10 ธ.ค. เวลา 09:00 • ความคิดเห็น

หารหัสไปรษณีย์ที่ใช่ในชีวิต

อาทิตย์ก่อนผมได้ฟังน้องพีค ณัฐวุฒิ เจ้าของอีไลฟ์ซิสเต็ม ที่ประสบความสำเร็จจนเรียกได้ว่าเกษียณได้ตั้งแต่อายุสี่สิบ แต่พีคไม่ได้มีชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในวัยเด็กที่บ้านล้มละลาย ตัวเองเคยทำผิดพลาด เกเร ยกพวกตีกัน หนีออกจากบ้าน จนต้องถูกตัดสินจำคุกและไปอยู่บ้านเมตตา
ในตอนนั้น พีคมีที่พึ่งพิงเดียวคือโบสถ์คริสต์ที่ไปอยู่บ้างมาประกันตัว ชุมชนคริสเตียนก็ช่วยเหลือกันจนพีคเริ่มมีคนรอบข้างที่เป็นตัวอย่างในทางดี ในโบสถ์นั้นมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่เรียนเก่งมากๆ เคยพาเขาเข้าไปในโรงเรียนบดินท์เดชาแล้วให้ดูว่าเขาได้ท้อปวิชาอะไรบ้าง ทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ พาพีคไปเรียนพิเศษ ออกค่าเล่าเรียนให้ด้วย แล้วแนะนำให้พีคเรียนคอมพิวเตอร์
ซึ่งพีคไม่มีความรู้อะไรเลยแต่เพื่อนบอกว่าถ้าอยากรวยต้องเรียนด้านนี้ พีคก็เชื่อเพื่อนและเริ่มเดินสายเรียนหนังสือ ชีวิตก็เปลี่ยน เข้าสู่วงการคอมพ์ ทำธุรกิจตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย จนกลายเป็นพีคที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในวันนี้
โชคดีในชีวิตของพีคก็คือการที่ได้ไปอยู่รหัสไปรษณีย์ที่เป็นที่ตั้งของชุมชนคริสเตียนนั่นเอง…
เมื่อวานผมดูยูทู้ปช่อง School of hard knocks ที่ผู้ดำเนินรายการเดินถนนไปแถวย่านคนรวยมากๆที่อเมริกา แล้วสุ่มถามคนที่ประสบความสำเร็จถึงเคล็ดลับทางธุรกิจต่างๆนานา
มีคนหนึ่งที่เขาสัมภาษณ์โดยบังเอิญเป็นมหาเศรษฐีระดับ billionaire ของสหรัฐทำธุรกิจด้านโรงแรม ในบทสนทนาหนึ่งนาทีนั้นมีคำแนะนำหนึ่งที่โดนใจมากๆก็คือ เขาบอกว่า เราต้องหนี zip code of bad people ให้ได้ ต้องไม่เข้าไปอยู่ในนั้นเพราะชีวิตจะไม่มีทางก้าวหน้าไปไหนอย่างแน่นอน
1
คำว่า zip code ในอเมริกาก็คือรหัสไปรษณีย์ของบ้านเรา มีความหมายประมาณว่าเราต้องไม่ไปอยู่ในพื้นที่หรือดงที่มีแต่คนไม่ดี หรือคนที่จะพาเราไปในทางที่เสื่อม
1
มหาเศรษฐีคนนั้นบอกต่อว่า You are who you hang around with คนรอบข้างเราเป็นอย่างไร เราก็จะเป็นแบบนั้น เขาแนะนำให้คนที่อยากประสบความสำเร็จต้องหาทางไปอยู่ท่ามกลางคนที่ฉลาดกว่าเรา เก่งกว่าเรา ที่ประสบความสำเร็จกว่าเรา แล้วเรียนรู้ เรียนรู้ และเรียนรู้จากคนรอบข้าง
2
หาชุมชนแบบนั้นให้เจอให้ได้ หา zipcode ที่ถูกต้องให้ได้ เขาแนะนำสั้นๆ ไว้แบบนั้น…
1
