11 ธ.ค. เวลา 01:24 • ครอบครัว & เด็ก

เรือนก็หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมัน

ยอห์น 12:1-8 KJV
[1] แล​้​วก​่อนปัสกาหกวันพระเยซูเสด็จมาถึงหมู่บ้านเบธานี ซึ่งเป็​นที​่​อยู่​ของลาซารัส ผู้​ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงให้ฟื้นขึ้นจากตาย [2] ที่​นั่นเขาจัดงานเลี้ยงอาหารเย็นแก่​พระองค์ มารธาก็​ปรนนิบัติ​อยู่ และลาซารัสก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขาที่เอนกายลงรับประทานกับพระองค์
[3] มาร​ีย์จึงเอาน้ำมันหอมนาระดาบริ​สุทธิ​์​หน​ักประมาณครึ่​งก​ิโลกรัม ซึ่​งม​ีราคาแพงมากมาชโลมพระบาทของพระเยซู และเอาผมของเธอเช็ดพระบาทของพระองค์ เรือนก็หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมันนั้น
[4] แต่สาวกคนหนึ่งของพระองค์ ชื่อยูดาสอิสคาริโอท บุตรชายของซีโมน คือคนที่จะทรยศพระองค์ พูดว่า [5] “เหตุไฉนจึงไม่ขายน้ำมันนั้นเป็นเงินสักสามร้อยเดนาริอัน แล้วแจกให้แก่คนจน” [6] เขาพูดอย่างนั้นมิใช่เพราะเขาเอาใจใส่คนจน แต่เพราะเขาเป็นขโมย และได้ถือย่าม และได้ยักยอกเงินที่ใส่ไว้ในย่ามนั้น
[7] พระเยซูจึงตรัสว่า “ช่างเขาเถิด เขาทำอย่างนี้เพื่อแสดงถึงวันฝังศพของเรา [8] เพราะว่ามีคนจนอยู่กับท่านเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านเสมอไป”
ได้ฟังพระคำเรื่องนี้มาจากอาจารย์ ผมได้ฟังแล้วก็ได้คิดแบบนี้ครับ คือกับวันเวลาที่เหลือของชีวิตคนเรามีสองทางคือปรนนิบัติตัวเองต่อไปเหมือนเดิมหรือไม่ก็ปรนนิบัติกับข่าวประเสริฐ
ผมเองที่ผ่านมาก็มีช่วงเวลาที่เป็นเหมือนกับมารีและมารธาตอนที่พระเยซูไม่เป็นอย่างที่ต้องการครับ คือมาเยี่ยมน้องชายช้า เสียชีวิตแล้วก็ไม่รู้จะมาทำไม ใจก็มีแต่คำบ่นไม่พอใจกับพระเยซู จนได้เห็นพระเยซูทำให้น้องฟื้นคืนกลับมาได้ ตอนนั้นใจจึงเริ่มเปลี่ยนมาวางใจกับพระเยซูได้จริงๆ ถึงขั้นยอมเอาน้ำมันหอมที่แพงมากๆ มาล้างเท้าพระเยซู และเอาผมตัวเองเช็ดเท้าพระองค์ด้วย
ผมเห็นเหมือนชีวิตของผมกับอาจารย์ครับ ก็นับได้สิบเจ็ดปีแล้วนะที่ผมได้พบกับอาจารย์ แต่ผมเห็นจิตใจของผมที่ไม่เชื่อวางใจกับอาจารย์ครับ ไม่เชื่อว่าอาจารย์มีความปรารถนาดีและมีใจของพระเยซูสามารถที่จะช่วยผมให้เติบโตในความเชื่อได้จริงๆ
หลายสิ่งที่อาจารย์ให้ผมไปทำ หลายอย่างผมก็ปฏิเสธเลยถ้าไม่เห็นด้วย และหลายอย่างทำแต่ก็มีคำบ่นและน้อยใจไปด้วยและกังวลมากกับการกลัวถูกไล่ออกจากโบสถ์ เพราะมองกับสภาพตัวเองแล้วมันน่าจะต้องจบลงแบบนั้น เพราะทำเรื่องผิดพลาดบ่อย ไม่เชื่อว่าอาจารย์จะสามารถทนรับได้ครับ ผมก็ติดอยู่กับความคิดประมาณนี้หลายปีจนมีโอกาสได้ฟัวคำพยานของอาจารย์ และกับพระคำที่เข้ามาในใจของผมคือ
ฮี​บรู 10:21-22 KJV
[21] และครั้นเรามีมหาปุโรหิตสำหรับครอบครัวของพระเจ้าแล้ว [22] ก็​ให้​เราเข้ามาใกล้​ด้วยใจจริง ด้วยความเชื่​ออ​ันเต็มเปี่​ยม มี​ใจที่​ถู​กประพรมชำระพ้นจากการวินิจฉัยผิดและชอบที่​ชั่วร้าย และมีกายล้างชำระด้วยน้ำอันใสบริ​สุทธิ​์
ก็เป็นข้อพระคำที่อ.พารคใช้คุยกับอาจารย์หลังจากที่อาจารย์จมกับความกลัวตอนที่มันปรากฏข้อผิดพลาด
หน​ังสือโรม 8:1 KJV
[1] เหตุ​ฉะนั้นบัดนี้การปรับโทษจึงไม่​มี​แก่​คนทั้งหลายที่​อยู่​ในพระเยซู​คริสต์ ผู้​ไม่​ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่​ตามฝ่ายพระวิญญาณ
คือถ้าคริสตจักรเอามาตรฐานโลกมาใช้กับผม ผมก็คงโดนไล่ออกไปนานแล้วเพราะไม่มีผลงานและจับทำอะไรก็เสียหายเยอะ ฝีมือทักษะพิเศษอะไรก็ไม่มีด้วย คุณสมบัติเดียวที่มันมีให้กับคริสตจักรก็คือเป็นภาระให้ครับ
แต่คริสตจักรก็ยังหาภรรยาให้อีก แล้วก็มีลูกสาว คนอย่างผมสามารถเป็นสามีเป็นพ่อคนได้ นี้คืออีกพระคุณที่ใหญ่มากที่พระเจ้าให้กับผม ก่อนได้มาพบกับคริสตจักรข่าวประเสริฐได้รู้จักพระเยซู ผมล้มเหลวเรื่องชีวิตคู่มาโดยตลอดครับ แยกทางมีใหม่แล้วแยกทางอีกจนเป็นเรื่องปกติ มีลูกก็ทิ้ง ให้ฝ่ายหญิงทำแท้ง ไม่เอาไว้ครับ ชีวิตมันชั่วร้ายทำลายทุกคนที่เกี่ยวข้องแบบนั้นครับ
ถ้าไม่มาพบกับคริสตจักรหรือพระเยซู ผมจินตนาการว่าผมน่าจะเป็นบ้าหรือฆ่าตัวตายถ้าไม่ถูกคนอื่นฆ่าตายเสียก่อนครับ
ตอนที่ได้มาพบกับคริสตจักรพระเจ้าก็ได้ทำงานผ่านทางอาจารย์ที่โอบอุ้มกับชีวิตของผม จากที่ไม่มีสติเลย เชื่อพระเจ้าแบบคนบ้าและถูกภรรยาทิ้งครับ อาจารย์ก็เอามาเลี้ยงดูค่อยๆสอนพระคำพาออกจากความคิดทีละนิดๆ แล้วก็ให้แต่งงานใหม่ ให้ภรรยากับลูกสาวที่น่ารัก ให้เป็นผู้เผยแพร่ฯ จากจิตใจสัตว์ค่อยๆกลายมาเป็นคนด้วยความเชื่อของอาจารย์แบบนี้ครับ
มองย้อนกลับไปสิบเจ็ดปีมานี้ มันสร้างความเจ็บปวดให้กับอาจารย์มาก็เยอะครับกับการไม่เชื่อวางใจอาจารย์นี้ครับ ถึงขั้นหนีกลับบ้านเลยก็บ่อย ทิ้งเมียลูกไปเลย มันเห็นแก่ตัวขนาดนั้นครับ แต่อาจารย์ก็ไม่ยอมแพ้ครับ ก็ตามผมกลับมาตลอด มีความหวังว่าสักวันผมจะเปลี่ยน จะเป็นคนที่สามารถใช้ชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่นและมีความหวังกับเพียงพระเยซูแบบอาจารย์ได้
ครั้งหนึ่งอาจารย์ก็เล่าคำพยานตอนที่อ.พารคเทศให้อาจารย์ฟัง เรื่องกษัตริย์จางที่ช่วยชีวิตลูกน้องที่เมาแล้วไปจูบปากมเหสีตอนไฟดับเพราะลมพัดเข้ามาในงานเลี้ยง มเหสีก็ร้องและขอให้กษัตริย์ประหารไอ้ทหารคนนี้ คนที่สายรัดหมวกไม่มี เพราะเธอกระชากหลุดติดมือมาตอนถูกจูบปาก ตอนแรกกษัตริย์ก็โกรธแต่พอคิดอีกทีก็เข้าใจกับลูกน้องเพราะเมาและมเหสีก็สวยด้วยก็คงหักห้ามใจไม่ไหว ก็เลยบอกให้ทหารทุกคนโยนหมวกลงที่พื้นข้างหน้าก่อนจะจุดไฟ ใครไม่ถอดคนนั้นจะต้องถูกประหาร ทหารคนนี้ก็เลยรอดตายมาได้แบบนี้ครับ
ตอนที่ได้ฟังเรื่องนี้ผมอดร้องไห้ไม่ได้ทุกครั้งที่คิดถึง เพราะผมรู้สึกว่าอาจารย์ก็กำลังต้องการจะบอกกับผมด้วยครับ อาจารย์ไม่อยากให้ผมจมอยู่กับการกล่าวโทษตัวเองที่มันแย่ เพราะอาจารย์มีความหวังกับผมได้เพราะอาจารย์เชื่อในพระเยซูนี้ครับ
ตอนนี้นอกจากคำขอบคุณแล้ว กับงานหลายอย่างของคริสตจักร ผมก็เห็นว่าเป็นพระเจ้าเองที่พาทำผ่านอาจารย์ครับ ผมก็กำลังเรียนรู้ครับกับชีวิตที่ให้พระเจ้าเป็นผู้ทำ เลิกกับชีวิตที่พยายามทำเอง ซึ่งตรงนี้ก็เป็นพระเจ้าด้วยที่สอนการปล่อยวางหรือทิ้งตัวเองนี้ครับ
ได้ฟังพระคำจากอาจารย์เรื่องมารีย์ก็เลยได้เห็นว่าพระเจ้าก็กำลังสร้างและจูงนำจิตใจของผมแบบนี้ด้วย ก็ได้ให้ผมยังอยู่ในเส้นทางของข่าวประเสริฐ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ไม่ใช่ปัญหาของพระองค์ครับ
เพราะถ้าผมไม่มีคริสตจักรคอยจับจูงนำ ผมก็ได้แต่ใช้ชีวิตตามใจตัวเอง เชื่อพระเจ้าในแบบฉบับของตัวเองซึ่งได้แต่ล่อลวงฆ่าทำลายผู้คนแบบที่ผมเคยทำมาก่อนหน้า ซึ่งความจริงมันเหมือนอาโรนที่สร้างโคทองคำขึ้นมาเพื่อจูงนำผู้คน ผลจากการที่เขาตามความคิดนี้ก็ได้ฆ่าพี่น้องชาวอิสราเอลไปถึงสามพันคนแบบนี้ครับ ผลของการที่ผมไม่มีผู้รับใช้พระเจ้าที่คอยจูงนำชีวิตก็เลยเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนั้นด้วยครับ หลายปีทีเดียวที่หลายคนรับคำสอนที่ผิดๆ ไปจากผมครับ ไม่รู้จักพระเจ้าชัดเจนแต่ไปสอนไปเผยแพร่นี้ครับ
ก่อนมาพบอาจารย์ใจผมก็เหมือนยูดาสครับ ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือคนยากจนมากกว่าสนใจพระเยซู ยังเชื่อว่าตัวเองสามารถจะช่วยเหลือคนอื่นได้ ก็เหมือนจิตใจมารีกับมารธาตอนแรกที่เชื่อว่าความเป็นความตายของน้องขึ้นกับตัวเองครับ
ความจริงชีวิตคนเรานั้นก็ขึ้นกับพระเจ้าครับ แต่เพราะไม่เชื่อกันแล้วก็พยายามรับผิดชอบกับชีวิตตัวเอง ไม่สนใจพระเจ้าก็บอกผ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ชีวิตหรือสังคมจึงเต็มไปด้วยปัญหามากมายเช่นทุกวันนี้ครับ
โฆษณา