7 ธ.ค. เวลา 15:54 • นิยาย เรื่องสั้น

รักย้อนอดีตภาค5 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์

.
บทที่ 13 แดร็กคูลา (Dracula) ตอนจบ
.
ก่อนที่แสนสุริยาพร้อมด้วยพันจะมาถึง ดร. แวน เฮลซิง ได้อธิบายถึงผีดูดเลือดให้อีก2คนฟังว่า จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด
มันจะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือหลุมศพในเวลากลางวัน สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก, หมาป่า, กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น
 
.
ผีดูดเลือดเจ้าเล่ห์และอันตรายมีเวทย์มนต์คาถา ปรากฎกายที่ใดก็ได้ที่มันพอใจในรูปแบบต่างๆ และอธิบายถึงการที่ไม่นำเรนฟิลมาด้วยกับทีมล่าผีดิบ
เพราะเมื่อเรนฟิลสามารถรู้การเคลื่อนไหวของท่านเค้าท์ แน่นอนว่าท่านเค้าท์ก็ต้องรู้การเคลื่อนไหวของทางด้านนี้จากเรนฟิลเช่นกัน
.
ทันทีที่แสนสุริยาและพันมาถึง ดร. แวน เฮลซิง จึงนำแผนที่ทางไปปราสาทเค้าท์แดร็กคูล่ามาพิจารณา ทำให้รู้ว่ามีแม่น้ำสายหนึ่งไหลล้อมช่องเขาบอร์โก้ และคุ้งน้ำนั้นเป็นเส้นทางน้ำที่เข้าใกล้ปราสาทของเคาท์แดร็กคูล่ามากที่สุด คณะของผู้ไล่ล่าแบ่งเป็น2กลุ่ม ดังนี้
.
กลุ่มที่ 1 ดร. แวน เฮลซิง, หมอเซวาร์ด กับ โจนาธาน ฮาร์เกอร์ ขี่ม้าตามไปบนริมตลิ่ง เผื่อท่านเค้าท์จะหลบขึ้นฝั่งกลางทาง
.
กลุ่มที่ 2 แสนสุริยาและพัน ขี่ม้าไปดักรอที่ปราสาทของท่านเค้าท์เพื่อเคลียรเส้น
ทางก่อนที่กลุ่มแรกจะไปถึง
.
จากนั้นไปรอพบกันที่ทางเข้าปราสาทในกรณีที่ท่านเค้าท์ยังไปไม่ถึง แต่...หากท่านเค้าท์ไปถึงก่อน แล้วแต่จะตัดสินใจ โดยยึดความปลอดภัยสูงสุดของมิน่าเป็นหลัก
.
แสนสุริยาและพันมาถึงช่องเขาบอร์โก้ก่อนรุ่งอรุณ เวลานั้นยังมืดมากแต่ก็อยู่ใกล้ยอดเนินสูงชันแล้ว บนยอดเนินเป็นที่ตั้งของปราสาทซึ่งเป็นที่อยู่ของท่านเค้าท์
.
อยู่ๆม้าก็เริ่มส่งเสียงร้องและดึงเชือกล่ามของพวกมัน เกิดเป็นกลุ่มควันแล้วม้วนตัวเป็นหญิงสาวสวยสวมชุดราตรีสีขาว 3 คน พวกหล่อนมีท่าทียั่วยวน แต่แสนสุริยาไม่สนใจ พันยิ่งไม่ต้องพูดถึง
.
ฝอย "พวกหล่อนเป็นแวมไพร์ จะให้ผมจัดการไหมครับคุณแสน"
.
แสนสุริยา "จัดการเลย"
.
แสงอาทิตย์ที่เกิดจากปืนแสงที่นายฝอยเปลี่ยนร่างสาดแสงจ้าไปที่ร่างทั้ง 3 พวกหล่อนยกมือขึ้นปิดหน้าส่งเสียงกรีดร้อง แล้วร่างก็สลายกลายเปินหมอกหิมะ
.
แสนสุริยาและพันสังเกตเห็นรอยล้อเกวียนเข้าไปที่ปราสาท มันบรรทุกของหนักแต่ตอนกลับรอยล้อไม่จมลึกเหมือนตอนมา
เจ้าสิ่งชั่วร้ายนั้นกลับมาถึงบ้านของมันเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงเข้าไปในปราสาทและเป็นดังที่เรนฟิลด์บอก ทุกๆแห่งมีแต่ประตู ประตู และประตู ซึ่งทุกบานใส่กุญแจและกลอนอย่างแน่นหนา กำแพงหนาทึบแต่มีหน้าต่างเล็กๆเจาะอยู่ทั่วไป
.
ฝอย "จะให้ผมกลายร่างเป็นปืนใหญ่ทลายประตูให้ไหมครับ คุณพัน"
.
พัน "ไม่ต้องขี่ช้างจับตั๊กแตน เล็กๆน้อยๆอย่างนี้ฉันจัดการเองได้"
.