น้องตอน ทนงศักดิ์ แซ่เอี้ยว เจ้าของ ยืดเปล่า (Yuedpao) ที่กำลังร้อนแรงและกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในไม่ช้า ตอนเองก็ไม่ได้ต่างจากพีคที่เป็นเด็กเกเร โดนยิงอาการสาหัสปางตาย แล้วย้ายจากดงอาชีวะมาเรียนรามคำแหงเพราะอยากหลุดพ้นจากสังคมแบบนั้น ที่รามนั้นเพื่อนๆชอบค้าขาย เปิดแผงเล็กๆขายกันหน้าราม ตอนก็เริ่มไปเปิดแผงแบกะดินตามเพื่อนแล้วเริ่มชอบเริ่มสนุกกับการขายของ ค่อยๆ เริ่มชีวิตใหม่ตั้งแต่ตรงนั้น
2
ผมรู้จักน้องตอนเพราะเขามาเรียนหลักสูตรเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่ผมจัดแล้วก็เคยเจอเขาที่ร้านอาหารกับกลุ่มที่เขาสนิทจากการอีกเรียนหลักสูตรหนึ่ง ในกลุ่มเขามีตั้งแต่ผู้ใหญ่มากๆที่ประสบความสำเร็จ อาจารย์หมอศิริราช เจ้าของ dr pong ที่โด่งดัง และคนเก่งอีกหลายคน ผมเลยนั่งคุยกับเขาอย่างจริงจัง
1
ถึงพบว่าเขาเรียนไม่จบรามคำแหงด้วยซ้ำ แต่ใฝ่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการค้า การทำธุรกิจ ก็เลยไปลงเรียนหลักสูตรต่างๆ เยอะมากในระดับ 6-7 หลักสูตรต่อปี สนใจอะไรก็เรียนหมด แต่ละหลักสูตรเขาก็ได้ไอเดียได้ความรู้ใหม่ๆ มาต่อยอดเสมอ
เขาเล่าว่าการไปพบเจอและอยู่ท่ามกลางคนเก่งๆ ได้มีโอกาสซักถาม ได้เรียนรู้ ได้ปรึกษาเวลามีปัญหา และหลายครั้งได้ไอเดียไปต่อยอดนั้นเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เขาเติบโตเร็วและมาถึงวันนี้ ผมเองก็ไม่แปลกใจเลยเพราะความมุ่งมั่นและมีเลือดนักสู้ที่ได้เห็น ผสมกับคนรอบข้างที่คอยผลักดัน ทำให้เด็กเกเรที่ถูกยิงปางตายกลายเป็นนักธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งยุคคนหนึ่งในปัจจุบัน
2
คุณตัน ภาสกรนที เคยเล่าว่าสมัยหนุ่มๆตอนที่ค้าขายใหม่ๆ มีร้านเล็กๆอยู่ชลบุรี คุณตันชอบติดตามเจ้าสัวเวลาไปกินข้าวกัน โดยอาสาไปเป็นคนรับใช้ คอยปรนนิบัติพัดวีเพื่อที่จะมีโอกาสได้ไปฟังว่าคนเก่งๆ เขาคุยอะไรกัน หน้าที่ของคุณตันคือไปคอยลอกหนังเป็ดปักกิ่งเอามาซับทิชชู่ให้น้ำมันออกเพราะเจ้าสัวคนหนึ่งไม่ชอบกินหนังเป็ดมันๆ แล้วก็แอบนั่งฟังอยู่ห่างๆ
1
มีบทสนทนาหนึ่งที่ในตอนนั้นคุณตันจำได้แม่น เป็นเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจไทยแล้วเจ้าสัวคุยกันถึงคนที่รอดมาได้ว่าต้องยอมตัดอวัยวะรักษาชีวิต มีอะไรขายใช้หนี้ได้ขายไปก่อน ไม่งั้นดอกเบี้ยจะท่วมหัวจนเอาตัวไม่รอด อะไรที่เป็นของเราพอฟื้นแล้วค่อยไปซื้อคืนได้ ต่อมาพอปี 2540 คุณตันก็เจอวิกฤตต้มยำกุ้ง หนี้สินล้นพ้นตัว คุณตันนึกถึงคำพูดของเจ้าสัวบนโต๊ะอาหารวันนั้นก็เลยขายทุกอย่าง ผ่อนหนักให้เป็นเบาจนเอาตัวรอดมาได้ และในที่สุดก็กลับไปซื้อทรัพย์สินที่ขายออกถูกๆ ในวันนั้นได้จริงๆ
