10 ธ.ค. เวลา 06:24 • ประวัติศาสตร์

GS-EP.1–ปริศนาคดีซีอุย

27 มกราคม 2501 หลีอุย แซ่อึ้ง หรือ ซีอุย ถูกจับข้อหาฆ่าคนตาย และเชื่อมโยงไปยังศพก่อนหน้านั้นรวมทั้งสิ้น 7 ศพ ศาลพิพากษาประหารชีวิต หลังจากที่เขาถูกประหารศพของเขาก็ถูกนำมาดองเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ภายในโรงพยาบาลศิริราชกว่า 60 ปี จนกระทั่งปี 2562 คดีของซีอุยได้ถูกนำปัดฝุ่นขึ้นมาพูดถึงอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ในฐานะฆาตรกร แต่ในฐานะแพะรับบาป ปริศนาเรื่องราวของซีอุยเป็นมาเป็นไปอย่างไรกันแน่ เชิญรับฟังครับ
นายหลีอุย แซ่อึ้ง หรือที่คนไทยเรียกเพี้ยนกันจนติดปากว่าซีอุย เกิดประมาณปี พ.ศ.2464 หรือ 100 ปีก่อนนี้ ที่เมืองซัวเถาประเทศจีน วัยเด็กมักถูกเด็กด้วยกันทำร้ายและเอาเปรียบ เมื่อโตเป็นวัยรุ่นก็ได้รับการเกณฑ์ทหารไปต่อสู้ในสงครามจีน-ญี่ปุ่น เมื่อสงครามกับญี่ปุ่นสิ้นสุดลงก็ถูกเกณฑ์ไปรบกับฝ่ายเหมาเจ๋อตุงต่อ และได้หนีทหารเข้ามาประเทศไทยในปี พ.ศ.2489
หลีอุยได้มาอาศัยอยู่ในเมืองไทยนานถึง 8 ปี ทำงานรับจ้างทั่วไปไม่มีที่อยู่เป็นหลักแห่งตายตัวแน่นอน แต่ก็พบว่าจะอาศัยอยู่บริเวณ ต.ทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่มีข้อมูลการเดินทางและย้ายถิ่นฐานไปยังจังหวัดกรุงเทพ นครปฐม และระยอง ในช่วงปี พ.ศ.2497-2501 ท่านผู้อ่านจำข้อมุลตรงนี้ไว้ก่อนนะครับ
นายหลีอุย แซ่อึ้ง
คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง 7 คดี มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ
คดีที่ 1 วันที่ 8 เมษายน 2497 คดีพยายามฆาตรกรรมเด็กผู้หญิงโดยการเชือดที่คอ เหตุเกิดที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่โชคดีที่เหยื่อรายแรกรอดชีวิตมาได้
คดีที่ 2 วันที่ 10 พฤษภาคม 2497 คดีฆาตรกรรมเด็กผู้หญิง เหตุเกิดที่อำเภอทับสะแก แต่ครั้งนี้เหยื่อเสียชีวิตและที่น่าประหลาดใจก็คือศพถูกชำแหละและอวัยวะภายในหายไป
คดีที่ 3 วันที่ 20 มิถุนายน 2497 คดีฆาตรกรรมเด็กผู้หญิงอีกแล้ว เกิดที่อำเภอทับสะแกอีกเช่นเคย เหยื่อมีร่องรอยการถูกข่มขืนและถูกเชือดคอเสียชีวิต
คดีที่ 4 วันที่ 27 ตุลาคม 2497 ยังคงเป็นคดีฆาตรกรรมเด็กผู้หญิง แต่คราวนี้ไปเกิดที่อำเภอปราณบุรี โดยเหยื่อเสียชีวิตจากการถูกเชือดคอ
คดีที่ 5 วันที่ 28 พฤศจิกายน 2497 คราวนี้ข้ามจังหวัดมาเกิดเหตุที่กรุงเทพซึ่งตอนนั้นเป็นจังหวัดพระนคร ศพยังคงเป็นเด็กหญิงเช่นเคย มีร่องรอยการชำแหละศพ
คดีที่ 6 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2500 เว้นห่างจากคดีที่ 5 ไปกว่า 2 ปี เกิดเหตุฆาตรกรรมเด็กผู้หญิงอีกครั้ง ศพถูกชำแหละ ผ่าอกและอวัยวะภายในหายไป แต่เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ได้ย้ายไปก่อเหตุที่อำเภอเมืองนครปฐม
คดีที่ 7 วันที่ 27 มกราคม 2501 เว้นจากคดีที่ 6 ไปเกือบปี เกิดเหตุฆาตรกรรมคราวนี้เป็นเด็กผู้ชาย และเหตุเกิดที่เมืองระยอง ศพเด็กผู้ชายที่ถูกพบ พบว่ามีการชำแหละและหัวใจ ตับ ได้หายไปจากร่าง และหลีอุยก็ถูกจับขณะกำลังเผาอำพรางศพเหยื่อรายนี้นั่นเอง
หลีอุยถูกนำตัวมาสอบสวนและให้การสารภาพผ่านล่ามภาษาจีนว่าได้ทำการฆาตกรรมเหยื่อเด็กชายรายที่ 7 แล้วตัดเอาหัวใจกับตับมาเก็บไว้ที่บ้านเพื่อกิน หลังจากฟ้ามืดก็ได้พยายามเผาทำลายศพ แต่ระหว่างนั้นพ่อของเหยื่อรายที่ 7 กับพรรคพวกที่ออกมาตามหาลูกพบเข้าจึงได้ถูกจับตัว และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปค้นบ้านก็พบหัวใจกับตับจริงๆ ตำนานซีอุย มนุษย์กินคนจึงเริ่มต้นนับแต่บัดนี้
เนื่องจากคดีฆาตรกรรมเหยื่อรายที่ 7 ไปละม้ายคล้ายกันกับคดีฆาตรกรรมทั้ง 6 คดีก่อนหน้านี้ ทำให้สื่อมวลชนพร้อมใจกันนำเสนอข่าวเกี่ยวกับซีอุยอย่างหนักและทุกวัน มีการนำภาพตอนซีอุยกำลังอ้าปากขึ้นพาดหัว พร้อมทั้งสรุปว่าซีอุยเป็นฆาตกรคดีทั้ง 7 และเป็นมนุษย์กินคนที่สังหารเหยื่อเพื่อตัดเอาอวัยวะภายในไปกิน สร้างบรรยากาศความน่ากลัวและสยดสยองให้กับประชาชนในช่วงนั้นเป็นอย่างมาก จนถึงขนาดเป็นคำพูดติดปากของผู้ใหญ่ในสมัยนั้นที่เอาไว้ใช้ขู่ลูกหลานที่ซุกซนหรือเกเรว่าระวังซีอุยจะมากินตับ
เชื่อไหมครับ สมัยเด็ก ๆ ผมเคยโดนคุณครูใช้ประโยคนี้ขู่มาแล้ว แม้ตอนนั้นจะไม่รู้ว่าซีอุยคืออะไรก็ตาม
ผมขอข้ามการให้การของซีอุยไปนะครับเพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก มีการให้การรับสารภาพสลับกับการปฏิเสธ และมีข้อมูลปลีกย่อยอีกว่าคำสารภาพที่ยอมรับนั้นยังขัดกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอีก
ในที่สุดวันที่ 16 กันยายน 2502 ซีอุยได้ถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิตโดยการยิงเป้า จากคดีความผิดเฉพาะคดีที่ 7 คดีเดียวเท่านั้น แต่ก็ถูกสื่อประชาชนเหมารวมกับอีก 6 คดีก่อนหน้านี้ทันที
และในปีเดียวกันโรงพยาบาลศิริราชได้ขอศพของซีอุยมาทำการศึกษาเพื่อหาความวิปริตของมนุษย์ โดยดองเก็บร่างและจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ อาคารอดุลเดชวิกรม พร้อมกับแปะป้ายไว้ว่า นายซีอุย แซ่อึ้ง วงเล็บมนุษย์กินคน จนทำให้พิพิธภัณฑ์นี้มีชื่อเล่นที่เรียกกันติดปากว่าพิพิธภัณฑ์ซีอุย
คดีของซีอุยแม้จะถูกศาลตัดสินประหารชีวิตไปแล้วแต่ก็ยังมีปริศนาค้างคามาจนถึงวันนี้อยู่มากมาย ว่าแท้จริงแล้วซีอุยเป็นมนุษย์กินคนที่ฆ่าเหยื่อทั้ง 7 รายจริงหรือไม่ เนื่องจากมีข้อโต้แย้งดังต่อไปนี้
1.คดีที่ 1 จำได้ไหมครับว่ามีผู้รอดชีวิต ภายหลังน้องชายของผู้รอดชีวิตรายนั้นได้ออกมายืนยันว่าพี่สาวของตนไม่ได้ถูกซีอุยทำร้าย
2.คดีที่ 2 ตำรวจจับใครไม่ได้ พี่ชายของเหยื่อและชาวบ้านสงสัยชาวบ้านอีกคนหนึ่งในระแวกนั้นที่ไม่ใช่ซีอุย เนื่องจากมีพยานยืนยัน
3.คดีที่ 3 มีการสัมภาษณ์ตำรวจที่เคยทำคดีนี้ได้ยืนยันว่าฆาตรกรในคดีนี้มี 2 ราย ถูกจับได้แล้วทั้งคู่และไม่ใช่ซีอุย
4.คดีที่ 4 ตำรวจจับตัวคนร้ายไม่ได้ ครอบครัวก็สงสัยซีอุย แต่ไม่มีพยานและหลักฐาน
5.คดีที่ 5 จากบันทึกคำให้การ ซีอุยได้มาอยู่กรุงเทพก่อนเกิดคดีที่ 5 เพียง 10 วัน แต่สามารถจดจำชื่อถนน ชื่อสะพาน ตลอดจนเส้นทางได้อย่างแม่นยำ
6.คดีที่ 5 นั้นซีอุยรับสารภาพภายหลังว่าได้ทำการฆาตกรรมและผ่าเอาเครื่องในในจุดที่เหยื่อเสียชีวิต แต่จากข้อเท็จจริงพบว่ามีการเคลื่อนย้ายศพ
7.คดีที่ 6 มีการจับผู้ต้องหาเป็นพ่อค้าขายเนื้อหมู และไม่พบการเชื่อมโยงไปถึงซีอุยเลย
8.ตอนที่ซีอุยถูกจับคดีที่ 7 หัวใจกับตับของเหยื่อยังไม่ถูกกิน และถ้าซีอุยไม่ใช่ผู้ที่ฆ่าเหยื่อรายที่ 1-6 นั่นหมายความว่าซีอุยอาจจะไม่เคยลิ้มลองรสของอวัยวะมนุษย์เลยก็ได้
9.คำให้การของซีอุยนั้นตอนแรกให้การปฏิเสธ วันต่อมาจึงรับสารภาพอีก 2 คดี และอีก 9 วันต่อมาเพิ่งจะมารับสารภาพอีก 4 คดี เป็นปริศนาว่าทำไมถึงยอมรับสารภาพทั้งที่ปฏิเสธมาตลอด
10.คำให้การของซีอุย ถูกอ้างว่า เพื่อแลกกับการจะได้ถูกส่งตัวกลับไปบ้านเกิดประเทศจีน
11.ทั้ง 6 คดีก่อนหน้านี้ถ้าซีอุยไม่สารภาพ ก็ไม่ปรากฏว่ามีอะไรจะไปบ่งชี้ตัวฆาตกรได้
12.ซีอุยพูดและฟังภาษาไทยไม่ได้ ต้องให้การผ่านล่ามภาษาจีน จะเป็นไปได้ไหมว่าการสื่อสารอาจจะทำให้ความหมายบางประการเปลี่ยนไป
13.ศาลพิพากษาประหารชีวิตเนื่องมาจากความผิดจากการฆ่าเหยื่อรายที่ 7 เพียงรายเดียว
ศพของซีอุยถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อย่างยาวนาน จนในที่สุดปี 2562 ได้เกิดแคมเปญรณรงค์ที่นำโดย change.org ให้นำร่างซีอุยออกจากพิพิธภัณฑ์และล้างฉายามนุษย์กินคน และในปีต่อมาสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้พิจารณาเห็นว่าการนำร่างซีอุยมาจัดแสดงและติดป้ายมนุษย์กินคนเป็นการละเมิดสิทธิในชื่อเสียงและเกียติยศ นำไปสู่การนำร่างซีอุยไปฌาปนกิจในที่สุด
#history #ที่นี่มีเรื่องเล่า #ซีอุย #ปริศนาคดีซีอุย
โฆษณา