6 ธ.ค. เวลา 14:44 • นิยาย เรื่องสั้น

รักย้อนอดีตภาค5 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์

.
บทที่ 12 แดร็กคูลา (Dracula) ตอน 2
.
วิทบี้เป็นมณฑลที่สวยงามมากและอยู่ใกล้ลอนดอน มีซากวัดวิทบี้อยู่ตอนเหนือของเมือง ระหว่างวัดกับเมืองมีโบสถซึ่งเป็นสุสานขนาดใหญ่ ถูกตกแต่งให้มีทางเดินและม้านั่ง ผู้คนพากันมานั่งกินลมชมวิวตลอดวัน
.
เช้าวันหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวถึงการเกิดพายุรุนแรงตอนเที่ยงคืนในมณฑลวิทบี้ เรือใบขนาด3เสากระโดงชื่อว่า เมเดเตอร์ เป็นเรือของประเทศรัสเซีย แม้จะจอดที่ท่าอย่างปลอดภัยแต่แสงไฟจากประภาตารกลับทำให้ผู้คนขนหัวลุก
.
เพราะมีซากศพหลายศพของกัปตันและลูกเรือที่เลือดแห้งหมดตัว เรือลำนี้ขนหีบไม้มาเป็นจำนวนมาก แต่ตอนที่ตำรวจไปถึงได้พบเพียงชายเสียสติชื่อเรนฟิลด์ เขาให้การวกวนจนตำรวจต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลโรคจิตที่อยู่ติดกับคฤหาสน์โบราณ(ซึ่งซื้อไว้โดยเค้าท์...แดร็กคูล่า)
.
แดร็กคูล่าได้ไปชมโรงโอเปร่าซึ่งเขาแนะนำตัวกับเพื่อนบ้านใหม่ของเขาได้แก่ หมอเซวาร์ด ผู้ดูแลสถานบำบัดจิตและเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาล, มิน่า ลูกสาวของหมอเซวาร์ด, โจนาธาน ฮาร์เกอร์คู่หมั้นของมินา และ ลูซี่ เวสเทนรา หลานสาวของ
หมอเซวาร์ดที่มาพักอยู่ด้วย
.
แดร็กคูล่ามองออกว่าลูซี่ปลื้มในตัวเขา คืนนั้นเขาจึงไปหาถึงห้องนอนของเธอและดื่มเลือดเธอที่ทำให้เขาถึงกับฝันกลางวันว่าสามารถออกมาเดินท่ามกลางแสงแดด
มิน่าสาวสวยอีกคนจึงเป็นเป้าหมายของท่านเค้านท์
.
ลูซี่ถูกพบว่านอนตายอยู่บนเตียงในตอนเช้า เธอซีดเพราะเลือดหมดตัว หมอเซวาร์ดรู้สึกสับสนกับรอยเจาะประหลาดๆบนคอของเธอ จึงติดต่อศาสตราจารย์อับราฮัม แวนเฮลซิง ให้มาช่วย
.
ดร. แวน เฮลซิง ศาสตราจารย์แพทย์ชาวดัตช์ เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรม โรคประหลาด ๆ และสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ
เมื่อเขาชันสูตรศพแล้วได้ลงความเห็นว่าลูซี่ตายเพราะถูกแวมไพร์ดูดเลือด รวมทั้งต้องใช้หมุดไม้ตอกที่หัวใจของเธอก่อนที่เธอจะฟื้นขึ้นมาเป็นผีดูดเลือด
.
แต่ดร. เซวาร์ดไม่เชื่อเรื่องลูซี่ถูกแวมไพร์ทำร้ายจึงฝังเธอที่สุสาน ซึ่งในคืนนั้นลูซีก็กลายเป็นแวมไพร์มาหาฮาร์เกอร์คู่หมั้นของมิน่า
ทว่าเธอเปลี่ยนไปมาก ความอ่อนหวานกลายเป็นความอำมหิต ความผ่องใสกลายเป็นหมองคล้ำ
.
กำลังที่เธอจะกัดคอเขา ดร.แวน เฮลซิงก็มาช่วยไว้ทัน โดยใช้ไม้กางเขนวางบนหน้าผากของลูซี่ เธอกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความโกรธแค้น
 
.
ปรากฏว่าหน้าผากของเธอเป็นรอยไหม้และรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว แม้ดร.แวน เฮลซิงและฮาร์เกอร์จะรีบตามไปที่หลุมศพของเธอแต่ก็พบเพียงโลงศพที่ว่างเปล่า
.
