Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
10 ธ.ค. 2024 เวลา 10:34 • กีฬา
ทำไมทีมปืนใหญ่ถึงกลายเป็นสุดยอดนักเล่นลูกเตะมุมแห่งยุโรป อธิบายแบบเข้าใจง่าย
"สำหรับอาร์เซน่อล เมื่อได้เตะมุมก็อันตรายไม่แพ้จุดโทษ"
นี่เป็นคำกล่าวที่อาจจะดูโอเวอร์อยู่บ้าง แต่ถ้าเราอ้างอิงจากสถิติ ก็ดูไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด
ในฤดูกาล 2023-24 อาร์เซน่อลทำประตูจากจุดโทษได้ 10 ลูก แต่ทำประตูจากเตะมุมได้ 16 ลูก ทุกครั้งที่ได้เตะมุม ไม่ว่าจะฝั่งซ้าย หรือ ขวา มันจะเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมากๆ เสมอ
ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ก่อตั้งมา 32 ปี มีแค่ 3 ทีมเท่านั้น ที่ทำประตูจากเตะมุมได้ 16 ครั้ง ใน 1 ฤดูกาล ประกอบด้วย โอลด์แฮม (1992-93), เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (2016-17) และ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลที่แล้ว
ในซีซั่นที่แล้ว อาร์เซน่อลทำประตูจากเตะมุมได้เยอะมาก มาปีนี้ ก็ยังทำได้เยอะอีก ไม่รู้จะหยุดพวกเขาอย่างไร
เกมเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทั้งสองประตูที่เกิดขึ้นมาจากเตะมุม จากนั้นเกมเสมอฟูแล่ม ก็ยิงได้จากเตะมุมอีก คู่แข่ง รู้ทั้งรู้ แต่ก็ป้องกันไม่ได้
เมื่อเตะมุมกลายเป็นอาวุธหนักแบบนี้ ทำให้ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ อดีตกองหน้าปีศาจแดงบอกว่า "ก็เหมือนที่เขาเล่นมุกกันนั่นแหละ ว่าอาร์เซน่อลคือนิวสโต๊ค ใช่ไหมล่ะ?"
อาร์เซน่อลอาจจะโดนแซว แต่แฟนบอลจะไปแคร์อะไร เมื่อเป็นการทำประตูที่ถูกกฎกติกาทุกอย่าง ถ้าได้สามแต้มจากเตะมุมทุกนัด ก็จะยินดีอย่างยิ่งเลย
ในช่วงแรกๆ ตอนมิเกล อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีมใหม่ๆ อาร์เซน่อลก็ไม่ได้ประตูจากเตะมุมเยอะนัก
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2021 เมื่อทีมปืนใหญ่แต่งตั้ง นิโกลาส์ โจเวอร์ โค้ชหนุ่มวัย 39 ปี มารับหน้าที่เป็น "โค้ชเซ็ตพีซ" ดูแลลูกนิ่งโดยเฉพาะ
โจเวอร์ เกิดที่เยอรมัน แต่เติบโตที่ฝรั่งเศส จากนั้นช่วงอายุ 20 ต้นๆ ได้ย้ายไปแคนาดา เพื่อเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเชอร์บรู๊ค
การไปอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ ทำให้เขาซึบซับกับกีฬาอเมริกันฟุตบอล และให้ความสำคัญกับการเล่นแบบ "เป็นเพลย์"
อธิบายคือ ในกีฬาฟุตบอล เกมส่วนใหญ่จะไหลอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนครบ 90 นาที แต่ในอเมริกันฟุตบอล NFL เกมจะหยุด "ทุกเพลย์" ดาวน์ที่หนึ่ง ดาวน์ที่สอง ดาวน์ที่สาม ดาวน์ที่สี่ ไม่ได้ไหลลื่นอย่างในฟุตบอล
ถ้าในฟุตบอล โค้ชจะวางแผนตอนต้นเกม จัดไลน์อัพ และบอกลูกทีมให้เล่นตามแนวทางนี้ จากนั้นทุกอย่างก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของนักเตะในสนาม พอช่วงพักครึ่ง จึงจะสามารถแก้เกมได้อีกที
แต่ใน NFL ตลอด 4 ควอเตอร์ จะหยุดเกมตลอด แถมยังมีขอเวลานอกอีก ดังนั้นโค้ชจะโฟกัสเรื่องการเล่นเพลย์ต่อเพลย์มากๆ มีรายละเอียดแท็กติกเยอะ ว่าในดาวน์นี้ ผู้เล่นแต่ละคนต้องยืนตำแหน่งไหน
แต่ละเพลย์ โค้ชต้องตัดสินใจว่า จะให้ควอเตอร์แบ็กจะขว้าง จะวิ่ง จะเล่นเพลย์แอ็กชั่น จะจ่ายให้ปีกใน ปีกนอก หรือให้รันนิ่งแบ็กวิ่ง
เมื่อโจเวอร์อยู่ที่อเมริกาเหนือมาพักใหญ่ๆ ทำให้เขามองฟุตบอลเปลี่ยนไป เขาคิดว่า กีฬาฟุตบอลก็ควรให้ความสำคัญกับจังหวะเซ็ตเพลย์แบบนี้เช่นกัน
1
ในขณะที่เกมไหลลื่น ต่อเนื่อง มันก็จะมีบางช่วงที่เกมหยุดลง เช่น จังหวะเตะมุม หรือ ฟรีคิก ดังนั้นถ้าหากใส่ข้อมูลอย่างละเอียดให้นักเตะได้รู้ว่า เมื่อได้เตะมุมลูกนี้ แต่ละคนต้องวิ่งไปทางไหน ต้องทำอย่างไร ก็มีโอกาสได้ประตูเยอะขึ้นกว่าเดิม
หลังจากเรียนจบจากแคนาดา โจเวอร์กลับมาฝรั่งเศสเพื่อหางานในสายฟุตบอล แต่ปัญหาคือเขาไม่มีประสบการณ์เป็นนักเตะมาก่อน ทำให้โอกาสได้ตำแหน่งดีๆ ในสโมสรฟุตบอลเป็นเรื่องยากมาก
สุดท้ายโจเวอร์ ได้งานแรกในยุโรปกับสโมสรมงต์เปลลิเยร์ ในลีกเอิง กับตำแหน่งนักวิเคราะห์วีดีโอ และทำงานนั้นอยู่ถึง 6 ปี ก่อนที่ในปี 2016 จะได้งานตำแหน่งใหม่ กับ สโมสรใหม่ นั่นคือตำแหน่งโค้ชเซ็ตพีซ กับทีมเบรนท์ฟอร์ดในระดับแชมเปี้ยนชิพของอังกฤษ
1
เบรนท์ฟอร์ด เพิ่งแยกทางกับโค้ชเซ็ตพีซคนเก่า จิอันนี่ วิโอ ดังนั้นจึงมองหาโค้ชคนใหม่ และโจเวอร์ได้ยื่นโพรไฟล์เข้ามา ก่อนจะถูกนัดสัมภาษณ์กับ ดีน สมิธ ผู้จัดการทีมเบรนท์ฟอร์ดขณะนั้น และถูกรับเลือกในที่สุด
ดีน สมิธ เล่าให้ฟังว่า โจเวอร์ จะมีแผนในหัวมากมาย แผน A B C D ว่าเตะมุมแต่ละครั้ง จะเข้าทำแบบไหน
จากนั้น เขาก็จะไปคุยกับผู้เล่นตัวตัวต่อตัวเลยว่า เตะมุมครั้งแรกใช้แผน A คุณไปยืนตรงนี้ ครั้งต่อมาแผน B คุณวิ่งไปตรงนั้น บอกหน้าที่แบบชัดๆ ไปเลยว่าให้ทำอะไร ไม่ได้บอกอย่างหลวมๆ เช่น "ไปยืนในเขตโทษแล้วแย่งโหม่งให้ได้" อะไรทำนองนั้น
เกมที่สองของแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2016-17 เบรนท์ฟอร์ด เอาชนะ อิปสวิช ได้ 2-0 จอห์น อีแกน เซ็นเตอร์แบ็กของทีมทำได้ 2 ประตู จากลูกเตะมุมทั้งคู่
แค่เปิดฉากมา 2 เกม โจเวอร์แสดงฝีมือทันที ว่าถ้าคุณยืนตำแหน่งได้ถูกต้อง และทำตามแผนที่วางไว้ คู่แข่งจะสับสน และเพิ่มโอกาสทำประตูได้เยอะมาก
