9 ธ.ค. เวลา 13:24 • การเมือง

ผ่าผลงานรัฐบาล 90 วัน ถกครม. 12 ครั้ง ดันสารพัดโครงการ 3 แสนล้าน

ผ่าผลงานรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” รอบ 3 เดือน หรือในช่วงแรก 90 วัน พบประชุมครม.ไปแล้ว 12 ครั้ง ดันสารพัดโครงการเศรษฐกิจ ตามนโยบาย คิดเป็นวงเงินรวมอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท เช็ครายละเอียดทั้งหมดรวมไว้ครบ
รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ประกาศเตรียมแถลงผลงานรัฐบาล 90 วัน และทิศทางของประเทศไทยในปี 2568 ในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 นี้ โดยตลอดระยะเวลาการเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินด้วยการรับไม้ต่อจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน รัฐบาลได้ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วรวม 12 ครั้ง และผลักดันโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจออกมาหลายโครงการ โดยมีวงเงินรวมกันอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ทั้งงบประมาณ และวงเงินสินเชื่อ สรุปได้ดังนี้
ไฟเขียวแจกเงิน 10,000 บาทล็อตแรก
หลังจากนายกรัฐมนตรี และครม. ได้เริ่มต้นการบริหารประเทศ ก็ได้นัดประชุมครม.นัดแรกในวันที่ 7 กันยายน 2567 แต่ในการประชุมครม.ครั้งแรกนั้น ยังไม่มีวาระพิจารณาโครงการสำคัญด้านเศรษฐกิจ เพราะส่วนใหญ่เป็นการรายงานแนวทางการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น แนวทางการประชุมคณะรัฐมนตรีและการเสนอเรื่องต่อครม. การมอบหมายให้รองนายกฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รวมไปถึงการจัดทำคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ต่อมาในการประชุมครม.ครั้งที่สองของรัฐบาลแพทองธาร ในวันที่ 17 กันยายน 2567 มีการเสนอโครงการสำคัญเข้ามาให้ครม.เห็นชอบนั่นคือ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ หรือ การแจกเงิน 10,000 บาท ให้คนกลุ่มแรก 14.55 ล้านคน ซึ่งโครงการนี้แปลงร่างมาจากโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต หลังจากรัฐบาลก่อนผลักดันออกมาไม่ทัน โดยครม.ได้อนุมัติวงเงินเอาไว้ก้อนใหญ่เพื่อใช้ในโครงการนี้กว่า 145,552 ล้านบาท
รวมทั้งยังเห็นชอบการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีแวต) ให้จัดเก็บในอัตรา 7% ต่อไปอีก 1 ปี และยังอนุมติงบกลาง ให้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 5,924 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกโรค “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” ประจำปีงบประมาณ 2567
ลุยพักหนี้รายย่อย-เกษตรกร ช่วยค่าไฟ
ถัดมาในการประชุมครม. วันที่ 24 กันยายน 2567 เริ่มมีวาระต่าง ๆ เสนอเข้ามายังที่ประชุมจำนวนมาก ทั้งโครงการใหม่และโครงการค้างท่อจากรัฐบาลเดิม ซึ่งการประชุมครม.ครั้งนี้ มีโครงการด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ นั่นคือ การคลอด มาตรการพักชำระหนี้ ให้กับลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 และการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ รวม 22,972 ล้านบาท
อีกทั้งยังอนุมัติงบกลาง วงเงิน 1,790 ล้านบาท ให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นค่าใช้จ่าย ช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าเป็นเวลา 4 เดือน (พฤษภาคม - สิงหาคม 2567) จำนวน 19.05 สตางค์ต่อหน่วย
รวมทั้งยังอนุมัติงบกลาง อีกจำนวน 7,125 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ หรือ มาตรการ EV3
คลอดกฎหมายสำคัญหลายฉบับ
เรื่อยมาจนถึงเดือนตุลาคม ในเดือนนี้มีเรื่องสำคัญด้านเศรษฐกิจเสนอเข้ามาหลายเรื่อง รวมไปถึงร่างกฎหมายสำคัญ เช่น ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... เพื่อใช้ในการกำกับการบริหารและการให้บริการระบบการขนส่งทางรางมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งครอบคลุมกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน มีโครงการสำคัญที่ผ่านมาการเห็นชอบจากครม. เช่น มาตรการสินเชื่อซื้อ – ซ่อม – สร้าง ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กรอบวงเงินสินเชื่อรวม 5.5 หมื่นล้านบาท โดยครม.อนุมัติงบประมาณวงเงินรวม 6,372.88 ล้านบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รองรับความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชน ส่งเสริม และสร้างโอกาสให้กับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้เข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรน
ส่วนร่างกฎหมายสำคัญในเดือนพฤศจิกายน มีทั้งร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบเพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบที่จะต้องส่งให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับนายจ้างจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ รวมไปถึงร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน)
จัดประชุมครม.สัญจรครั้งแรก เชียงใหม่
ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน รัฐบาลได้จัดประชุม ครม.สัญจร เป็นครั้งแรก ที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 โดยมีเรื่องสำคัญเสนอเข้ามาในการประชุมครั้งนี้หลายเรื่อง โดยเฉพาะการผลักดันโครงการเร่งด่วนลงไปยังจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย รวม 39 โครงการ กรอบวงเงิน 641 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ส่วนใหญ่เป็นโครงการซ่อมแซมด้านการคมนาคม เขื่อนป้องกันตลิ่ง รวมทั้งระบบการระบายน้ำ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
การประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ ยังมีไฮไลท์สำคัญนอกจากการเทงบลงไปในพื้นที่ นั่นคือ การอนุมัตินโยบายสำคัญด้านการลดภาระการเดินทางผ่าน นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทั้งรถไฟชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ออกไปอีก 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 - 30 พฤศจิกายน 2568 โดยประมาณการว่ามีการสูญเสียรายได้ รถไฟชานเมืองสายสีแดง 35.35 ล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีม่วง 272.99 ล้านบาท
รวมทั้งยัง เพิ่มเงินเดือนพนักงานราชการ ให้สอดคล้องกับนโยบายการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ แรกบรรจุ 18,000 บาท โดยครม.เห็นชอบการปรับอัตราค่าตอบแทนแรกบรรจุและการปรับค่าตอบแทนแทนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบของพนักงานราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 รวมทั้งการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของพนักงานราชการด้วย
นอกจากนี้ในการประชุมครม.ครั้งดังกล่าว ครม.ยังเร่งดัน นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ โดยเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 แทนตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อเริ่มต้นการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง หรือบอร์ดไตรภาคี พิจารณาการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ วันละ 400 บาท ทั่วประเทศ ให้ทันวันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
แจกเงินชาวนาไร่ละ 1,000 ดันมอเตอร์เวย์
ส่วนการประชุมครม.ครั้งล่าสุดในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 มีนโยบายสำคัญด้านการเกษตรที่ผ่านการเห็นชอบจากครม. คือ การแจกเงินชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ผ่านโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ภายใต้วงเงินรวม 38,578 ล้านบาท เพื่อเป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยเหลือชาวนากว่า 4.68 ล้านครัวเรือน
ขณะเดียวกันยังเห็นชอบเมกะโปรเจกต์สำคัญ นั่นคือ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน - บางบัวทอง ของกรมทางหลวงกระทรวงคมนาคม (M9) รวมระยะทาง 35 กม.วงเงินลงทุน 47,521 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีกฎหมายสำคัญที่ผ่านการเห็นชอบ นั่นคือ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อเปิดทางให้ดำเนินนโยบาย "หวยเกษียณ" ผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ และร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาลต่อไป
โฆษณา