ระหว่างที่รอลูซี่กลับมา ดร.แวน เฮลซิง อธิบายเรื่องผีดูดเลือดว่ามันสามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน
.
สิ่งที่จะกำราบผีดูดเลือด คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, ลูกปืนที่ปลุกเสกแล้วยิงทะลุโลงศพ ,น้ำมนต์ หรือ แม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด
เช่น กระเทียม
.
วิธีฆ่าพวกมันมีมากมาย เช่น ตอกหมุดไม้ให้ทะลุหัวใจ เผาด้วยแสงแดด หรือ ตัดหัว บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมันจะกลายเป็นผีดูดเลือดไปด้วย และ กลายเป็นสาวกของผีที่ดูดเลือดตัวเอง
.
ทั้ง2รอจนใกล้สว่างลูซีที่เห็นเป็นสีขาวจางๆจึงกลับมานอนในโลง ลูซี่ดูงามผ่องใสยกเว้นรอยไหม้ที่หน้าผากแล้วไม่อยากเชื่อว่าเธอได้ตายไปจริงๆ ส่วนปากนั้นแดงเพราะมีโลหิตสดๆติดอยู่
.
ดูเหมือนเธอได้ดื่มเลือดเหยื่อเข้าไปจึงทำให้เธอดูเหมือนตัวทากสกปรก ดร. แวน เฮลซิง ชี้ให้ดูเขี้ยวของเธอซึ่งแหลมคมที่หล่อนใช้กัดเหยื่อ
ทันใดนั้นเองดวงตาของเธอก็เปิดขึ้นแล้วจ้องมองอย่างนิ่งๆสักครู่ก็ปิดตาลง เธอหลับในยามที่มีแสงแดด
 
.
ดร. แวน เฮลซิง เชื่อว่าที่หล่อนกลายเป็นผีดูดเลือดเพราะตอนนอนหลับได้ถูกผีดูดเลือดกัดและมันดูดเลือดหล่อนจนหมด เมื่อตายก็กลายเป็นผีดิบแล้วจะไม่ตายจะอยู่เป็นศตวรรษเพื่อหาเหยื่อเพิ่ม เมื่อเหยื่อตายก็กลายเป็นผีดิบอีก
.
การที่จะสามารถช่วยหล่อนให้หลุดพ้นได้ก็คือเอาหมุดไม้ตอกที่หัวใจขณะที่กำลังหลับ ฮาร์เกอร์เป็นผู้ที่รู้จักชอบพอกันจึงต้องเป็นผู้ลงมือ แต่ฮาร์เกอร์ไม่ยอมมันโหดร้ายเกินไป
.
ดร. แวน เฮลซิง "ถ้าเช่นนั้นก็มีอีกวิธีคือตัดหัวของหล่อนแล้วเอากระเทียมยัดเข้า
ไปให้มากที่สุด"
.
ฮาร์เกอร์จึงเลือกวิธีแรกทำให้เลือดของลูซี่เลอะเสื้อของเขา ขณะเสื้อของดร. แวน เฮลซิง ที่เปิดพระคัมภีร์อ่านบทสวดในตอนตอกอกไม่เลอะเลือด
.
ประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายสิบเคส(case-กรณี,คดี) ทำให้ดร. แวน เฮลซิง รู้ว่าเขาควรไปยืนที่จุดไหนตอนอ่านพระคัมภีร์ ที่เลือดของลูซี่กระเด็นไปไม่ถึงครึ่ง
.
ทั้ง2กลับที่พักเพื่อชำระกายในตอนสาย แต่กลับพบมิน่านอนซีดอยู่บนเตียงนอนของเธอ พยาบาลที่ดูแลบอกว่าหมอเซวาร์ดผู้เป็นพ่อเห็นว่าสายแล้วจึงให้มาตามและพบเธอนอนหมดแรงอยู่
.
แวน เฮลซิงสังเกตเห็นผ้าพันที่คอของมิน่าจึงถอดออกเผยให้เห็นรอยเจาะสองรอย มิน่าบอกว่าเธอไม่รู้ว่าได้มันมาได้อย่างไร เมื่อคืนนี้เธอไปนั่งเล่นอยู่ที่ม้านั่งตัวโปรดแถวหน้าผาที่มองเห็นท่าเรือ
.