ดีน สมิธเล่าต่อว่า "จอห์น อีแกน ยิงได้ 2 ลูกใน 2 เกมแรกจากเตะมุม ทำให้พวกนักเตะมีความเชื่อมั่นในแผนของนิโกลาส์ทันที เพราะมันเห็นผลจริงๆ"
"นักเตะของเรารู้สึกสนุกกับการเล่นลูกเตะมุม ตอนที่นิโกลาส์อธิบายแผนเข้าทำ แต่ละคนแอบลุ้นว่า ตัวเองจะได้ทำหน้าที่อะไร ถ้าหากถูกเลือกให้เป็นคนโหม่งทำประตู หรือ เป็นคนโหม่งชงทำแอสซิสต์ให้เพื่อน ก็จะยิ่งตื่นเต้นเป็นพิเศษ"
1
ประสบการณ์ที่เขาเคยทำหน้าที่นักวิเคราะห์วีดีโอมา 6 ปี กับมงต์เปลลิเยร์ ช่วยเขาได้เยอะมาก เพราะเวลาอธิบายอะไรให้นักเตะฟัง ก็จะเอาภาพวีดีโอมาโชว์ให้เห็นเลย ไม่ใช่บอกแค่ปากเปล่าเท่านั้น
โชต้า อดีตนักเตะของเบรนท์ฟอร์ดที่ตอนนี้แขวนสตั๊ดไปแล้ว อธิบายว่า "นิโกลาส์ จะเอาวีดีโอมาให้เราดูว่าจุดอ่อนอยู่ตรงนี้ มันช่วยให้เราเข้าใจได้ง่ายมาก จากนั้นเมื่อดูวีดีโอได้ 10 นาที เขาจะบอกว่า ในเพลย์แบบนี้ แต่ละคนต้องทำอะไร แล้วเขาจะให้นักเตะลงสนามไปซ้อมทันทีตามที่ดูวีดีโอกันมาเมื่อสักครู่"
"ในแต่ละสัปดาห์ เขาจะให้เราซ้อมวิธีการเข้าทำ ประมาณ 3-4 แผน คือซ้อมให้สมบูรณ์เลย แล้วในวันแข่งจริง ก็เชื่อว่า น่าจะมีสักแผนที่สามารถใช้ได้ผลในสนาม โดยคนที่สั่งการ ว่าเตะมุมแต่ละครั้งจะใช้แผนอะไร ไม่ใช่คนเตะมุม แต่เป็นใครสักคนที่ยืนอยู่บริเวณกรอบเขตโทษ จะให้สัญญาณกับเพื่อนร่วมทีม"
1
"ตอนได้เตะมุม ทุกคนจะมองที่คนให้สัญญาณคนนี้ แล้วดูว่า เขายกมือซ้าย หรือยกมือขวา หรือว่าก้มลงเอามือดึงถุงเท้า พอรู้ว่าทำท่าไหน ก็เล่นเซ็ตพีซไปตามที่กำหนดกันไว้"
แปลว่า ในหัวของนักเตะจะต้องจดจำแผนให้ได้ ว่ายกมือซ้าย แผน A วิ่งแบบนี้, ยกมือขวาแผน B วิ่งแบบนั้น
พอได้สัญญาณปั๊บ ก็เคลื่อนที่ทันที แล้วคนเตะมุมก็จะจ่ายไปให้ในจุดที่นัดแนะกันไว้ ก่อนจะทำประตูให้ได้สำเร็จ
สามฤดูกาลกับเบรนท์ฟอร์ด 2016-17, 2017-18 และ 2018-19 เบรนท์ฟอร์ดทำประตูจากลูกเซ็ตพีซได้ทั้งหมด 46 ลูก เป็นราชาลูกนิ่งในแชมเปี้ยนชิพตัวจริง
ทำให้ทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจทาบทามเขามาอยู่ด้วยในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 โดยให้ทำหน้าที่เดิม นั่นคือ โค้ชเซ็ตพีซ
ในข้อเท็จจริงคือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่อยากได้โค้ชเซ็ตพีซ เพราะเขาไม่ให้ความสำคัญกับการเปิดลูกนิ่งแล้วไปแย่งโหม่ง เพราะมันไม่ใช่สไตล์ของเขา เป๊ปชอบการต่อบอลสั้นๆ อย่างไหลลื่นมากกว่า
แต่ผู้บริหารแมนฯ ซิตี้มองว่า เกมที่ใช้พลังต่อสู้กันในอังกฤษ ก็ควรมีผู้ชำนาญเรื่องเซ็ตพีซสักหนึ่งคนมาช่วยออกแบบการซ้อมให้ทีมด้วย
