7 ธ.ค. เวลา 08:02 • ความคิดเห็น

ก่อนจะขึ้นภาษี ควรปราบคอรัปชั่นให้ได้ก่อนดีไหม?

ผมไม่ปฏิเสธว่าประเทศไทยมีอัตราการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือจะเรียกอีกอย่างว่าภาษีสำหรับการบริโภค ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
อันนี้เป็นเรื่องจริง
เพราะเดิมที กฏหมายบ้านเราให้คิดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ vat อยู่ที่ 10 %แต่ด้วยสภาพการณ์ที่ประเทศเราต้องเผชิญวิกฤติทางเศรษฐกิจ
ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประเทศ หลายต่อหลายรอบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สุดท้ายเราจึงต้องมีการยกเว้นให้ลดการจัดเก็บ vat เหลือแค่ 7% มาโดยตลอด
และทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครกล้ากลับไปเก็บภาษี vat เต็มเพดานที่ 10% อีกครั้ง เพราะไม่อาจต้านทานกระแสต่อต้านจากทุกฝ่ายได้
แต่สิ่งที่เป็นมุมมองส่วนตัวของผมก็คือ การขึ้นภาษี vat ไม่ว่าจะทำแบบค่อย ๆ ขึ้น หรือจะขึ้นแบบพรวดเดียวไปเลย 15% อันนี้มันก็จะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเงินหรืองบประมาณที่ไม่พอใช้ของรัฐบาลไทย ที่คงจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ นับจากนี้ไป
เพราะสิ่งที่ผมมองว่า มันคือต้นตอของปัญหาเงินไม่พอใช้ของรัฐบาล
ที่ยังไม่นับส่วนของเงินภาษีที่เราเก็บได้น้อยเกินไป อันเป็นผลมาจากประสิทธิภาพของระบบภาษีบ้านเรา
มันมีเรื่องสำคัญอยู่อีก 2 เรื่องที่ผมคิดว่า มันสำคัญกว่า..✅
เรื่องแรก ก็คือ เรื่องของคุณภาพการใช้เงินภาษีของรัฐ
กับ เรื่องที่สอง คือ เงินที่หายไปจากปัญหาการคอรัปชั่น
เรื่องแรก อย่างที่เราเห็นกันมาตลอดว่าการใช้เงินภาษีผ่านการใช้งบประมาณของรัฐ
ทั้งงบประจำในรูปแบบของเงินเดือนข้าราชการและอื่น ๆ และงบลงทุนผ่านโครงการต่าง ๆ ของรัฐ
มันล้วนแล้วแต่มีผลิตภาพที่ต่ำกว่าเม็ดเงินที่ลงไป แทบจะทุกตัวชี้วัด
อย่างงบส่วนที่เป็นเงินเดือนข้าราชการ เราก็คงจะเห็นกันจนชินตาว่า ประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการไทย โหลยโท่ยขนาดไหน
1
โอเคว่า ไม่ใช่ข้าราชการทุกคนที่ทำงานโหลยโท่ย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า โดยค่าเฉลี่ย ข้าราชการไทย ทำงานไม่คุ้มเงินเดือน อันนี้เป็นเรื่องยากที่จะแก้ตัว ใช่ไหมครับ
ส่วนต่อมาคืองบลงทุนหรืองบอื่น ๆ ที่ไม่ใช่งบประจำ เงินงบประมาณส่วนนี้ ถ้าเรายังไม่เอาเนื้อปัญหาในส่วนของการออกแบบโครงการมาเพื่อหาช่องทางทุจริต ให้เรามองแค่การเลือกรูปแบบการทำโครงการแต่ละโครงการของรัฐที่ผ่านมา ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ค่อยได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย
แถมบางครั้ง นอกจากโครงการของรัฐไม่ช่วยแก้ปัญหาเก่า ยังจะสร้างปัญหาใหม่ให้ประชาชนในพื้นที่อีกต่างหาก
เรื่องพวกนี้ หาดูได้ไม่ยาก เพราะบ้านเรามีทั้งอาคารโครงการร้าง อุปกรณ์ราคาแพงที่ไม่ได้ใช้งาน วัสดุที่จัดซื้อแบบซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น
รวมไปถึงการจ่ายเงินแก้ปัญหาแบบไม่ตรงจุดอีกไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
1
นี่คือเรื่องแรก ที่ผมมองว่าเป็นต้นทางของปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ
เพราะในเมื่อเราใช้งบประมาณไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ ปัญหาของประชาชนมันก็จะไม่ถูกแก้
สุดท้าย เราก็ต้องหางบประมาณใหม่ ไปแก้ปัญหาอีกรอบและอีกรอบ จนไม่รู้ว่าจะต้องทำอีกสักกี่รอบ ปัญหาถึงจะจบสิ้น
เรื่องนี้ว่าแย่แล้วนะ แต่ผมว่า เรื่องที่สองที่ผมจั่วหัวไว้ อันนี้สิ ผู้ร้ายตัวจริงในหนังเรื่องประเทศไทย
"การคอรัปชั่น"
ผมมีเพื่อนและคนรู้จักที่ทำธุรกิจกับภาครัฐอยู่หลายวงการ มีตั้งแต่รับงาน อบต. ไปจนถึงประมูลงานระดับประเทศ
และข้อมูลที่ได้มาจากการพูดคุยส่วนตัว เมื่อผมยิงคำถามถึงเรื่องเงินอำนวยความสะดวก ในชื่อที่เรียกว่า เปอร์เซ็นต์
ว่าเดี๋ยวนี้เขาเรียกกันเท่าไร?
