10 ธ.ค. เวลา 16:00 • ความคิดเห็น
เราคงไม่ไปพูดถึงเรื่องศีลนะ แต่เรื่องของวาจานั้น มันมีเรื่องของอารมณ์ ที่มีความไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ไม่ได้ดังใจ เราก็เผลอไปติเตียน วิพากษ์วิจารณ์ .ที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องอารมณ์กรรมที่เกิดขึ้นที่เรา ..เราก็ไปยึด ..ไปเอาอารมณ์ของคนนั้นคนนี้มา ..มาทับถมจิตของตัวเอง กายก็หนัก จิตก็หนักเพิ่มพูนไปด้วยกรรม
1
สมมุติว่า วันหนึ่งเราเจอคนสักสิบคน ในจำนวนสิบคน เราไปคล้องเวรกรรม มีกายวาจาอย่างไร ที่เราใช้อารมณ์ ..อะไรไปบ้าง สิ่งเหล่านี้ ..มันเก็บบันทึก..ลงไปที่ธาตุทั้งสี่ หากเราเกิดไปติเตียนวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งสิบคน .สมองเราจะปลอดโปร่งมั้ย จะมึนงง งิงเวียนมั้ย หากว่า ..มันต้องเจอแบบ เราเป็นแบบนี้ทุกวัน มันจะสะสมความหงุดหงิด แบกของหนักมั้ย บ้างก็เป็นไมเกรน .ปวดหัวเวียนหัว
หากว่าเราเป็นคนสวดมนต์ เป็นประจำ ..ลองสังเกตตัวเอง ดู..เมื่อไปนั่งหน้าพระ ..เราจะนั่งนิ่งๆ ไม่ค่อยได้ จะลุกลี้ลุกลน ..พอกราบพระเสร็จ ..พอเริ่มสวดมนต์ ..อารมณ์ที่เราไปติเตียน วิพากษ์วิจารณ์ ..ก็จะมาห้อมล้อมจิต ..ทำให้จิต..ไม่อยู่กับการสวดมนต์ บางทีปากสวดมนตไป แต่จิตไปอยู่กับอารมณ์กรรม ที่ไปคล้องเรื่องราวของคนนั้นคนนี้มา
ที่พูดถึงนี้ ..เป็นเรื่องราวของการระมัดระวัง วิญญาณทั้งหกที่เราใช้ ไปเห็นรูป ไปได้ยินเสียง ..มันมีอารมณ์ที่ไม่ชอบไม่พอใจเกิดขึ้น ..อารมณ์ไม่พอใจไม่ขอบ ก็ทำติดนึกไปตามอารมณ์ ..แล้วยัวไปจูงอารมณ์ต่างๆ เข้ามาอีกมากมายก่ายกอง หากเราไม่ระมัดระวังวาจาที่จะไปคล้องกรรมคนนั้นคนนี้ ไปเอาเรื่องราวของเค้ามา ..นึกคิด มาติเตียนวิพากษ์วิจารณ์ ก็เหมือนเราเอาสีดำๆ ทาลงไปที่ตัวเรา ที่ธาตุทั้งสี่ บันทึกการกระทำ กายใช้กายวาจาใจ ..บันทึกว่า เป็นผู้ที่สร้างกรรม ..มันมีแต่ขาดทุนลูกเดียว
พระที่เรานับถือ ท่านมาบอกว่า ชีวิตเรามีสามตุ่ม ตุ่มหนึ่งคือ กรรม..เราตักกรรมใส่ลงไปในตุม ตุ่มที่สองตักบุญกุศล ..ตักใส่..ได้เท่าไหร่ ตุ่มที่สาม ..การสร้างบารมี ..หนีกรรม มีการประพฤติปฏิบัติธรรมขึ้นมา ปฏิบัติธรรมแบบที่ว่า ยิน เดิน นั่ง นอน ไม่มีอารมณ์ มีแต่คำว่าพุทโธ ว่างเว้นจากอารมณ์กรรมทั้งหลาย สามตุ่มนี้ เราตักอะไรใส่ลงไป ตุ่มของกรรม..บางทีตุ่มเดียวก็ไม่พอ .คงต้องไปเอามาเพิ่มเติมตักกรรมใส่ลง ..แล้วเมื่อไหร่ จิตเราจะเบาบางเรื่ิองเกิดแก่เจ็บตาย
โฆษณา