แล้วพันก็ใช้ดาบเลเซอร์ฟันไปที่กุญแจและกลอนส่งผลให้มันขาดทันที ฝอยถึงกับชมไม่หยุดในความวิเศษของดาบเลเซอร์ จนแสนสุริยาต้องบอกให้เงียบเกรงว่าท่านเค้าท์จะได้ยิน(เออ...ตอนพังกุญแจไม่ยักได้ยิน)
.
ดังที่เรนฟิลด์บอกตรงมุมหนึ่งของห้องท่านเคาท์ มีประตูบานใหญ่เปิดไปสู่ทางเดิน
ที่มืดสลัวทั้งที่มีเทียนไขตามทางเป็นระยะ
ทางนั้นปูด้วยหินนำไปสู่บันไดเวียน มันนำไปสู่โรงสวดเก่าๆและผุพังเห็นได้ชัดว่ามันถูกใช้เป็นสุสาน
.
เรนฟิลด์เคยบอกว่ามีโลงศพตั้งเรียงรายเต็มไปหมดนับได้ 50 ใบ บัดนี้เหลือเพียงใบเดียวอยู่ในหลุมศพใหญ่ดูมียศศักดิ์มากกว่าหลุมอื่นๆ มันใหญ่และหรูหราบนหินสลักมีเพียงคำเดียวเท่านั้น "แดร็กคูล่า" ข้อสำคัญหีบใบเดียวนี้มิน่านอนหลับอยู่
 
.
แล้วท่านเค้าท์ก็ปรากฎกายขึ้นในแสงเทียนวอมแวม ประกายตาคู่นั้นซึ่งดูเหมือนแสงสีแดงจากตะเกียง "ยินดีต้อนรับคุณแสนสุริยานักล่าแวมไพร์ชาวไทยผู้มีชื่อเสียง ผมหวังเป็นอย่างมากที่จะได้พบคุณมานานแล้ว"
.
แสนสุริยา "ผมก็เคยได้ยินชื่อเสียงของท่านเค้าท์แดร็กคูลาเช่นกัน แต่ไม่เคยหวังจะได้พบ การพบกันของเราต้องมีใครคนใดคนหนึ่งบาดเจ็บล้มตาย"
.
มีเสียงฝีเท้าของคนหลายคนแล้วดร. แวน เฮลซิง, หมอเซวาร์ด กับ โจนาธาน ฮาร์เกอร์ ก็ตามมาทัน แสนสุริยาจึงบอกให้ดร. แวน เฮลซิงไปดูอาการของมิน่า
ที่นอนอยู่ในหีบศพ
.
ท่านเคาท์ "เธอยังไม่เป็นอันตรายโปรดอย่าวิตก เพียงแต่เธอเป็นของผมแล้ว"
.
ดร. แวน เฮล "หมายความว่าอย่างไร"
.
ท่านเคาท์ "หลายร้อยปีมานี้มิน่าเป็นคนเดียวที่ผมหวังใช้ชีวิตกับเธอตลอดไป ตอน
ที่อยู่ในเรือผมจึงใช้เล็บกรีดแผ่นอกตัวเองจนเลือดไหลเป็นทางแล้วให้มิน่าดื่มเลือดจากผม ในตัวของเธอจึงมีเลือดของผมอยู่ด้วย
.
จากนั้นจึงเก็บเธอไว้ในหืบศพของผม ตัวผมกลายร่างเป็นค้างคาวบ้าง นกฮูกบ้าง กบบ้าง คางคกบ้าง หรือ แมลงเม่า แล้วแต่สถานการณ์
กลางวันผมโดนแดดไม่ได้ก็กลายเป็นค้างคาวหลบซุ่ม แม้บรรดาลูกเรือเหล่านั้นคือเหยื่อชั้นดี ซึ่งผมต้องอดทนจนเรือถึงฝั่งแล้วผมไปต่อได้เองพวกนี้ก็หมดประโยชน์
บทสรุปของพวกกลาสีเรือซาริน่า แคทเธอรีน จึงเป็นเหมือนเรือเมเดเตอร์ที่ผมโดยสารไปอังกฤษ
.
ผมกำลังจะดื่มเลือดมิน่าเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อมอบความเป็นอมตะให้เธอพวกคุณก็มาพอดี ที่ปราสาทนี้ผมมีอำนาจสูงสุดสั่งปีศาจ-อสุรกายจากนรกอเวจีให้ทำตามที่ผมต้องการได้ทุกอย่างพวกคุณสู้ผมไม่ได้แน่
.
แต่เพื่อเห็นแก่การที่ผมจะเป็นลูกเขยของคุณหมอเซวาร์ด ผมจึงให้โอกาสพวกคุณกลับไปได้อย่างปลอดภัยโดยสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับพวกคุณ และพวกคุณต้องไม่ยุ่งกับผมและที่นี่อีก"
.
หมอเซวาร์ดพูดกับท่านเค้าท์ว่า "แล้วยอมให้ลูกสาวผมต้องเป็นผีดิบตลอดไป ถ้าอย่างนั้นผมยอมให้ลูกสาวตายจะดีกว่าต้องอยู่ในสภาพนี้"
.
ท่านเค้าท์ "ผมได้เปิดทางออกที่สวยงามให้พวกคุณแล้ว แต่พวกคุณปฏิเสธเองจะว่าผมใจร้ายไม่ได้นะ คุณพ่อตา"
.