สุดท้ายโจเวอร์ก็ย้ายมา โดยคนที่ทำหน้าที่ดูแลโจเวอร์อย่างใกล้ชิด ได้แก่ มิเกล อาร์เตต้า ผู้ช่วยผู้จัดการทีม นั่นคือเหตุผลที่ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่อาร์เตต้าชวนให้โจเวอร์ไปเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศของเขาที่เกาะบาเลียริค บนคาบสมุทรไอบีเรียมาแล้ว
1
แต่ก็น่าเสียดายที่ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันแค่ครึ่งฤดูกาลเท่านั้น เนื่องจากอาร์เตต้าย้ายไปคุมทีมอาร์เซน่อล ในเดือนธันวาคม 2019
ฤดูกาล 2019-20 ปีแรกของโจเวอร์ แมนฯ ซิตี้พลาดแชมป์ แต่พอในฤดูกาลที่สอง 2020-21 คราวนี้ทีมเรือใบคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แต่ไปไม่ถึงแชมป์ยุโรปเพราะไปแพ้เชลซีในรอบชิงชนะเลิศ
เมื่ออยู่ครบ 2 ซีซั่น โจเวอร์หมดสัญญากับแมนฯ ซิตี้ และในพริบตาเดียว มิเกล อาร์เตต้า ก็รีบติดต่อไปหา ขอดึงตัวมาอยู่ด้วยกันที่อาร์เซน่อล เพื่อมาช่วยยกระดับลูกนิ่งของทีมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้อีก
จากเบรนท์ฟอร์ด มาสู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และมาสู่อาร์เซน่อล
ตอนอยู่เบรนท์ฟอร์ด เขามีนักเตะคุณภาพไม่สูงมาก พอมาอยู่แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่ค่อยได้รับการซัพพอร์ทจากกวาร์ดิโอล่ามากนัก แต่พอมาอยู่อาร์เซน่อล คราวนี้โจเวอร์เป็นเสือติดปีก เพราะนักเตะก็เก่ง เล่นได้ตามแผนทุกอย่าง แถมอาร์เตต้า ยังสนับสนุนการทำงานเรื่องลูกนิ่งอย่างเต็มที่อีกต่างหาก โดยให้เวลากับการซ้อมเซ็ตพีซเป็นพิเศษ แยกเป็นเซสชั่นไปเลย
อาร์เตต้าบอกว่า "โจเวอร์คือผู้ชำนาญลูกนิ่ง เขาจะมีประโยชน์ และมีคุณค่ามากๆ กับทีมของเรา เพราะในยุคนี้ ลูกเซ็ตพีซแค่ครั้งเดียว มันอาจเป็นจังหวะตัดสินเกมได้เลย"
การย้ายมาของโจเวอร์ ทำให้ประตูจากลูกนิ่งของอาร์เซน่อล ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบเห็นได้ชัดมาก
ในยุคอาร์เตต้า ก่อนที่โจเวอร์จะมา (2019-2021) อาร์เซน่อลทำประตูได้ 1 ลูกจากทุกๆ การเตะมุม 32 ครั้ง
แต่พอโจเวอร์ย้ายมาแล้ว (2021-2024) อาร์เซน่อลทำประตูได้ 1 ลูก จากทุกๆ การเตะมุม 16.4 ครั้ง
ความอันตรายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ประตูจากเตะมุม ได้เยอะขึ้นแบบรับรู้ได้ จนอาร์เซน่อลกลายเป็นราชาลูกเตะมุมที่ใครๆ ก็ต้องยอมรับ
นอกจากนั้นคนที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากเรื่องนี้ ก็คือบูกาโย่ ซาก้า กับ ดีแคลน ไรซ์ ที่มักจะรับหน้าที่เป็นคนครอสบอลเข้าไป พวกเขาได้โบนัสเป็นการแอสซิสต์อยู่ในหลายๆ เกม
ลีอันโดร ทรอสซาร์ ดาวเตะของอาร์เซน่อลกล่าวชื่นชมโจเวอร์ว่า "มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับเขา เขาคืออัจฉริยะเรื่องลูกนิ่ง ในเกมที่ตึงเครียดมากๆ เราสามารถชิงขึ้นนำได้ก่อนในจังหวะเซ็ตพีซแบบนี้"
