6 ธ.ค. เวลา 15:07 • การศึกษา

| กลยุทธ์พลิกเกม – แหกกฎเพื่อสร้างชัยชนะเบื้องต้น🚀| Game Theory

กติกาของนาย(โลก)? หึ...มันก็ดีนะ แต่ไม่ใช่สำหรับเรา!
โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่คิดว่าตัวเองฉลาด เล่นตามกติกาเดิมๆ เหมือนมีคู่มือชีวิตติดมือ แต่ขอโทษทีนะ… พวกเราไม่ได้เล่นเกมเดียวกับพวกเขา ถ้าเกมที่อยู่มันไม่เข้าทางเรา ก็แค่ "สร้างกระดานใหม่" และบังคับให้ทุกคนเล่นตามกฎที่เราตั้งเองสะก็สิ้นเรื่อง ?
ตอนก่อนหน้า เราคุยกันเรื่อง Nash Equilibrium หรือจุดสมดุลของเกมที่ไม่มีใครอยากเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของตัวเอง เพราะการเปลี่ยนหมายถึงเสียเปรียบ ฟังดูฉลาดใช่ไหม? แต่จริงๆ แล้วมันเหมือนคนสองคนที่ยืนถือดาบจ่อกันไว้ ไม่มีใครกล้าขยับ เพราะรู้ว่าขยับเมื่อไหร่ เจ็บตัวแน่
** ตอนนี้อาจจะมีคำหยาบเล็กน้อย เพื่อความถึงพริกถึงขิง ตามชื่อตอนอะนะ
1. เลิกแข่งในสนามเดิม แล้วสร้างสนามใหม่ ( Blue Ocean Strategy )
ถามหน่อย ทำไมต้องไปยืนแข่งในสนามที่คู่แข่งมันถนัด? ถ้าทุกคนตั้งร้านขายลูกชิ้นหน้าโรงเรียน แล้วทำไมเราไม่ไปตั้งตรงป้ายรถเมล์ หรือทำเดลิเวอรีไปถึงในห้องเรียนแม่งเลยล่ะ? 🤷‍♂️
ตัวอย่างเช่นว่า
ร้านลูกชิ้น: ขายแบบ "เสียบไม้ส่งถึงโต๊ะ" ทุกคาบเรียน
ร้านน้ำปั่น: จับมือกับครูขายน้ำปั่นลับหลังเด็ก เสิร์ฟถึงห้องประชุมครู ไปเลยได้เปล่า?
ผลลัพธ์คือ ทุกคนตั้งหน้าประตูโรงเรียน แต่คุณแหกออกไปกินเรียบทั้งตลาด
2. ยอมให้พวกเขาชนะไปเถอะ เดี๋ยวพวกเรากลับมาพลิกกระดานเอง( Sequential Game )
บางครั้ง การปล่อยให้คู่แข่ง "คิดว่า" ชนะ อาจเป็นหมากล่อเป้าที่ทำให้เรากลับมาชนะใหญ่กว่าในตอนท้าย
พูดแบบเข้าใจง่าย นี่คือหลักของ เกมซ้อนเกม (Sequential Game) เราปล่อยให้พวกเขาเดินก่อน แล้วค่อยดักเกมทีหลัง
ตัวอย่างเช่นกว่า :
  • เตรียมตัวเพื่อมาขาดทุน
  • ลดราคาลูกชิ้นจากไม้ละ 10 เหลือ ไม้ละ 5 บาท เรียกเด็กทั้งโรงเรียนมาซื้อเรา (กรณีต้องมั่นใจว่าหน้าตักมีมากพอ) และ ราคานี้ยังไงก็จะขายขาดทุนไม่ว่าเราหรือใครก็ตาม
  • นั้นหมายความว่าคู่แข่งต้องปรับราคาตามให้เท่า หรือ ต่ำกว่า ไม่งั้นก็จะขายไม่ได้
  • และ พอคู่แข่งเริ่มปรับราคาตามจนทุนหมด พร้อมกับเลิกขายกันหมด เราก็ปรับกลับมาราคาเดิม(หรือสูงกว่า) พร้อมโปรแถมน้ำฟรี และนี้เอง คือผลที่เราเล็งเอาไว้ตั้งแต่ต้น คือล้ม Players(P) ทั้งหมดในกระดาน
ผลลัพท์คือ คู่แข่งล้มละลาย ส่วนคุณกลับมารวยสวยๆ
แต่วิธีแบบนี้ ไม่ค่อยจะแนะนำ เพราะค่อนข้างจะสกปรก และ ต้องมีทุนหนาระดับนึง ปกติคนที่ทำธุรกิจอื่น(สีเทา) เพื่อที่จะฟอกเงิน มักทำเช่นนี้ จนทำให้ระบบนิเวศการค้าขายเสียหาย
3. ทำในสิ่งที่คู่แข่งทำตามไม่ได้ ( Differentiation Strategy )
อั้นนี้ค่อนข้าง basic
ทุกคนขายไอติมธรรมดา? งั้นคุณก็ทำไอติมเรืองแสงไปเลยสิฟะ! ทุกคนแจกฟรี? งั้นคุณแจกแบบซื้อ 1 ได้ 2 แบบลับๆ (แต่ให้เฉพาะเด็กที่บอกว่า "พี่หล่อ" ละนะ)
อย่างเช่นง่ายๆ ก็เพิ่มแพ็กเกจพิเศษที่เด็กต้องสะสมให้ครบเพื่อแลกรางวัล (ที่มีแค่เราทำได้)
เท่านี้ไปก่อน
4. ปั่นเกมให้พวกเขาเสียจังหวะ ( Disruption )
บางครั้ง การไม่เล่นตามเกมปกติ แค่ทำให้พวกเขาสับสนก็พอแล้ว
นี่คือ Disruption ที่ใช้เปลี่ยนจังหวะของคู่แข่งจนพวกเขาต้องตามเรา
ตัวอย่างความปั่น
  • ประกาศโปรโมชั่น "ลด 50% สำหรับลูกค้าใส่ชุดพละ" แต่จริงๆ แล้วแค่วันเดียว
  • หรือแจก "ตั๋วทอง" ให้เด็กคนหนึ่งแล้วบอกว่ามีแค่ใบเดียวในโรงเรียน คนทั้งโรงเรียนแห่มาซื้อร้านคุณจัดโปรโมชันพิเศษแบบที่ไม่มีใครคาดคิด เช่น แจก "ของรางวัลปริศนา" ที่เด็กทั้งโรงเรียนอยากได้
ผลลัพธ์ก็คือ.. คู่แข่งงงแดก ทำไมขายไม่ออกวะ
5. เปลี่ยนจากผู้เล่น แล้วเป็นเจ้าของโต๊ะ ( Vertical Integration )
ทำไมต้องเป็นแค่ร้านค้า? ถ้าพวกเรา สามารถเป็น "คนเก็บค่าเช่าที่" ได้ล่ะ?
นี่คือ Vertical Integration การควบคุมทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ
ตัวอย่างเช่นว่า
  • เจรจากับครูฝ่ายปกครอง บอกว่าร้านไหนอยากขายต้องผ่านคุณก่อน แต่คุณก็ต้องมีดีบ้างอะนะ
  • หรือเสนอจัดงาน "ตลาดเด็กเจ้าไอเดีย" หรือ "ตลาดโรงเรียนแฟร์" อะไรทำนองนี้ แล้วตัวเองเก็บส่วนแบ่งจากทุกคน
เป็นต้น
เอาเข้าจริงแล้ว
เกมของโลกใบนี้มันไม่ได้แฟร์เสมอไปหรอก โลกก็งี้แหละ ถ้าคุณคิดจะแข่งในเกมที่คุณไม่มีวันชนะ คุณต้องเป็นคนสร้างเกมใหม่ซะเอง ไม่ดีกว่าเหรอ เพราะสุดท้ายแล้ว…
"เกมที่ดีที่สุด คือเกมที่คุณกำหนดกฎเอง และคนอื่นต้องตามคุณ" นั้นเอง
โฆษณา