คำตอบที่ได้ ชวนให้อาหารในท้องไส้ มันอยากจะไหลออกมาทางปาก แบบที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า อยากจะอ้วก
เพราะในปัจจุบัน ขั้นต่ำคือ 30% ครับ
2
ใช่ครับ เงิน 30% ของงบประมาณการก่อสร้าง รับเหมา หรือรับงานของภาครัฐคือ 30 %
งาน 1 ล้าน ก็ 3 แสน
งาน 10 ล้าน ก็ 3 ล้าน
งาน 1,000 ล้าน ก็ฟาดกันไปแบบพุงกางที่ 300 ล้านบาท...
แล้วแบบนี้ จะให้มีเงินพอใช้ได้ยังไงล่ะครับ ประเทศไทย
ก็คุณเล่นหักใส่กระเป๋ากันเป็นกอบเป็นกำแบบนี้ เงินส่วนที่ควรจะเป็นถนนที่ยาวขึ้นอีก 10 ก.ม. ก็หายไป เสาไฟที่จะได้เพิ่มอีก 5 ต้น ก็หายไป
ประเทศไทยถึงมีเงินไม่พอพัฒนาเสียที
อันนี้เรากำลังพูดถึงการคอรัปชั่นในรูปของค่าหัวคิวเพียงอย่างเดียว ยังไม่รวมการทุจริตในรูปแบบอื่นอีก ที่มีกันตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด เรื่อยไปจนถึงในทำเนียบ...
เอาจริง ๆ ผมคิดว่า ถ้ารัฐจัดการกับสองปัญหาที่ควรทำนี้ให้ได้
ก่อนจะไปพูดหรือคิดเรื่องการเพิ่มภาษี ซึ่งมันเป็นวิธีหาเงินงบประมาณเพิ่มที่คิดง่าย ใคร ๆ ก็คิดได้
ไม่ต้องเรียนจบหรือมีประสบการณ์เก่งกาจสูงส่งมาจากไหน ก็คิดออก
งบไม่พอก็เพิ่มภาษีสิวะ แล้วภาษีที่เพิ่มแล้วเก็บได้เยอะ มันก็ต้องภาษีที่เก็บจากการกินการใช้ของประชาชนคนทั่วไป เขาจะได้หืออือไม่ได้
แต่สิ่งที่ผมอยากให้ท่านทำมากกว่า
คือ การแก้ปัญหาสองเรื่องสำคัญที่ผมบอกไปว่ามันคือต้นตอของปัญหางบประมาณบ้านเรา
ใช้งบให้มันเกิดประสิทธิภาพ กับ แก้ปัญหาเงินรั่วไหลจากการคอรัปชั่น
ถ้าทำสองเรื่องนี้ได้ เชื่อผมเถอะ อาจไม่จำเป็นต้องขึ้นภาษีสัก %
หรือไม่ ถ้าอยากจะขึ้น ประชาชนคนไหน ๆ เขาก็เต็มใจจ่าย เพราะอะไร ก็เพราะประชาชนเขามองว่า ถึงจ่ายภาษีเพิ่มก็ไม่เห็นเป็นไร ในเมื่อเงินภาษีทุกบาททุกสตางค์ สุดท้ายมันจะย้อนคืนมาให้เขาในรูปแบบของสวัสดิการและการแก้ปัญหาประเทศชาติให้เราอย่างดีที่สุด
แต่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งที่คนไทยไม่อยากเสียภาษีเยอะ ๆ ไม่ใช่เพราะเขาคิดอยากจะเอาเปรียบประเทศชาติ
แต่เป็นเพราะเขาคิดอยู่ในใจแบบเจ็บ ๆ ว่า เงินภาษีที่เขาจ่ายไปนั้น สุดท้ายมันคือเงินที่ถูกเบียดบังเข้ากระเป๋าคนบางกลุ่ม อย่างน้อยก็ 30%
แล้วแบบนี้ จะให้เขาจ่ายภาษีอย่างมีความสุขได้อย่างไร
จริงไหมครับ ท่านผู้ชม....
โฆษณา