7 ธ.ค. เวลา 08:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

การ"พิมพ์เงิน" คืออะไร?: วิเคราะห์พื้นฐาน Money Printing และบทบาทของธนาคารกลาง (FED) ในเศรษฐกิจสหรัฐ

[Money Supply: M1 และ M2]
การทำความเข้าใจเรื่อง "การพิมพ์เงิน" หรือ Money Printing จำเป็นต้องเริ่มต้นจาก Money Supply (ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ M1 (เงินสดและเงินฝากที่สามารถถอนใช้ได้ทันที) และ M2 (M1 รวมกับเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากแบบมีข้อจำกัด)
จากภาพกราฟจะเห็นว่าปริมาณเงินในระบบ (ทั้ง M1 และ M2 - ตามรูปด้านล่าง) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2020 อันเป็นผลจากการใช้นโยบาย Quantitative Easing (QE) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ
ปริมาณเงิน M1 ในระบบ
ปริมาณเงิน M2 ในระบบ
[Quantitative Easing (QE) คืออะไร?]
Quantitative Easing หรือ QE เป็นนโยบายทางการเงินที่ธนาคารกลาง เช่น Federal Reserve (ธนาคารกลางสหรัฐ) ใช้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือเกิดวิกฤต โดยการเพิ่ม สภาพคล่อง (Liquidity) ในระบบเศรษฐกิจ
ลองนึกถึงสถานการณ์ที่เศรษฐกิจเหมือน รถที่กำลังวิ่งช้า หรืออาจจะหยุดนิ่งเพราะน้ำมันหมด QE ก็เหมือนกับการเติมน้ำมัน (เงิน) เข้าไปในระบบเศรษฐกิจเพื่อให้รถ (เศรษฐกิจ) กลับมาวิ่งต่อได้
ธนาคารกลางทำ QE ได้โดย:
1. พิมพ์เงินเพิ่ม (ดิจิทัล): ไม่ได้พิมพ์ธนบัตรจริง ๆ แต่สร้างเงินขึ้นในระบบธนาคาร
2. ซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือสินทรัพย์ทางการเงิน: ธนาคารกลางซื้อสินทรัพย์เหล่านี้จากธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทการเงิน ทำให้ธนาคารเหล่านี้มีเงินสดในมือเพิ่มขึ้น
[บทบาทของ Treasury Bonds]
Treasury Bonds (T-Bonds) คือ พันธบัตรรัฐบาล หรือเครื่องมือทางการเงินที่ออกโดย กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (U.S. Department of the Treasury) เพื่อระดมทุนให้กับรัฐบาลสหรัฐ เพื่อนำไปใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา หรือการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ
เมื่อรัฐบาลสหรัฐขาดดุลงบประมาณ จำเป็นต้องออก Treasury Bonds เพื่อกู้ยืมเงินจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนักลงทุนที่ซื้อพันธบัตรจะได้รับดอกเบี้ยตอบแทน
รูป 3 - จำนวนหนี้ที่สหรัฐฯติดอยู่
ผู้ถือครอง Treasury Bonds (เรียกได้ว่าเป็น "เจ้าหนี้ของสหรัฐอเมริกา") หลักๆ ได้แก่ Federal Reserve, ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐ, นักลงทุนต่างชาติ เช่น Bank of Japan และ Bank of China และบุคคลทั่วไป
รูป 4 - เจ้าหนี้สหรัฐฯรายใหญ่ๆเป็นใครบ้าง
[Federal Reserve และการ "พิมพ์เงิน"]
Federal Reserve มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจผ่านนโยบาย QE โดยการซื้อ Treasury Bonds ในตลาดและจ่ายเงินผ่านการสร้างเงินสำรองดิจิทัลให้กับธนาคารผู้ขายพันธบัตร วิธีนี้ช่วยเพิ่มปริมาณเงินในระบบโดยไม่ต้องพิมพ์ธนบัตรจริง
อย่างไรก็ตาม หาก Federal Reserve ใช้นโยบายนี้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการควบคุม อาจนำไปสู่ปัญหา Hyperinflation หรือเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ตัวอย่างเช่นในกรณีของประเทศเวเนซุเอลา
[ทำไมไม่พิมพ์เงินอย่างไม่มีข้อจำกัด?]
หาก Treasury และ Federal Reserve เลือกพิมพ์เงินเพื่อชำระหนี้หรือสนับสนุนงบประมาณโดยตรง จะทำให้ค่าเงินสหรัฐเสื่อมค่าลงและอาจสูญเสียความน่าเชื่อถือในฐานะเงินสำรองของโลก
[ทำไมนโยบายพิมพ์เงิน (Money Printing) อย่างต่อเนื่องและไม่มีการควบคุม อาจนำไปสู่ปัญหา Hyperinflation (เงินเฟ้อขั้นรุนแรง)?]
รัฐบาลมีการใช้จ่ายเกินดุล (Fiscal Deficit) อย่างต่อเนื่อง >> ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว >> เมื่อคนเริ่มเห็นว่าเงินในระบบเพิ่มขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล จะเกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นในค่าเงิน คนจะรีบใช้จ่ายเงินหรือแลกเปลี่ยนเงินเป็นสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ทองคำหรือเงินสกุลต่างประเทศ เพื่อรักษามูลค่า >> ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นเพราะคนรีบใช้เงิน ขณะที่สินค้ามีจำกัด ทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าเงินลดลงจนผู้คนต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อสิ่งของที่เคยมีราคาถูก
เมื่อสถานการณ์ดำเนินไปเรื่อย ๆ ราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นในระดับวันต่อวันหรือแม้กระทั่งชั่วโมงต่อชั่วโมง คนไม่สามารถเก็บเงินสดไว้ใช้จ่ายในอนาคตได้ เพราะมูลค่าลดลงเร็ว
[สรุป]
การ "พิมพ์เงิน" ผ่าน QE และการออก Treasury Bonds เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤต แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อและความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
(รูป 5 - ในช่วง 2020 lockdown Covid ธนาคารกลางสหรัฐฯได้สร้างเงินจากอากาศเข้ามาอัดฉีดเศรษฐกิจมหาศาล)
(รูป 6 - M2 money supply เพิ่มขึ้นไปตาม balance sheet ของธนาคารกลางสหรัฐฯ)
cr. The Informationist
โฆษณา