พวกเรามักท่อง เพื่อการจดจำคำสอนจาก "กาลามสูตร" ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงแสดงไว้แก่ชาวกาลามะอยู่เป็นเนืองนิจ แต่เอาเข้าจริงๆ พวกเรากลับไม่ค่อยได้ปฏิบัติ (Practice) มากนัก เราขอหยิบยกมาเฉพาะข้อสำคัญๆ นะคะ
มา อาการปริวิตกฺเกน - อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรึกตามลักษณะอาการที่ปรากฏ บุคลิกตรงไปตรงมา มั่นใจในตัวเอง พูดจาฉะฉาน ไม่เกรงกลัวใคร ทำให้ดูน่าเชื่อถือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา - อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรงกับความคิดของตน สังเกตก็ได้ว่าพระสงฆ์องค์เจ้าแต่ละท่าน ก็มีลูกศิษย์ลูกหาเฉพาะของตน เสมือนเป็นแฟนคลับ คอยแก้ต่างให้ตลอดเวลา
มา ภพฺพรูปตา - อย่าเพิ่งเชื่อเพราะดูน่าเชื่อถือ ที่ผ่านมาพวกเรามักหลงไปตามกระแสในโลกโซเชี่ยลอย่างเห็นได้ชัด ก่อนนี้ก็หลงใหลคลั่งไคล้ "หลวงปู่เณรคำ" ต่อมาก็ "พระสิ้นคิด"
ตอนนี้ก็หลงใหลคลั่งไคล้ "คนตื่นธรรม" ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไร มันใช่ไปหมด มันถูกไปหมด ทั้งที่ความจริงคือ "ธรรมะ" เท่านั้นที่น่าเชื่อถือ เพราะมันพิสูจน์ได้จริงๆ เกิดขึ้นจริงๆ เป็นจริงไม่เป็นอื่น ทำไมเราต้องรอให้คนอื่นมาสอน เพื่อให้เราพยักหน้าตามหงึกๆ
มา สมโณ โน ครูติ - อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเป็นครูของตน พวกเราได้บทเรียนกันมาเท่าไหร่แล้ว กับคำว่าครูบาอาจารย์
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ตนใดบนโลกใบนี้ ที่เทศนาธรรมหรือสั่งสอนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อุปนิสัยเราคือ เราจะตรวจสอบประวัติและภูมิหลัง-ภูมิรู้ ก่อนเสมอ เพื่อให้เราอนุมานอุปนิสัย และแรงจูงใจต่างๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องหลงทาง
สำหรับครูบาฉ่าย
เราไม่เคยและไม่ค่อยได้ฟังเทศนาธรรมจากท่าน
แต่เราเคยติดตามข่าวที่อ.อ๊อด
นำผลการตรวจสอบมาหักล้างความเชื่อ
เรื่องเหงื่อพระธาตุของครูบาฉ่าย
พบว่าเป็น "ซิลิกาเจลย้อมสี"
เราจะตกนรกหรือเปล่านะ^^
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