จู่ๆก็เกิดหมอกหนาทึบ อะไรบางในร่างสูงดำก้มลงหาเธอ ใบหน้าขาว ดวงตาแดงเป็นประกาย และเธอไม่สามารถต่อต้านพลังลึกลับนั้นได้แม้แต่กรีดร้อง
ดร. แวน เฮลซิง ยืนยันว่าเธอถูกแวมไพร์กัดโดยวางไม้กางเขนบนมือของเธอ ซึ่งทำให้เธอกรีดร้องและมีรอยไหม้บนมือ
ดร. แวน เฮลซิง จึงต้องให้เลือดแก่มิน่าทำให้อาการของเธอดีขึ้น แต่แวน เฮลซิง ก็ยังไม่วางใจเกรงว่าคืนนี้มันจะมาอีก จึงขออนุญาตพ่อและคู่หมั้นมิน่านำกระเทียมใส่ในห้องนอนของมืน่าเพื่อขับไล่แวมไพร์ จนห้องนอนดูราวไร่กระเทียม
 
.
เมื่อแดร็กคูล่ามาถึงจึงผงะกับกลิ่นฉุน แดร็กคูล่าจอมเจ้าเล่ห์จึงสั่งเรนฟิลด์ให้พยายามเอากระเทียมออก แต่ไม่สำเร็จเพราะมิน่าตื่นขึ้นมาเห็นเข้าจึงกรีดร้อง
จนทำให้คนอื่นๆวิ่งมา
.
เรนฟิลด์บอกไม่รู้ว่าเขาเข้ามาในห้องนี้ได้อย่างไร ดร.แวน เฮลซิงจึงมั่นใจว่าเรนฟิลด์เป็นทาสรับใช้ของสิ่งชั่วร้าย หมอเซวาร์ดสงสัยว่าทำไมแวมไพร์ไม่ดูดเลือดเรนฟิลด์
.
ดร. แวน เฮลซิง ตอบว่า "ผีดูดเลือดโดนแสงแดดไม่ได้ การที่มันจะติดต่อธุระกรรมต่าง ๆ ต้องให้เรนฟิลด์เป็นคนจัดการ ดังนั้นเรนฟิลด์ที่มีชีวิตย่อมมีค่ากว่าเรนฟิลด์ที่ตายแล้ว"
.
ดร.แวน เฮลซิงพบกับเค้าท์แดร็กคูลาที่มาเยี่ยมมิน่า เขามั่นใจว่าท่านเค้าท์เป็นแวมไพร์เพราะขณะที่ท่านเคาท์กำลังคุยกับมิน่าไม่มีเงาสะท้อนจากกระจกที่โต๊ะ
วางของ
.
ถึงตอนนี้แดร็กคูล่าต้องการให้มิน่าเป็นเจ้าสาวอมตะของเขา เมื่อดร.แวน เฮลซิง
วางแผนเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของแวมไพร์ โดยเชิญท่านเค้าท์ไปงานเต้นรำ แดร็กคูล่าจึงตอบตกลงโดยไม่เฉลียวใจ
.
ดร.แวน เฮลซิงได้วางกระจกบานใหญ่ที่ปิดด้วยม่านไว้ที่ผนังด้านหนึ่ง ขณะที่แดร็กคูล่าและมิน่ากำลังเต้นรำ ม่านที่ปิดกระจกก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นว่าแดร็กคูล่าไม่มีเงาสะท้อน
.
แดร็กคูล่าคำรามด้วยความโกรธแค้นแล้วอุ้มมิน่ากระโจนออกทางหน้าต่างบานหนึ่ง แขกในงานพากันแตกตื่น เมื่อหายตะลึงจึงช่วยกันออกตามเพื่อช่วยเหลือมิน่า
.
พวกผู้ชายพากันไปที่คฤหาสน์คาร์แฟกซ์ของท่านเค้าท์แต่ไม่พบอะไรเลย จึงไปที่โรงสวดในโบสถเก่าติดกับคฤหาสน์คาร์แฟกซ์ ที่นี่พวกเขาพบโลงศพเปล่า 49 ใบ
.
ดร.แวน เฮลซิง บอกว่า "เรามาช้าไป แดร็กคูล่าพามิน่ากลับบ้านของมันที่ทรานซิลเวเนียแล้ว"
จากนั้นเขาก็วางสายสิญจน์ในหีบศพทุกใบเพื่อกันไม่ให้ผีดูดเลือดกลับเข้าไปใน
โลงได้ ซึ่งจะทำให้มันสลายและกลายเป็นฝุ่นผงเมื่อถูกแดด
.
"อาชญากรมักก่ออากรรมแบบเดียวซ้ำๆ พวกนี้ไม่มีสมองแบบผู้ใหญ่เต็มตัว แต่มีสมองเด็กเป็นส่วนใหญ่"
ดร.แวน เฮลซิง บอกต่อว่า "เจ้าอาชญากรของเราก็เช่นกัน เขาถูกกำหนดชะตาล่วงหน้าให้ก่ออาชญากรรม เขาจึงมีนิสัยต้องแสวงหาจุดเริ่มต้น
.
ยามเดือดร้อน เมื่อตกอยู่ในสถานภาพคับขัน เขาจะกลับไปตั้งหลักยังบ้านเกิดและเตรียมตัวสำหรับความพยายามครั้งใหม่ แต่ข้อผิดพลาดของเขาก็คือการทำให้เรนฟิลด์เป็นทาส เพราะคิดว่าไม่มีใครรู้ความคิดเขา"
.
ดร. แวน เฮลซิง ขอพบเรนฟิลคนไข้ของหมอเซวาร์ด เล่าเรื่องที่เกิดกับมิน่าให้เรนฟิลรู้ ซึ่งเรนฟิลในตอนนี้สติสัมปชัญญะกลับมาแล้วร้องไห้ เขาไม่ต้องการให้มิน่าเป็นเหมือนลูซี่จึงยอมร่วมมือด้วย
.
ดร.แวน เฮลซิง สะกดจิตเรนฟิลก่อนที่เวลาเช้าจะถึง เรนฟิลด์เล่าเหตุการณ์ของเขานับตั้งแต่ออกจากลอนดอน ได้พบท่านเค้าท์ และ 3สาวที่พยายามดื่มเลือดเขา
สถานที่ในปราสาทที่ได้เห็น แม้แต่สุสานเก็บหีบศพ50ใบ เรนฟิลด์ยังบอกอีกว่าเขาเป็นผู้ติดต่อนำหีบศพของท่านเค้าท์โดยสารเรือออกจากอังกฤษ ท่านเค้าท์กำลังหนีกลับไปทรานซิลวาเนีย
.
พวกเขาสืบทราบว่าเรือที่ไปยังทะเลดำเพิ่งออกเดินทางจากท่า มันมีชื่อว่า "ซาริน่า แคทเธอรีน" กำลังมุ่งตรงไปวาร์น่า(จุดเริ่มต้นที่ท่านเคาท์โดยสารเรือรัสเซียมาอังกฤษ) จากนั้นจะแวะบางเมือง แล้วจึงเข้าสู่ลำน้ำดานูป ใช้เวลาในการเดินทาง 3 สัปดาห์
.
แต่ในคณะปราบผีดิบชุดนี้ไม่มีใครคุ้นเส้นทางของบ้านเกิดท่านเค้าท์เลย จึงวางแผนที่จะออกเดินทางไปรอท่านเคาท์ที่บ้านเกิดแต่เนิ่นๆ ซึ่งการเดินทางโดยทางบกใช้เวลา 3 วัน เท่านั้น
.
ดร. แวน เฮลซิง "พวกเรา 3 คนคือผม, หมอเซวาร์ด และ คุณฮาร์เกอร์ ไม่สามารถต่อกรกับท่านเค้าท์ผู้เป็นราชาแห่งรัตติกาลได้
แม้ผมจะทำลายบริวารทั้ง49ตนแล้วก็ตาม เพราะท่านเค้าท์สามารถสั่งปีศาจและอสุรกายจากใต้พิภพให้ทำตามที่เขาต้องการได้ทุกอย่าง
.
จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วย ยังพอมีเวลาที่ผมจะติตต่อเพื่อนชาวต่างชาติชาวไทยของ
ผมชื่อแสนสุริยา เขาเป็นมือปราบแวมไพร์และมีผู้ช่วยคนสำคัญที่ขาดไม่ได้ชื่อพัน
.
หลายปีมานี้ทีมงานของเราปราบพวกแวมไพร์มานักต่อนัก แต่งานนี้ผมขอบอกเลย
ว่าหิน และ ยากกว่าทุกครั้งที่เคยพบ แสนสุริยา และ พัน จึงเป็นความหวังที่ผมจะต่อสู้กับมันได้"
.
จบตอน 12/2 ภาพปกจากวิกิพีเดีย โปสเตอร์รอบฉายในโรงภาพยนตร์ของ แดร็กคูลา 1931
โฆษณา