ครั้นแล้วท่านเค้าท์ก็เรียกนักรบดินเผา(Terracotta Army) จากสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้มาสิบกว่าตัว พันถึงกับอุทานด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นกลุ่มของประติมากรรมดินเผากองทัพของจักรพรรดิองค์แรกของจีน
.
พัน "ท่านเค้าท์รู้ไหมว่า คุณกำลังทำลายศิลปะที่ยิ่งใหญ่ของโลกจากหลุมขุดค้นทั้ง3หลุมที่มีนักรบทหารดินเผาประมาณ9,000 ตัว รถศึก 130 คันพร้อมม้า 520 ตัว และม้าศึก 150 ตัว
.
หลุมหลักเพียงหลุมเดียวมีนักรบ 6,000 ตัว ส่วนใหญ่เป็นทหารราบ แต่ก็มีนักธนูและรถศึกพร้อมม้า ทหารเหล่านี้ถูกฝังอยู่ใต้ดิน โดยไม่ได้รับการแตะต้องมานานกว่า 2,200 ปี"
.
ท่านเค้าท์ "หยุดพูดได้แล้วเจ้าลูกสมุน นี่เป็นสงครามระหว่างนายของเจ้ากับแวมไพร์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าไม่ใช่วิชาประวัติศาสตร์"
.
ว่าแล้วท่านเคาท์ก็สั่งการให้เหล่านักรบโจมตี พันถอนใจด้วยความเสียดายศิลปะล้ำค่าเหล่านี้ แต่ก็ก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมด้วยแสนสุริยา ที่หันไปบอกให้ดร. แวน เฮลซิงนำหมอเซวาร์ด,โจนาธานที่อุ้มมิน่ารีบออกไปก่อน ส่วนเขาและพันจะรับมือเอง
.
ท่านเคาท์เคยได้ยินชื่อเสียงของแสนสุริยาจึงต้องการเห็นฝีมือด้วยสายตาของตนเอง ส่วนคนอื่นๆปล่อยไปก่อนจัดการเมื่อใดก็ได้ แสนสุริยาและพันต่างแยกย้ายไปรับมือเหล่านักรบ
.
แสนสุริยาสู้ด้วยวิธีการต่อสู้ของเพลงดาบสำนักพุทไธสวรรย์อันลือชื่อตั้งแต่สมัยอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี คือใช้ทั้งมือและเท้าให้เป็นประโยชน์ในการ
ต่อสู้
.
มือถือดาบกวัดแกว่งต่อสู้อาวุธของศัตรู ได้จังหวะก็ใช้เท้าทั้งเตะทั้งถีบเป็นการตัดกำลังคู่ต่อสู้ไปในตัว ฝอยเองก็รีบเปลี่ยนร่างเป็นดาบที่ทำด้วยไททาเนี่ยมเป็นโลหะน้ำหนักเบาที่แข็งแกร่งที่สุด
.
แข็งจนสามารถทำให้นักรบดินเผาขาดเป็นท่อนหมดสภาพการใช้งานได้ในดาบเดียว เป็นเหตุให้นายฝอยของเรานำมาโม้ไม่หยุดในเวลาต่อมาว่า
"นี่ถ้าเป็นพวกลูกสมุนของแวมไพร์นะครับ ผมจะผสมแร่เงินเข้าไปด้วยเหมือนดาบของเบลด(Blade-พันธุ์ฆ่าอมตะ)"
.
ส่วนพันใช้ดาบเลเซอร์คู่กายและใช้การต่อสู้เหมือนหน้งจีนกำลังภายใน ในไม่ช้าทั้งแสนสุริยาและพันก็จัดการกับนักรบินเผา ที่ถืออาวุธเดินทื่อเข้ามาเป็นกลุ่มเป็นก้อน จนในที่สุดก็ถูกทำลายเป็นก้อนเป็นกลุ่ม
.
ท่านเคาท์เห็นดังนั้นจึงรีบกลายร่างเป็นค้างคาวบินหนี ซึ่งไม่ได้เหนือการคาดหมายของพันที่พุ่งตัวไปพร้อมดาบตัดปีกทั้ง2 ทำให้ท่านเคาท์ในร่างของค้างคาวร่วงลงพื้น ฝอยได้กลายร่างเป็นปืนลำแสงอาทิตย์เผาท่านเคาท์จนเป็นผุยผง
.
หมายเหตุ! แรงบันดาลใจจาก แดร็กคูลา(1931)นำแสดงโดย Bela Lugosi, Dracula: Dead and Loving It (1995-แดร็กคูลา 100%ครึ่ง) นำแสดงโดย Leslie Nielsen และ Blade1998 , 2002 และ 2004 (เบลด-พันธุ์ฆ่าอมตะ)ทั้ง3ภาค นำแสดงโดยเวสลี่ย์ สไนปส์
.
ภาพปกจากวิกิพีเดีย Blade2 นักล่าพันธุ์อมตะ(ตอนนี้เวสลี่ย์เป็นที่พูดถึงว่า "เบลด มีคนเดียว...ว้อยสสส)
โฆษณา