Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bangkok Bank SME
•
ติดตาม
7 ธ.ค. เวลา 06:28 • ธุรกิจ
พลิกโฉมอุตสาหกรรม อะลูมิเนียมไทย ให้คาร์บอนต่ำ สู่เส้นทางอุตสาหกรรมสีเขียว
วิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กำลังส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดภาวะโลกร้อนคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูงอย่างอุตสาหกรรมโลหะ การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งเป็นโลหะที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง ทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมากในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก แต่กระบวนการผลิตอะลูมิเนียมกลับปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมหาศาล ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศอย่างรุนแรง
การรีไซเคิลอะลูมิเนียม จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากกระบวนการรีไซเคิลอะลูมิเนียมใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตอะลูมิเนียมจากแร่ธาตุถึง 95% ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ
บทความนี้จะพาไปศึกษาเส้นทางการเปลี่ยนอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทย ให้คาร์บอนต่ำ สู่ Net Zero ว่าสามารถทำได้อย่างไร เพื่อทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการรีไซเคิลอะลูมิเนียม และบทบาทของอะลูมิเนียมรีไซเคิลในเปลี่ยนผ่าน (Transition) ธุรกิจสู่ความยั่งยืน (Sustainability)
ปัจจุบันอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมทั่วโลก มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมประมาณ 1.1-1.2 พันล้านตัน CO2e ต่อปี คิดเป็น 2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของโลก ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนประมาณ 60% ของการผลิตทั่วโลก ซึ่งทั่วโลกก็ได้มีการตั้งเป้าลดลงให้เหลือ 0.9-1.0 พันล้านตัน CO2e ภายในปี 2024 นี้
ขณะที่ประเทศไทย มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมประมาณ 3-4 ล้านตัน CO2e ต่อปี คิดเป็นประมาณ 0.3% ของการปล่อยทั่วโลกในภาคอุตสาหกรรมนี้ และตั้งเป้าจะลดลงเหลือ 2.8-3.2 ล้านตัน CO2e ให้ได้ภายในปี 2024
การผลิตอะลูมิเนียม 1 ตัน ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการผลิตเหล็กถึง 4 เท่า และมากกว่าไม้จริง 100 เท่าทำให้เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อน และถูกกำหนดเป็นสินค้าเป้าหมายในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม การรีไซเคิลอะลูมิเนียม สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% เมื่อเทียบกับการผลิตใหม่ ทำให้เป็นทางออกที่น่าสนใจเพื่อตอบสนองความต้องการอะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก พร้อมกันไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของหลายประเทศ
มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรปที่กำลังจะบังคับใช้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอะลูมิเนียมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตอะลูมิเนียมถลุงใหม่ (Primary Aluminium) ที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูงกว่าอะลูมิเนียมรีไซเคิล (Secondary Aluminium) ถึง 4 เท่า
อะลูมิเนียมถลุงใหม่ เมื่อส่งออกไปยังยุโรป จะต้องแบกรับภาระค่าคาร์บอนที่สูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและความสามารถในการแข่งขันลดลง
สรุปแล้ว มาตรการ CBAM จะเป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิตอะลูมิเนียมทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในระยะยาว
สำหรับการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จะพิจารณาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ มีดังนี้
1. การได้มาซึ่งวัตถุดิบ
- การทำเหมืองแร่บอกไซต์
- การถลุงอะลูมิเนียม
- การขนส่งวัตถุดิบ
2. กระบวนการผลิต
- การหลอมและขึ้นรูปอะลูมิเนียม
- การกลึงและทำเกลียว
- การชุบผิว/เคลือบผิว
- พลังงานที่ใช้ในการผลิต
- ของเสียที่เกิดขึ้น
3. การบรรจุภัณฑ์และการขนส่ง
- วัสดุบรรจุภัณฑ์
- การขนส่งสินค้าสำเร็จรูป
4. การใช้งานและกำจัด
- อายุการใช้งาน
- การรีไซเคิล
ทั้งนี้ การคำนวณจะใช้หน่วย kgCO2e (กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) โดยแต่ละขั้นตอนจะมีค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่แตกต่างกัน ซึ่งจะต้องวัดและบันทึกตามมาตรฐาน เช่น ISO 14067
ผู้ประกอบการอะลูมิเนียมไทย สามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ ด้วยการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ลูกค้าให้ความสนใจในปัจจุบัน การได้รับการรับรองมาตรฐานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เช่น TGO จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์และเปิดโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
โดยอะลูมิเนียมรีไซเคิล ถือเป็นผลิตภัณฑ์ดาวรุ่งที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่าอะลูมิเนียมที่ผลิตจากแร่ดิบ ทำให้มีราคาแข่งขันและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
เพื่อให้ธุรกิจอะลูมิเนียมไทยสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว SME ควรเริ่มต้นเตรียมความพร้อมด้วยวิธีการดังต่อนี้
• วัดและจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่เหมาะสมในการคำนวณและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• ขอรับรองมาตรฐาน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์และองค์กร
• พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อะลูมิเนียมรีไซเคิล
• ปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
ธุรกิจทุกประเภท ควรตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปรับตัวให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น การลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
#อะลูมิเนียมคาร์บอนต่ำ #อะลูมิเนียมรีไซเคิล #ก๊าซเรือนกระจก #คาร์บอนฟุตพริ้นท์ #อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมไทย #เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม #ลดโลกร้อน #CBAM #ESG #NetZero #ก๊าซคาร์บอน #ความยั่งยืน #Sustainability #bangkokbank #bangkokbanksme #sme #SMESeries #เพื่อนคู่คิดธุรกิจsme
อ่านเพิ่มเติม คลิก :
https://www.bangkokbanksme.com/en/aluminum-esg-20
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย