11 ธ.ค. เวลา 04:09 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

ถอดรหัสการเรียนรู้ของสมอง : 6 วิธีเรียนรู้แนวใหม่ ที่ได้ผลจริงจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก

ในฐานะนักประสาทวิทยาและอาจารย์แพทย์ เรื่องที่ทำให้ Dr. Lila Landowski รู้สึกเสียดายมากที่สุดคือการที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้รับการสอนวิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้องตั้งแต่เด็ก เธอได้เห็นนักศึกษาแพทย์หลายคนประสบปัญหาในการเรียนรู้
โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของพวกเขา เพราะไม่มีใครเคยสอนวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพให้พวกเขามาก่อน หลายคนอาจคิดว่าการเรียนรู้จะยากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
Dr. Lila Landowski เป็นนักประสาทวิทยาและวิทยากรที่ได้รับรางวัลมากมาย เธอเชี่ยวชาญด้านการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของสมองแก่ผู้คน เพื่อช่วยให้พวกเขาตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้อำนวยการของ Australian Society for Medical Research ผู้อำนวยการ Epilepsy Tasmania และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ที่รับเชิญประจำให้กับช่อง ABC
Landowski ได้เปิดเผยความลับที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการทำความเข้าใจกลไกการทำงานของสมองใน 6 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ความตั้งใจ (attention) ความตื่นตัว (alertness) การนอนหลับ (sleep) การทำซ้ำ (repetition) การพัก (breaks) และความผิดพลาด (mistakes)
เข้าใจพื้นฐานการเรียนรู้ของสมอง
1
ก่อนที่จะเจาะลึกในแต่ละองค์ประกอบ เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสมองเรียนรู้ได้อย่างไร กระบวนการสำคัญที่ทำให้เกิดการเรียนรู้เรียกว่า neuroplasticity หรือความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางกายภาพของสมองตามประสบการณ์ที่ได้รับ
เมื่อเราเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลหรือทักษะ จะเกิดการเชื่อมต่อขนาดเล็กที่เรียกว่า synapses ระหว่างเซลล์ประสาท (neurons) ที่อยู่ใกล้เคียงกันในสมอง ยิ่งเราฝึกฝนหรือทบทวนมากเท่าไร การเชื่อมต่อเหล่านี้ก็จะยิ่งแข็งแรงขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้เราทำสิ่งนั้นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ความตั้งใจ: จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
ความตั้งใจเป็นองค์ประกอบแรกและสำคัญที่สุดในการเรียนรู้ เพราะสมองของเราถูกออกแบบมาให้โฟกัสกับสิ่งเดียวในแต่ละครั้ง การศึกษาพบว่าเมื่อเราให้ความสนใจกับสิ่งที่กำลังเรียนรู้อย่างเต็มที่ เราจะสามารถจดจำข้อมูลนั้นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในระยะยาว
ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าและการรบกวนสมาธิ การรักษาความตั้งใจให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น การศึกษาพบว่าการใช้โซเชียลมีเดียและการเลื่อนดูข้อมูลในโทรศัพท์มือถือนานเกินหนึ่งชั่วโมงส่งผลให้เกิดการขาดสมาธิอย่างมีนัยสำคัญ
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาสมาธิคือการออกกำลังกาย การศึกษาพบว่าการออกกำลังกายไม่เพียงช่วยเพิ่มขนาดของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และความจำ แต่ยังกระตุ้นการสร้างเซลล์สมองใหม่ด้วย การออกกำลังกายเพียง 20 นาทีในระดับปานกลางสามารถช่วยพัฒนาสมาธิได้นานถึงสองชั่วโมง
ความตื่นตัว: กุญแจสู่การรับข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
ความตื่นตัวเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเรียนรู้ เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะตื่นตัว ระบบประสาทซิมพาเทติกจะหลั่งสาร adrenaline และ noradrenaline ซึ่งช่วยเพิ่มความพร้อมในการรับข้อมูลใหม่ๆ
1
วิธีการเพิ่มความตื่นตัวมีหลากหลาย เช่น การออกกำลังกาย การฝึกเทคนิคการหายใจแบบ Wim Hof หรือแม้แต่การอาบน้ำเย็น นอกจากนี้ ความเครียดในระดับที่เหมาะสมก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้เกิดความเครียดเรื้อรัง เพราะจะส่งผลเสียต่อความจำและการเรียนรู้ในระยะยาว
1
การดื่มคาเฟอีนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความตื่นตัว มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่แสดงให้เห็นว่าการดื่มคาเฟอีนก่อนการเรียนรู้หรือการเป็นผู้ดื่มคาเฟอีนเป็นประจำสามารถพัฒนาการเรียนรู้และความจำผ่านกลไกต่างๆ ในสมอง
การนอนหลับ: กระบวนการสำคัญในการจดจำระยะยาว
การนอนหลับไม่เพียงช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนความจำระยะสั้นให้กลายเป็นความจำระยะยาว
สมองส่วน hippocampus ทำหน้าที่เก็บบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวัน และเมื่อเรานอนหลับ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังสมองส่วน cortex เพื่อจัดเก็บเป็นความจำระยะยาว
นี่คือเหตุผลที่การอดนอนเพื่ออ่านหนังสือทั้งคืนเป็นวิธีการเรียนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะแม้ว่าคุณจะจำข้อมูลได้ในระยะสั้น แต่หากไม่ได้นอนหลับ สมองจะไม่สามารถเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็นความจำระยะยาวได้
การทำซ้ำ: เส้นทางสู่ความเชี่ยวชาญ
การทำซ้ำเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชี่ยวชาญ เปรียบเสมือนการสร้างกล้ามเนื้อที่ต้องอาศัยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การทำกิจกรรมหรือทบทวนข้อมูลซ้ำๆ จะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทให้แข็งแรงขึ้น
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพควรกระจายการฝึกฝนออกไปหลายวัน การศึกษาพบว่าการแบ่งเวลาเรียนเป็นสองช่วงสั้นๆ ในวันที่ต่างกันให้ผลดีกว่าการใช้เวลาเท่ากันในวันเดียว เพราะให้โอกาสสมองได้พักและเชื่อมโยงข้อมูลใหม่กับความรู้เดิม
การพัก: ช่วงเวลาแห่งการเชื่อมโยง
การพักมีความสำคัญต่อการเรียนรู้สองประการ ประการแรกคือให้โอกาสสมองได้ทบทวนข้อมูลโดยไม่รู้ตัว การพัก 10-20 วินาทีหลังการเรียนรู้ช่วยให้สมองบันทึกข้อมูลซ้ำ และการพักเงียบๆ โดยไม่ใช้โทรศัพท์หรืองีบหลับเป็นเวลา 10-20 นาทีจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจดจำ
ประการที่สองคือป้องกันการรบกวนข้อมูลที่เพิ่งเรียนรู้ เพราะความจำที่เพิ่งเกิดขึ้นยังไม่มั่นคง โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ที่อาจต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นกว่าความจำจะมั่นคง ต่างจากในเด็กที่ความจำจะมั่นคงได้ภายในไม่กี่นาที
หากพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ทันทีหลังจากเพิ่งเรียนจบ อาจเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า retrograde interference ทำให้ข้อมูลที่เพิ่งเรียนรู้ถูกรบกวนหรือสูญหายได้
ความผิดพลาด: บทเรียนล้ำค่าสู่การพัฒนา
แม้หลายคนจะกลัวความผิดพลาด แต่ในแง่ของการเรียนรู้ ความผิดพลาดกลับมีประโยชน์อย่างมาก เมื่อเราทำผิด สมองจะหลั่งสารสื่อประสาท acetylcholine และกระตุ้นเครือข่ายการโฟกัสความสนใจ
1
ความรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยที่เกิดขึ้นมีจุดประสงค์เพื่อเตือนให้เราปรับปรุงและพัฒนาตนเอง เปรียบเสมือนเป็นการเปิด “หน้าต่าง” สำหรับ neuroplasticity ทำให้สมองพร้อมเรียนรู้จากประสบการณ์นั้น
การหลีกเลี่ยงหรือกลัวความผิดพลาดจนเกินไปจะส่งผลเสียสองประการ ประการแรกคือพลาดโอกาสในการเรียนรู้ และประการที่สองคือทำให้เรายิ่งรับมือกับความล้มเหลวได้ยากขึ้น
1
ในทางกลับกันการยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาดจะช่วยพัฒนาทั้งทักษะและความสามารถในการรับมือกับความท้าทาย
เมื่อเราทำผิด สมองจะปล่อยสารสื่อประสาทที่ช่วยพัฒนาความสนใจ และเมื่อเราทำถูก สมองจะปล่อย dopamine ในวงจรรางวัล ทำให้เรารู้สึกดีและมีแรงจูงใจมากขึ้น พร้อมทั้งเสริมสร้างการเรียนรู้ในสิ่งที่ทำถูกต้อง
นี่คือเหตุผลที่การทำให้การเรียนรู้เป็นเหมือนเกมนั้นสามารถได้ผลที่ดี เพราะไม่ว่าจะถูกหรือผิด สมองของเราก็ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง
บทสรุป: กุญแจสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อเข้าใจกลไกการทำงานของสมองและองค์ประกอบทั้ง 6 ประการแล้ว เราสามารถนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเริ่มจากการจัดสภาพแวดล้อมให้ปราศจากสิ่งรบกวนสมาธิ เพิ่มความตื่นตัวด้วยการออกกำลังกายเล็กน้อย ฝึกฝนทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับการนอนหลับที่เพียงพอ ยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาด และอย่าลืมพักให้เพียงพอหลังการเรียนรู้
การนำหลักการเหล่านี้ไปใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใดก็ตาม เพราะสมองของเรามีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ตลอดชีวิต หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธีนั่นเองครับผม
References :
Brain Hack: 6 secrets to learning faster, backed by neuroscience | Lila Landowski | TEDxHobart
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา