9 ธ.ค. เวลา 03:47 • กีฬา

ลิเวอร์พูลกำไร1นัด, สัญญาใหม่และความเป็นลูกพี่ของซาลาห์(พูดถึงนูนเญซ)

แฟนบอลลิเวอร์พูลน่าจะอยากดูเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าจะให้แกมเลื่อน โดยเฉพาะบ้านเรานานๆ จะมีโอกาสที่จะได้ชมเกมตั้งแต่หัววัน แต่อย่างที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ว่าลิเวอร์พูลโชคดีหลายอย่าง
แก้นิดหน่อยตรงที่ลิเวอร์พูลจะไปเยือนจีโรน่าในค่ำคืนวันอังคารนี้ (เขียนผิดไปว่าคืนวันพุธ วันพุธจริงแต่เป็นคืนวันอังคาร และเตะเร็วด้วย 0.45 น.) ดังนั้นโชคดีกว่าเดิมแล้ว ลิเวอร์พูลไม่ต้องลงเล่นทุกๆ 3 วัน
แต่ที่สำคัญที่สุดเหนืออื่นใดคือการที่คู่แข่งอย่างน้อย 2 ทีมสะดุดเสมอ
แมนฯ ซิตี้เสมอคริสตัล พาเลซไปก่อนตั้งแต่วันเสาร์ ในขณะที่ฟูแล่มที่ผมเขียนถึงไปก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญใน 3 สัปดาห์นี้(4 นัด)กลายเป็นโบกี้ทีมของอาร์เซนอล หลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วพวกเขาก็เอาชนะปืนมาได้
ปืนใหญ่เกือบจะเก็บ 3 แต้มในนาทีบาปท้ายเกม แต่วีเออาร์เช็กเป็นลูกล้ำหน้า ทำให้พวกเขาเป็นอีกทีมที่เก็บได้ 1 แต้ม ในสัปดาห์ที่จ่าฝูงไม่ได้ลงสนาม
ถือว่าเสียหายไม่น้อย แต่ทีมที่คว้าโอกาสได้คือเชลซี ที่ตอนนี้ขึ้นมาเป็นเต็ง 3 เหนือแมนฯ ซิตี้เล็กน้อย เมื่อพวกเขาบุกไปชนะสเปอร์ส 4-3
แม้ว่าเชลซีอยู่ใกล้ที่สุด เอ็นโซ่ มาเรสก้าก็ทำทีมได้ดี เชลซีมีประวัติที่ดีในการได้กุนซือชาวอิตาเลี่ยนมาคุมทีมปีแรกแล้วได้แชมป์มาตั้งแต่ คาร์โล อันเชล็อตติ หรืออันโตนิโอ คอนเต้ พวกเขามองข้ามไม่ได้เลย และโปรแกรมก็ไม่ได้หนักจนถึงต้นปีหน้า
แต่เชลซียังดูจะอันตรายน้อยกว่าอาร์เซนอล หรือแมนฯ ซิตี้ ในแง่ประสบการณ์ระยะหลัง พวกเขามีทีมที่ใหญ่จริง ลึกจริง แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างคือการ RUN หรือชนะต่อเนื่อง
เทียบกับซิตี้ หรืออาร์เซนอล ถ้าเชลซีทำได้ตรงนี้ขึ้นมา พวกเขาจะน่ากลัวมาก ถ้าพวกเขาเริ่มวิ่งฉิวจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในทันทีแน่ๆ
ดังนั้นนาทีนี้ขอรอดูอีกหน่อย ด้วยอายุเฉลี่ยระดับ 24 ปีนิดๆ เชลซีจะน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ในปีต่อๆ ไปแน่ๆ แต่ฤดูกาลนี้ยังมีเครื่องหมายคำถามอีกเยอะ โดยเฉพาะคู่กลาง ลาเวียเจ็บไปอีก ไกเซโด้ถูกปรับไปเป็นแบ็กขวา และกลับมากลางท้ายเกม
จริงๆ หลายคนที่เห็นภาพไกเซโด้ไม่น่าจะรอดใบแดงมาได้ แต่ราวกับพรีเมียร์ลีกอยากเห็นการลุ้นแชมป์สนุกขึ้น(ประชด) ยิ่งถ้าเทียบกับกรณีเคอร์ติส โจนส์ แต่เอาล่ะเชลซีชนะสเปอร์สแบบสมควรชนะจริงๆ แต่ระยะยาวอย่างที่บอกว่าขอดูอีกหน่อย
ส่วนอาร์เซนอลการเสมอถือว่าพวกเขายังมีช่วงที่ไร้พ่ายต่อเนื่องในระยะหลัง ก็เหมือนกับลิเวอร์พูลเสมอในเกมเยือนนิวคาสเซิล พวกเขาต้องชดเชยความผิดพลาดช่วงต้นฤดูกาล
จุดแข็งของอาร์เซนอลตอนนี้คือลูกเตะมุม ที่ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟแซวว่าพวกเขาคือสโต๊กยุคใหม่ แต่การยิงประตูจากโอเพ่น เพลย์พวกเขาก็ลดลงไปเยอะมากเช่นกัน
แทบทุกนัดหลังจากนี้พวกเขาจะถูกจับตามองในจังหวะเตะมุมเป็นพิเศษ มันอาจจะเป็นดาบสองคมในเวลาเดียวกัน ถ้ามันมามันคือไม้เด็ดของพวกเขา แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ผล หรือคู่แข่งหาวิธีให้พวกเขาได้เตะมุมน้อย หรือแทบไม่ได้เตะมุมเลย?
แมนฯ ซิตี้กำลังรวบรวมทุกอย่างกลับมา พวกเขาดูหลุดวงโคจรไป เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ดูสติแตก แต่ยังไงนี่คือทีมที่มีความสม่ำเสมอมากที่สุดตลอดทศวรรษที่ผ่านมา หรืออย่างน้อย 8 ฤดูกาลหลังในยุคของเป๊บ
อาจจะมีคดีต่างๆ ให้กังวล แต่ถ้าพวกเขาเรียกฟอร์มกลับมาได้ เราเคยเห็นทีมที่ชนะ 20 นัดรวดมาแล้ว แต่สภาพทีม และโดยเฉพาะอายุนักเตะ รวมถึงตัวเลือกในตอนนี้ โอกาสที่พวกเขาจะทำได้แบบนั้นอีกน่าจะยาก แต่แค่ใกล้เคียงก็มีเสียวแล้ว
จนกว่าทิ้งซิตี้จะเกิน 15 แต้ม ผมคิดว่านั่นถึงจะเบาใจจากพวกเขาได้จริงๆ เรียกว่าต้องมีปัฟเฟอร์ขนาดนั้นเลย
สัปดาห์นี้โค้ชชาวโปรตุกีสมอบความสุขให้กับเด็กหงส์ครบถ้วน ไล่ตั้งแต่นูโน่ที่คุมฟอเรสต์บุกไปชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งต้องบอกว่าอโมริมเป็นอีกคนที่ทำให้เด็กหงส์มีความสุข(ฮ่า...)
กูกูเรย่าลื่นไปสองที เสียไปสองประตู เชลซีเกือบขิต อาจจะดีกว่าที่หงส์แดงไม่ต้องเล่นกับเอฟเวอร์ตันในช่วงเวลานี้ เป็นวีกที่ทีมใหญ่เล่นกันมาตรฐานตกลงไปหมด และขาดความสม่ำเสมอจริงๆ
และมาร์โก ซิลวาที่นำฟูแลมเล่นได้อย่างเหนียวแน่น พลาดแค่จังหวะเดียวยันอาร์เซนอลให้ นอกนั้นก็ย้ำว่าอาจจะโชคดีแล้วที่ไม่ได้ลงเล่นในช่วงที่อังกฤษสภาพอากาศแบบนั้น เพราะทีมใหญ่พลาดหลายๆ เกมอาจจะมีส่วนตรงนี้
จริงๆ ลิเวอร์พูลตอนนี้โฟกัสกับตัวเองไปเรื่อยๆ นั่นคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด แม้เชลซีจะไม่พลาด แต่คงจะโลภเกินไปถ้าหวังว่าทั้ง 3 ทีมที่ตามมาจะพลาดกันหมด ดังนั้นกับ 1 เกมในมือ ที่คู่แข่งสำคัญ 2 ทีมพลาดถือว่ากำไรมากแล้ว
ใช่ ที่ต้องไปวัดว่าเกมตกค้างจะเก็บ 3 แต้มได้หรือไม่ แต่โอกาสที่จะนำเพิ่มอีก 2 แต้ม ในการไปเยือนเอฟเวอร์ตัน ถ้าแลกกับผลการแข่งขันเหล่านี้ล่วงหน้าก่อนแข่ง ผมเชื่อว่าหลายคนยอมแลก
ผ่านสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชัดเจนอีกเรื่องคือทีมที่ลุ้นแชมป์แบ่งโซนกันที่ 4 ทีมนำ ถัดจากนั้นคือฟอเรสต์, วิลล่า ที่ห่างจ่าฝูง 10 แต้ม โดยทฤษฎีมันเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ในทางปฏิบัติ สองหลักกับจ่าฝูงที่มีเกมในมือ 1 นัด เรียกว่าอันดับ 5 ลงมาลุ้นแชมป์ยากแล้ว
ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์แบบปีเลสเตอร์ ซิตี้ได้แชมป์น่าจะหมดไปแล้ว
อันดับ 5-13 มีแต้มห่างกันแค่ 6 แต้ม ผมไม่แน่ใจว่าเคยเห็นปีไหนมีทีมโซนนี้เยอะขนาดนี้ไหม ทีมกลุ่มนี้คือทีมที่ลุ้นแย่งพื้นที่ยุโรปกันชัดเจนมาก แมนฯ ยูไนเต็ดมี 19 แต้มอยู่ท้ายที่สุดของกลุ่ม แต่พวกเขาต้องการชนะ 2 นัดเพื่อขึ้นมาอยู่หัวของกลุ่มได้เลย
ทีมกลุ่มนี้เวลาเจอกับทีมลุ้นแชมป์ก็อันตรายมากด้วย เราเห็นนิวคาสเซิลหยุดเรา หรือฟูแล่มหยุดอาร์เซนอลมาแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ดจะพบกับแมนฯ ซิตี้วีกหน้า ถ้าใครพลาดขึ้นมาอาจจะเปลี่ยนกลุ่มได้เลย เพราะพวกเขาอยู่อันดับสุดท้ายของกลุ่มของตัวเอง
ถึงจะเป็นคู่ปรับ แต่เอาจริงๆ แมนฯ ยูไนเต็ดเหมือนได้บายในฤดูกาลนี้ไปแล้ว พวกเขามี 19 แต้มห่างโซนตกชั้นเป็น 10 เล่นยังไงก็ยากจะตกชั้น และแม้ดูว่าจะห่างพื้นที่ยุโรปไม่มาก แต่ถ้าดูโปรแกรมเอาแค่ไม่นัดหน้าจนถึงเทศกาลปีใหม่ โอกาสจะได้แต้มครบแทบไม่มี
อโมริมคงลองทีมได้เต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำต่อไปยาวๆ ทุกอย่างคงไปตัดสินในซีซั่นหน้า (ถ้าบอร์ดบริหารไม่ใจร้อนเกินไปนะ)
เลสเตอร์กลับมาตีเสมอได้ทำให้รุด ฟาน นิสเตลรอยถูกจับตามองขึ้นมาอีกนิด ในฐานะทีมที่เจ้าของเป็นคนไทย และมีสายสัมพันธ์ในอดีตกับลิเวอร์พูลอยู่บ้างอย่างที่เคยเขียน ผมก็หวังว่าพวกเขาจะอยู่รอดปลอดภัย และแน่นอนว่ามันจะกดดันอโมริมกลายๆ
ขนาดไม่กี่นัดยังเริ่มเห็นคนพูดถึงเรื่องนี้เป็นระยะ...
+
+
+
แม้จะไม่มีการประกาศจากสโมสรในเวลาที่เขียน แต่ค่อนข้างสบายใจในระดับหนึ่งกับสัญญาของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่หลายแหล่งข่าวระบุว่ามีการพูดคุยกันแล้ว กระทั่งเซ็นกันแล้ว และรอแค่การประกาศ
เป็นที่รับทราบว่าเอเย่นต์ และนักเตะต้องการสัญญา 3 ปี แต่สโมสรอยากจะให้สัญญากับนักเตะที่อายุมากกว่า 30 ปีแค่ปีต่อปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าตกลงค่าเหนื่อยกันไม่ได้ ช่องว่างมากเกินไป ตอนนี้มีข่าวจะหาตรงกลางที่ 2 ปี โดยซาลาห์จะรับทรัพย์เพิ่มเป็น 400,000 ปอนด์/สัปดาห์
ผมไม่แน่ใจว่าจริงแค่ไหน เพราะเทียบกับข่าวครั้งก่อนๆ ก็ระบุว่าซาลาห์อยากได้ 4-5 แสน แต่สุดท้ายมาลงตัวที่ 350,000 ปอนด์/สัปดาห์ ซึ่งถ้าตัวเลขออกมาแบบนี้ผมก็ว่าเยอะไปหน่อย แต่กับการที่ FSG ยอมหั่นระยะเวลาเหลือ 2 ปีก็เป็นการเซฟที่สุด
มีข่าวในเวลาเดียวกันว่าอาจจะตกลงกันได้ที่ 350,000 ปอนด์เท่าเดิม เดี๋ยวรอดูตรงนี้อีกที แต่ถ้าค่าเหนื่อยในระดับเดิม + - 50,000 ปอนด์ผมว่าเป็นตัวเลขที่ยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ถ้าได้น้อยลง หรือเท่าเดิมก็คงมีเงินกินเปล่าอยู่แล้ว
ถ้าเกิดครบเวลาสัญญาอีก รอบต่อไปจะตกลงแบบปีต่อปี ก็น่าจะยุติธรรมแล้ว ถ้าตอนนั้นซาลาห์เริ่มเล่นตกลง ค่าเหนื่อยก็ควรจะลดลงเช่นกัน แม้ส่วนตัวผมคิดว่าให้ 3 ปี แต่ให้ต่อสัปดาห์น้อยลงกว่านี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด จากสภาพของโมตอนนี้ 3 ปีผมว่าเขาเล่นได้สบายๆ
แต่ก็นั่นแหล่ะ เราไม่รู้ว่าด้วยอายุที่เพิ่มเขาจะเจ็บเพิ่มหรือไม่ วิ่งได้มาก หรือเล่นตกลงไปแค่ไหน และตอนนี้ก็แค่ข่าวด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นสัญญาแบบ 2 ปี + ออปชั่น 1 ปี ในกรณีที่ทีมประสบความสำเร็จ หรือเขาลงเล่นในจำนวนนัดถึงเกณฑ์
พวกนี้เราก็ได้แต่มโนเอาเอง เอาเป็นว่าถ้าต่อสำเร็จก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะนาทีนี้ซาลาห์ถือว่าเป็นศูนย์รวมของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะเกมรุกที่ยังขาดไม่ได้
+
+
+
ซาลาห์เพิ่งให้สัมภาษณ์ถึงนูนเญซ โดยจริงๆ ตัวคำถามจากต้นทางลิเวอร์พูลเอ็คโค่ก็ไม่ได้จะพาไปถึงนูนเญซ แต่คำตอบของซาลาห์ก็พยายามพาไปถึง
“Who do I most like to play with? It was Firmino. Now I feel like I generally like playing with Nunez. A lot of people don’t like him but I like playing with him.”
“ใครที่ผมชอบเล่นด้วยที่สุด? ต้องเป็นฟีร์มิโน่อยู่แล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกคล้ายๆ กันในการเล่นกับนูนเญซ ผู้คนมากมายไม่ชอบเขา แต่ผมชอบเล่นร่วมกับเขา”
“I see Bahaa keeps shaking his head not liking [Nunez]. Nah [laughing], I like playing with him in general. [Nunez is] a player with different skills. Not a lot of people understand his ball.”
“ผมเห็นบาฮา(นักข่าวที่ถาม)ส่ายหัวไม่ชอบ(นูนเญซ) ไม่นะ(หัวเราะ) ปกติผมชอบเล่นกับเขา (นูนเญซ)เป็นนักเตะที่มีทักษะพิเศษที่แตกต่าง มีคนไม่มากจะเข้าใจแนวทางการเล่นบอลของเขา”
ยกต้นฉบับมา “A lot of people don’t like him but I like playing with him.” ประโยคนี้บ่งบอกได้ดีว่าเขารับรู้บรรยากาศ สถานการณ์ภายนอก ในโลก และโซเซียลมีเดีย
ผมเพิ่งเขียนถึงนูนเญซไปไม่กี่วันก่อน ไปย้อนอ่านได้ บังเอิญเล็กน้อยที่มีการเปรียบเทียบกับการมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นของนูนเญซกับ เอสกี, เดิร์ก เคาต์ และฟีร์มิโน่
นูนเญซขยันในระดับนักเตะเหล่านี้ไหม? ตอนนี้ยังไม่ แต่ส่วนตัวผมอยากเทียบกับเคาต์มากกว่า เพราะสมัยอยู่เฟเยนูร์ด(ก่อนย้ายมาลิเวอร์พูล) เคาต์มีสถิติการทำประตูที่ยอดเยี่ยม แต่สำหรับลิเวอร์พูลเขาเหมือนเป็นพระรอง
เราเห็นตัวเลขแบบเดียวกันของนูนเญซในลีกโปรตุเกส บางทีความคาดหวังนั้นอาจจะผิด และซาลาห์เข้าใจในจุดนี้
 
ยิ่งผลการแข่งขันไม่เป็นใจในเกมกับนิวคาสเซิล เสียงวิจารณ์ก็เพิ่มขึ้น เมื่อซาลาห์มีโอกาสให้สัมภาษณ์ มันเหมือนกับการที่เขาเอาตัวเองมาปกป้องรุ่นน้องในฐานะ “ลูกพี่”
เวลา และโอกาส มันไม่บังเอิญเลย เพราะเขารู้ดีว่านี่เป็นช่วงที่เขาอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ก็อาจจะมีสักช่วงที่ฟอร์มของเขาตกลง และเป็นโอกาสที่คนอื่นต้องมาแบก การออกมาพูดของซาลาห์ช่วยลดความกดดันของนูนเญซแน่นอน
เชื่อว่าข่าวนี้ไปถึงนูนเญซแน่ในโลกยุคปัจจุบัน และอย่างน้อยไม่ว่ากระแสภายนอกจะยังไง ถ้ามีคนในทีม มีลูกพี่พูดอย่างนี้ ผมว่านูนเญซจะยังคงมีโฟกัสในสนาม เขารู้ว่าตัวเองยังมีความหมาย
เหมือนกับวาตารุ เอ็นโด ที่ตอนนี้ไม่ได้มีโอกาสมากนัก เขาเข้าไปพูดคุยกับอาร์เน่อ อาร์เน่อบอกว่า 10 นาทีที่เขาลงไปในเกมเหล่านั้นก็มีความหมาย และตอนนี้กับหลายเกมที่รออยู่ที่จำนวนเกมก็เยอะ แม็คก้าก็ติดโทษแบน 2 นัด เอ็นโดคงได้เห็นความสำคัญของตัวเองในแบบเดียวกัน
ถ้านูนเญซกลับมามีสมาธิ เรียกฟอร์มได้ คำพูดของโมมีความหมายแน่ๆ หรือถ้าเขาปรับเปลี่ยนเป็นช่วยทีมมากๆ แบบฟีร์มิโน่ ทีมก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน
.[Nunez is] a player with different skills. เป็นการส่งสัญญาณให้แฟนบอลรู้ว่านูนเญซมีของ และเขาจะช่วยดึงมันออกมา หรือใช้ประโยชน์จากมันเช่นกัน บ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาได้ประโยชน์จากตรงนี้นะ ฟอร์มที่ดีของเขาอาจจะต้องทำให้เรามองหลายแง่มุม
นูนเญซดึงตัวประกบไปไหม เขาอ่านทางบอลของนูนเญซได้ล่วงหน้า และทำให้ผลงานของเขาออกมาดีด้วย ฯลฯ บางทีเราอาจจะมองข้ามไป
มันไม่ใช่เรื่องโกหกด้วย เพราะนูนเญซแอสซิสต์ให้ซาลาห์ไปแล้ว 11 ประตู และมีส่วนร่วม 16 ประตูจาก 96 นัด และมีแค่ 3 คนในทีมลิเวอร์พูลเท่านั้นที่เคยมีส่วนร่วมกับประตูร่วมกับซาลาห์มากกว่าเขา
สองในนั้นเดาได้ง่ายคือน ฟีร์มิโน่ 36 ประตู และมาเน่ 32 ประตู ซึ่งต่างใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านูนเญซหลายปี และอีกคนคือเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ที่ยังอยู่ในฝั่งเดียวกันที่มีส่วนร่วมจ่ายให้กันรวม 18 ประตู
เมื่อซาลาห์พูดเรื่องสัญญา สโมสรต้องฟัง เพราะมันไปถึงแฟนบอล และเพิ่มเสียงเรียกร้องของพวกเขา กรณีของนูนเญซในฐานะแฟนบอล เราก็ต้องฟังบ้างเช่นกัน นี่คือความสำคัญอีกแง่มุมของซาลาห์ ที่ส่งผลดีมากต่อทีมต่อสโมสร และต่อนูนเญซเอง
เรียกว่างานของซาลาห์ไม่ใช่แค่ในสนาม แต่รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศต่างๆ นอกสนาม ถ้าเขาต่อสัญญาก็มีโอกาสที่คนอื่นๆ จะต่อตามเพิ่มมากขึ้นด้วย
ซาลาห์จึงสำคัญมากจริงๆ ที่ไม่ว่ายังไงก็ย้ำอีกครั้งว่าลิเวอร์พูลต้องรั้งเขาไว้ให้ได้ คุ้มกว่าไปหาใหม่ และไปเสี่ยงดวงในอนาคตอย่างแน่นอน
เชื่อว่าหลายรอประกาศยืนยันอย่างใจจด ยิ่งว่าซื้อนักเตะใหม่ก็ไม่ปานด้วยซ้ำ...
จินตะปัญญา
โฆษณา