ความน่ากลัวของโจเวอร์ คือมีเทคนิคใหม่ๆ และแปลกๆ มาใช้บ่อยมาก ตัวอย่างเช่น
1) Blocking Scheme ใช้กองหลังตัวใหญ่ของทีมตัวเอง ไปบล็อกกองหลังตัวใหญ่ของคู่แข่งเพื่อไม่ให้เล่นลูกได้
1
เกมที่อาร์เซน่อล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 ในฤดูกาล 2023-24 กาเบรียล มากัลเยส ไม่คิดจะโหม่งประตู แต่เอาตัวไปดันจอนนี่ อีแวนส์ ไม่ให้กระโดดแย่งโหม่งได้ บูกาโย่ ซาก้า จ่ายบอลลึกมาถึงเสาสอง ข้ามหัวอีแวนส์มาเลย ไปถึงดีแคลน ไรซ์ ยิงเข้าเสาแรกเป็นประตู
2) เล่นเตะมุมสั้น
เกมที่อาร์เซน่อล ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 ในฤดูกาล 2023-24 ที่กูดิสันพาร์ก โอเดการ์ด กับ ซาก้า เล่นสั้นกันที่มุมธง จนกองหลังเอฟเวอร์ตันมึนงง ไม่รู้จะมาไม้ไหน สุดท้ายซาก้าจ่ายแอสซิสต์ให้ทรอสซาร์ ยิงเข้าไปเลย
3) ขัดขวางผู้รักษาประตู
เกมที่อาร์เซน่อล ชนะ ไบรท์ตัน 2-0 ที่เอมิเรตส์ ในฤดูกาล 2023-24 จังหวะที่ได้เตะมุม วิลเลียม ซาลิบา วิ่งมาบังทางผู้รักษาประตูบาร์ท แฟร์บรูกเก้น คือยืนเฉยๆ ไม่ได้กระแทก ไม่ได้เอามือค้ำ แค่ขวางไม่ให้ไปถึงบอลได้เฉยๆ สุดท้ายนายทวารก็โดนไม่ถึง บอลลอยไปถึงกาเบรียล เชซุส โหม่งเข้าง่ายๆ แล้วกรรมการก็เป่าฟาวล์ไม่ได้อีก ก็ซาลิบาแค่ "ยืนเฉยๆ" นี่นา
1
4) รุมโจมตีเสาแรก
ในเกมที่ชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 ในฤดูกาลนี้ จังหวะขึ้นนำ 1-0 ดีแคลน ไรซ์ เปิดบอลไปที่เสาแรก ปรากฏว่า นักเตะอาร์เซน่อล 5 คน ที่ตอนแรกยืนอยู่ที่เสาสองทั้งหมด วิ่งกรูมาที่เสาแรกพร้อมกัน (ซาลิบา, ทิมเบอร์, คิวิออร์, ปาร์เตย์, มาร์ติเนลลี่) พอเจอรุมโถมมาขนาดนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่รู้จะป้องกันแบบไหน ก่อนโดนทิมเบอร์โหม่งเสาแรกเข้าไป
5) รุมโจมตีกลางประตู
ในเกมที่เสมอฟูแล่ม 1-1 ในนัดล่าสุด นักเตะอาร์เซน่อล 5 คน เริ่มต้นที่เสาสอง แต่ก่อนที่ตัวเปิดจะครอสเข้ามา ทุกคนวิ่งกรูเข้ามา แต่ไม่ได้ไปที่เสาแรก เหมือนอย่างเกมเจอแมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขามาอยู่ตรงกลางแทน บอลครอสลึกมาให้ ไค ฮาแวตซ์ โหม่งชงเข้ากลาง ก่อนจะเป็นซาลิบายิงจ่อๆ เข้าประตู
เราจะเห็นได้เลยว่า วิธีการเข้าทำของอาร์เซน่อลในลูกเตะมุม หลากหลายแบบสุดๆ เล่นสั้น เล่นยาว เสาแรก เสาสอง เหมือนนักเตะมีแท็กติกอยู่ในหัวหลายรูปแบบ แต่จะเลือกว่าจังหวะไหนควรเล่นด้วยเพลย์แบบใด
ยิ่งไปกว่านั้น พอคุณยิงได้บ่อยๆ ขนาดนี้ มันเป็นการ "เพิ่มความกลัว" ให้คู่แข่งไปโดยปริยาย
เหมือนตอนรอรี่ ดีแลป ราชานักทุ่มของสโต๊ค ซิตี้ ที่เวลาทุ่มแต่ละครั้ง คู่แข่งในลีกจะเต็มไปด้วยความหวาดผวาเสมอ
เจมี่ เรดแนปป์ นักวิเคราะห์ของสกายสปอร์ต อธิบายว่า การเตะมุมโดยเบสิค ก็จะเปิดบอลให้คนตัวใหญ่โหม่งเข้าประตู แต่ในเคสของอาร์เซน่อลนั้นต่างกัน บางทีกาเบรียล มากัลเญส ที่ตัวสูง 190 ซม. ก็ไม่ได้เป็นคนโหม่งเสมอไป อย่างตอนเจอแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปีก่อน เขาก็ยังทำหน้าที่บล็อกจอนนี่ อีแวนส์
กรณีแบบนี้ ทำให้กองหลังคู่แข่งสับสน ว่าเราควรจะประกบอย่างไรดี คราวนี้ กาเบรียล กับ ซาลิบา จะทำหน้าที่โหม่งเอง หรือ บล็อก แล้วเมื่อคู่แข่งเกิดความสับสน ยิ่งทำให้อาร์เซน่อลเล่นง่ายขึ้นไปอีก
นิยามการเตะมุมของอาร์เซน่อล สำนักสถิติ Opta อธิบายง่ายๆ เพียง 3 คำ นั่นคือ Blocking, Decoy และ Brute Force
ใช้การบล็อก, ใช้ตัววิ่งหลอก และ ใช้กำลังโถมเข้าไป ซึ่งเจ้า 3 อย่างนี้ มันสามารถเอาไปมิกซ์เป็นวิธีโจมตี ได้เป็นสิบ เป็นร้อยแบบ
ณ เวลานี้ อาร์เซน่อล ทำประตูจากลูกเตะมุมไปแล้ว 7 ครั้งในพรีเมียร์ลีก จากการลงเล่นแค่ 15 เกมเท่านั้น
ทีมที่โดนยิงประกอบด้วย สเปอร์ส, แมนฯ ซิตี้, เลสเตอร์, เวสต์แฮม, แมนฯ ยูไนเต็ด (2 ลูก) และ ฟูแล่ม คือจะเกมเหย้า เกมเยือน อาร์เซน่อลซัดประตูจากเตะมุมได้เสมอ
แล้วถ้ายิงได้เรื่อยๆ ด้วยเรตนี้ จบฤดูกาลก็น่าจะทำลายสถิติยิงประตูจากเตะมุมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียว (16 ครั้ง) ไปได้แบบไม่ยากนัก
ด้วยความสามารถของโค้ชเซ็ตพีซ นิโกลาส์ โจเวอร์ และ นักเตะในทีมที่ตั้งใจฝึกซ้อม ผลงานเตะมุมจึงออกมาได้สมบูรณ์
สถิติใน 2 ฤดูกาลหลังสุด พิสูจน์แล้วว่า อาร์เซน่อลเป็นทีมที่เล่นลูกเตะมุมได้น่ากลัวที่สุดในยุโรป ไม่มีทีมไหนจะสร้างความอันตรายได้มากขนาดนี้อีกแล้ว
เมื่อมีผลงานยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำให้มีนักข่าวถามมิเกล อาร์เตต้าว่า "อาร์เซน่อลถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งเตะมุม รู้สึกอย่างไรบ้าง?"
อาร์เตต้าตอบว่า "ผมอยากเป็นราชาในทุกๆ อย่าง"
"เซ็ตพีซ-อันดับหนึ่งของโลก, ไฮเพรส-อันดับหนึ่งของโลก, การทะลวงโจมตี-อันดับหนึ่งของโลก, บรรยากาศของกองเชียร์และสนามแข่งขัน-อันดับหนึ่งของโลก เราอยากเป็นราชาทุกเรื่องเลย"
อย่างน้อยที่สุด ณ เวลานี้ อาร์เซน่อลก็ไปถึงอันดับหนึ่งเรื่องเตะมุมได้จริงๆ และถ้าหากพวกเขาพัฒนาตัวเองต่อไป จนเป็น "ราชาในทุกๆ อย่าง" แบบที่อาร์เตต้าพูดเอาไว้ล่ะก็ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ไปถึงเมเจอร์โทรฟี่ อย่างพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็คงทำได้ในสักวัน
#CORNERSKING
3 บันทึก
33
11
3
33
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย