุมการค้าบริการทางเพศ โดยเขากล่าวว่า “ความจริงก็คือ ญี่ปุ่นได้กลายเป็นประเทศที่ผู้ชายต่างชาติสามารถหาหญิงสาวและซื้อบริการทางเพศได้” ยามาโนอิกล่าวว่า นี่ไม่ใช่เพียงปัญหาภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายต่อการรับรู้ที่มีต่อสตรีญี่ปุ่นในชุมชนระหว่างประเทศอีกด้วย ตามรายงานของกรมตำรวจนครบาล (MPD) ระบุว่า หญิงที่ถูกจับกุมขณะทำงานบนท้องถนนในปี 2023
ประมาณ 43% กล่าวว่าพวกเธอเริ่มขายบริการเพื่อจ่ายเงินให้กับคลับโฮสต์และศิลปินชายใต้ดิน โดยประมาณ 80% ของผู้ถูกจับกุมอยู่ในวัย 20 ปี ในขณะที่ 3 คนมีอายุ 19 ปีหรือน้อยกว่า จากข้อมูลของยูอิจิ โฮโจ ตัวแทนของสมาคมโฮสต์คลับแห่งประเทศญี่ปุ่น ระบุว่ามีโฮสต์คลับประมาณ 240 ถึง 260 แห่งในพื้นที่คาบูกิโจ ราคาเฉลี่ยต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 20,000 เยน โดยพนักงานบางคนมีโควตาที่ต้องจ่ายเป็นรายวันเพื่อจ่ายคืนให้กับโฮสต์คลับ
หญิงขายบริการในสวนสาธารณะโอคุโบะ
ผู้ให้บริการทางเพศมีความเสี่ยงไม่เพียงแต่ต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายร่างกายและถูกกรรโชกทรัพย์อีกด้วย ในญี่ปุ่น การซื้อและขายบริการทางเพศเพื่อเงินถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่การห้ามจำกัดเฉพาะการสอดใส่เท่านั้น กฎหมายต่อต้านการค้าประเวณีกำหนดโทษทางอาญาคือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 เยน
แต่สำหรับผู้ขายบริการเท่านั้น (ฝ่ายหญิง) ไม่ใช่ผู้ซื้อบริการ (ฝ่ายชาย) แม้ว่าตำรวจนครบาลแห่งกรุงโตเกียวจะให้คำมั่นว่า จะดำเนินคดีสำหรับการกระทำรุนแรง แต่ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกว่า ตำรวจให้ความสำคัญกับการปราบปรามการค้าประเวณีบนท้องถนน มากกว่าความรุนแรงต่อหญิงสาวเหล่านั้น
เรื่อง: ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล
👍 ติดตามผลงาน อาจารย์ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.ปุณกฤษ%20ลลิตธนมงคล
โฆษณา