4
คุณตันบอกว่า ถ้าวันนั้นไม่ได้คาถาเอาตัวรอดจากโต๊ะอาหารแล้วจำเอามาใช้ ก็คงหมดตัวล้มละลายไปแล้ว คุณตันก็เลยพยายามเอาตัวเองไปอยู่กับคนเก่งๆ จะทำธุรกิจอะไรใหม่ก็จะพยายามหากลุ่มคนเก่งไม่ว่าจะอยู่ที่ประเทศไหนก็จะบินไปหา ไปถามและไปเรียนรู้ เป็นไม้ตายหลักของการทำธุรกิจของคุณตันตลอดมา
1
ผมเองก็เรียกได้ว่าโชคดีในชีวิตมากๆที่พอเริ่มงานก็ได้เข้าไปอยู่ในรหัสไปรษณีย์ที่ถูกมากๆในสมัยนั้นสำหรับเด็กจบใหม่ คือได้เข้าทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์เอกธำรงที่สมัยนั้นเงยหน้ามองก็มีแต่คนที่เก่งกว่าเราทุกคน มีพี่ๆ หนุ่มๆสาวที่ทั้งเก่ง ทั้งทำงานหนัก
1
ทั้งมีเทคนิคแพรวพราว มีความรู้ด้านการเงินชนิดที่ผมเข้าไปใหม่ๆ ฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย แต่จากการที่ได้อยู่ ได้ทำงานกับพี่ๆ เก่งๆ สองสามปี ความรู้ ทักษะต่างๆ ที่ได้รับนั้นอย่าว่าแต่มากกว่าที่เรียนมาจนเหมือนไม่ได้ใช้อะไรจากที่เรียน แต่เหมือนกับได้ฝึกวิชาเข้มข้นกว่าคนรุ่นเดียวกันเป็นสิบปี
ผมถึงเชื่อเรื่องรหัสไปรษณีย์ที่ถูกมากๆว่าเป็นเรื่องเดียวกับที่เราถกเถียงกันว่าเด็กที่เติบโตมาดีนั้นเพราะอยู่ในสายเลือดหรือสิ่งแวดล้อม รหัสไปรษณีย์ก็คือสิ่งแวดล้อมนั้นที่มีส่วนสำคัญไม่แพ้ความเก่งที่ติดตัวมา แต่คนเราส่วนใหญ่จะไม่ค่อยขวนขวายหารหัสไปรษณีย์ที่ถูก อาจจะเพราะความคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ และการที่ไปอยู่ในดงคนเก่ง หลายครั้งก็อาจจะอึดอัดเพราะตัวเองอาจจะรู้สึกด้อยกว่าคนรอบข้าง
3
แต่การที่ได้ไปอยู่ในดงคนเก่ง คนฉลาด คนที่ประสบความสำเร็จนั้นนอกจากจะพามาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ๆ และไอเดียต่างๆ แล้ว ความรู้สึกด้อย หรือความรู้สึกว่าตัวเองยังเก่งไม่พอนั้นอาจจะเป็นความรู้สึกที่สำคัญมากๆ ก็ได้ เพราะทำให้เรารู้ว่ายังต้องพยายามอีก เรานี่ช่างตัวเล็กเหลือเกิน เป็นการลดอีโก้ที่ดีมากๆ ดีกว่าอยู่กับลูกน้องที่เราด่าเช้าด่าเย็น หรืออยู่ในบริษัทเล็กๆ ของเราที่เราพูดอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน
3
ลองเอาตัวเองไปอยู่ใน zip code ที่อุดมไปด้วยคนเก่ง คนฉลาด คนที่เป็น giver กันดูนะครับ อาจจะจบเชยๆ ด้วยสุภาษิตที่เราอาจจะรู้กันอยู่ แต่พออ่านเรื่องนี้จบสุภาษิตนี้ก็อาจจะไม่เชยแล้วก็ได้
1
คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผลนั้นจริงยิ่งกว่าจริงมากๆ เลยครับ
6
โฆษณา