9 ธ.ค. เวลา 12:28 • ประวัติศาสตร์

ประวัติและความเชื่อในวันคริสต์มาส: วันแห่งความสุขและศรัทธา

---
ต้นกำเนิดวันคริสต์มาส: การเฉลิมฉลองพระเยซูคริสต์
วันคริสต์มาสถือเป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ เนื่องจากเป็นวันที่ระลึกถึงการประสูติของพระเยซูคริสต์ในเมืองเบธเลเฮม ตามพระคัมภีร์ไบเบิล พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า ผู้ซึ่งถูกส่งมายังโลกเพื่อช่วยมนุษยชาติให้พ้นจากบาป
อย่างไรก็ตาม วันที่ 25 ธันวาคมไม่ได้ระบุไว้ในพระคัมภีร์ว่าเป็นวันที่พระเยซูประสูติ วันดังกล่าวถูกกำหนดในศตวรรษที่ 4 โดยจักรพรรดิโรมันคอนสแตนติน เพื่อแทนที่เทศกาลทางศาสนาที่เคยบูชาเทพเจ้าโรมันในฤดูหนาว เช่น เทศกาล Saturnalia และ Sol Invictus ซึ่งเป็นวันฉลองพระอาทิตย์ที่ไม่เคยดับ
---
ต้นคริสต์มาสและความหมายของการประดับตกแต่ง
การประดับต้นคริสต์มาสเป็นธรรมเนียมที่เริ่มต้นในยุโรปยุคกลาง โดยเชื่อว่าต้นไม้เขียวชอุ่ม (เช่น ต้นสน) เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตนิรันดร์ที่ไม่สิ้นสุด การแขวนดาวบนยอดต้นคริสต์มาสสื่อถึงดาวเบธเลเฮมที่นำทางนักปราชญ์จากทิศตะวันออกไปยังที่ประสูติของพระเยซู
เครื่องประดับอื่นๆ เช่น ไฟกระพริบและลูกบอลหลากสี เป็นการเพิ่มความสวยงามและสื่อถึงแสงแห่งความหวังและสันติสุข ในบางวัฒนธรรม การประดับบ้านด้วยพวงมาลัยและมิสเซิลโทยังมีความเชื่อว่าเป็นการปัดเป่าความชั่วร้าย
---
ของขวัญและซานตาคลอส: ความสุขที่ส่งต่อกัน
ธรรมเนียมการให้ของขวัญในวันคริสต์มาสได้รับแรงบันดาลใจจากนักปราชญ์สามคนในพระคัมภีร์ที่มอบทองคำ กำยาน และมดยอบให้แก่พระเยซูเมื่อครั้งประสูติ นอกจากนี้ ยังมีตำนานของ นักบุญนิโคลัส (Saint Nicholas) ซึ่งเป็นนักบุญผู้ใจบุญที่มอบของขวัญให้แก่เด็กๆ
ซานตาคลอส (Santa Claus) ในภาพลักษณ์ปัจจุบันมีต้นกำเนิดจากนักบุญนิโคลัส แต่ได้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 19 ที่กวีชาวอเมริกันชื่อ Clement Clarke Moore เขียนบทกวี “A Visit from St. Nicholas” ซึ่งอธิบายซานตาคลอสว่าเป็นชายอ้วนใจดีในชุดแดงที่ขี่รถเลื่อนลากโดยกวางเรนเดียร์
---
การเฉลิมฉลองคริสต์มาสในวัฒนธรรมต่างๆ
วันคริสต์มาสไม่ได้ถูกเฉลิมฉลองในรูปแบบเดียวกันทั่วโลก ความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้วันนี้มีเอกลักษณ์ในแต่ละประเทศ เช่น
ในสหรัฐอเมริกา ผู้คนจะประดับบ้านด้วยไฟหลากสีและมอบของขวัญใต้ต้นคริสต์มาส
ในเยอรมนี มีการเฉลิมฉลอง “คริสต์มาสอีฟ” พร้อมการจุดเทียนและร้องเพลงศักดิ์สิทธิ์
ในฟิลิปปินส์ ผู้คนจัดงานเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการประดับโคมไฟหลากสีสัน
---
ความเชื่อที่แฝงอยู่ในวันคริสต์มาส
วันคริสต์มาสเป็นวันที่แสดงถึงความรัก ความหวัง และการให้อภัย ซึ่งสะท้อนถึงคำสอนของพระเยซู ความสำคัญของครอบครัวและการแบ่งปันความสุขยังเป็นหัวใจสำคัญของวันนี้ แม้กระทั่งในสังคมที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน คริสต์มาสยังคงเป็นโอกาสสำหรับการรวมตัวและเฉลิมฉลอง
---
วันคริสต์มาสในยุคปัจจุบัน: มากกว่าศาสนา
ในยุคปัจจุบัน คริสต์มาสกลายเป็นเทศกาลที่มีความเป็นสากลและเฉลิมฉลองในหลากหลายรูปแบบ บางคนมองว่าเป็นโอกาสสำหรับการพักผ่อนและใช้เวลากับครอบครัว ในขณะที่บางคนยังยึดมั่นในความหมายทางศาสนาของวันนี้
---
บทสรุป: ความหมายที่แท้จริงของคริสต์มาส
วันคริสต์มาสไม่ได้เป็นเพียงวันที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและประเพณีที่หลากหลาย แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อและคุณค่าที่ดีที่สุดของมนุษยชาติ ความรัก การแบ่งปัน และความหวังในวันพรุ่งนี้เป็นสิ่งที่คริสต์มาสมอบให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือไม่ก็ตาม
ในโลกที่เร่งรีบและวุ่นวาย คริสต์มาสเตือนใจเราให้หยุดและชื่นชมสิ่งเล็กๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะของเด็กๆ การกอดจากคนรัก หรือการได้แบ่งปันความสุขกับคนรอบข้าง นี่คือหัวใจที่แท้จริงของวันคริสต์มาสที่ยากจะหาเทศกาลใดมาเทียบได้.
โฆษณา