9 ธ.ค. เวลา 07:08 • สุขภาพ

เปิดสถิติอันตราย "นวดบิดสะบัดคอ" เสี่ยงเส้นเลือดเลี้ยงสมองฉีกขาด

หมอธีระวัฒน์ เตือน "นวดบิดสะบัดคอ" เสี่ยงเส้นเลือดสมองฉีกขาด เปิดข้อมูลหมอทางสมองในสหรัฐ 177 คน ระบุพบคนไข้ 55 ราย เข้าข่ายที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอ
จากข่าวการเสียชีวิตของนักร้องสาว นางสาวชญาดา พร้าวหอม หรือ ผิง ชญาดา ที่เกิดขึ้นหลังมีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวบอกเล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวว่า ได้รับการนวดบิดคอ ก่อนที่จะเข้ารักษาตัวเพราะร่างกายใช้งานไม่ได้ ล่าสุด ศ.นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพในหัวข้อ บิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์
เรื่องใกล้ตัวที่เป็นท่าบริหารประจำหรือที่ทำ เวลาเมื่อย หรือเป็นกระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้งเป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูกซึ่งถ้าไม่ระวังจะเพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ "คอ" เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว
จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่า ในช่วงเวลา 2 ปี ว่ามีใครเคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่
หมอสมอง 177 คน รายงานว่า เคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอและเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่า ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว
วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อย ๆ ดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ
สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบ ๆ ที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา
การสะบัดคอแรง ๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้ายอันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็วแต่การทำซ้ำกันบ่อย ๆ เป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด
โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุน คือ มีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)
ข้อควรระวังและกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014
ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกันเนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี "ปิด–เปิดประตู"
ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง
สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้ คือ คอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนาน ๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด
ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพังและยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ ถ้าเราทราบข้อห้าม ทราบโครงสร้างของเส้นเลือดและกระดูกเส้นเอ็นเราก็จะปฎิบัติได้ถูกวิธีไม่เกิดอันตราย
โฆษณา