11 ธ.ค. เวลา 05:43 • กีฬา

จีโรน่าเล่นดีมาก แต่ลิเวอร์พูลและอลีสซงก็นิ่งพอคว้าชัยเกมที่ 6(RECAP)

มาช้านิดหน่อย ว่าจะเทงานนี้แล้ว เพราะเวลาบอลเมื่อคืนถ้าคนทำงานตรงนี้จะบอกว่ากั๊ก แม้จะแข่งค่อนข้างเร็ว แต่มันจะเป็นช่วงที่แฟนบอลบางคนไม่ชอบ
บางคนชอบให้แข่งตี 3 ไปเลยดีกว่า เพราะจะได้นอนก่อนแล้วตื่นมาดู ค่อยลากยาวทำถึงเช้าไปเลย กับแข่งเร็วไปเลยดีกว่า พอแข่งเวลาเที่ยงกว่าๆ จะนอนก่อนก็นอนไม่เต็มที่ จะทำหลังจากนั้นก็ไม่สดชื่นพอ ใครชอบให้บอลแข่งตี 3 ไปเลยร่วมแสดงความเห็นกันได้
โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ใช่เกมวันเสาร์ ผมว่าถ้าเป็นคืนวันเสาร์หลายคนไม่เกี่ยงเวลาที่บอลแข่งมากเท่าวันทำงาน แต่อย่างน้อยการแข่งเวลาแปลกๆ ทำให้โอกาสได้ดูเกมถ่ายทอด = 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นคู่ตี 3 ถ้าไม่ใช่เกมใหญ่อาจจะต้องเช็กโปรแกรมก่อน
นั่นเป็นผลดีต่อสโมสรในเรื่องรายได้การถ่ายทอดสด ถ้าใครโตมาในยุค 2-3 ทศวรรษก่อน ตรงนี้ต้องลุ้น แต่ทุกวันนี้เราหาดูลิเวอร์พูลได้ทุกนัด ช่องทีวีเยอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้
อารัมบทนิดหน่อย เข้าไปที่เกม ใครมาเห็นสกอร์ 1-0 ตอนเช้าที่มาจากจุดโทษของโม ซาลาห์ หลายคนคงคิดว่าดีแล้วที่ไม่ตื่นดู หรือคิดว่าเกมน่าเบื่อ แต่เกมเมื่อคืนจริงๆ สนุกมาก ทั้งสองฝ่ายสู้กันด้วยแท็กติก และต่างมีโอกาสไม่น้อย
อาร์เน่อให้ความเห็นหลังเกมชัดเจนว่า จีโรน่าควรจะได้อะไรมากกว่านี้ ในความหมายถ้าตีความด้านลบ อาจจะแปลว่าลิเวอร์พูลทำได้ไม่ดีพอ แต่จริงๆ ลิเวอร์พูลก็เล่นดี เพียงแต่จีโรน่าอาจจะควรได้ประตูจากจังหวะที่ยิงไปติดเซฟของอลีสซง เบ็คเกอร์
ว่าตรงๆ อาร์เน่อก็ไม่พอใจหลายอย่างในเกมของลิเวอร์พูลเมื่อคืนจริงๆ เขาบอกว่า “ผมพอใจ 5 นัดแรก แต่ไม่พอใจนัดนี้” ชัดเจนว่าเขายังไม่พอใจ
โดยเฉพาะสองจุด ความมุ่งมั่นจะทำให้คู่แข่งเล่นยาก ตรงนี้คือการแย่งบอลจากแนวหลังของคู่แข่งเหมือนเกมกับเรอัล มาดริด และแมนฯ ซิตี้ อีกเรื่องคือความอดทนในจังหวะเข้าเพรสซิ่ง
เขาเปรียบเทียบกับเกมพบเลเวอร์คูเซ่นที่เขาไม่ได้หวังว่าจะเพรสซิ่งได้ดีตลอด 90 นาที แต่อาร์เน่อพูดถึงเกมรุกในจังหวะไม่มีบอล เขาไม่ได้มองในแง่แท็กติก แต่อาจจะเป็นสมาธิของนักเตะเป็นหลักในทั้งสองประเด็น
อธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น ลิเวอร์พูลได้รับคำชมมากคือการเพรสซิ่ง โดยเฉพาะสองเกมกับเรอัล มาดริด กับซิตี้ ยิ่งครึ่งแรกของเกมหลัง ลิเวอร์พูลเพรสซิ่งคล้ายในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ไม่เหมือน
ยุคคล็อปป์ทุกคนจะเพรสซิ่งตลอดเวลา ดังนั้นใน 90 นาที ถ้าเกมไหนทำได้ 60-70 นาทีก็ดีมากแล้ว แต่จะมีช่วงเสียว 10-20 นาทีต่อเกม
แต่อาร์เน่อจะไม่เพรสตลอดทั้งเกมแบบนั้น เขาจะใช้การค่อยๆ ขยับ และบีบเป็นแนวเดียวกันจากไลน์ของนักเตะ จะไม่มีตัวที่เรียกว่าเหมือนลั่นไก ในยุคแรกๆ เราจะเห็นกองหน้าเข้าไป เหมือนเป็นตัวส่งสัญญาณ เหมือนเทปเก่าๆ ตอนเรามีช่องทำ “เก่งหลังเกมส์”
ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้น ฟีร์มิโน่จะเหมือนเป็นตัวสตาร์ท ถ้าเขาเริ่มวิ่ง คนอื่นๆ จะวิ่งรุมตาม บีบตำแหน่งอื่นๆ ไปด้วย โดยมีนักเตะอย่างน้อยอีก 2 คนเข้าไปไล่ปิดมุม พยายามแย่งบอลตั้งแต่จังหวะแรกของคู่แข่ง เอาบอลกลับมาโดยเร็วที่สุด
แต่อาร์เน่อพูดถึง “ความอดทน” เขาจะไม่ใช่สไตล์ฉลามพุ่งใส่เหยื่อ แต่ผมจะเทียบลิเวอร์พูลกับโลมาที่เวลาล่าเหยื่อนเป็นฝูง จะล้อมต้อนคู่แข่งไปในมุมอับ ซึ่งจริงๆ ในยุคของคล็อปป์ก็มีรูปแบบนี้อยู่เช่นกัน เพียงแต่เขาจะใช้การ “เร่ง” คู่แข่งมากกว่า
ดังนั้นนักเตะของลิเวอร์พูลยุคนี้จะเปลืองแรงน้อยกว่า แต่ต้องอดทนมากกว่า อดทนขยับเข้าไปทีละก้าวๆ กว่าคู่แข่งจะรู้ตัวก็ถูกล้อมกรอบ และชิงจังหวะตัดบอลตรงนั้น และสวนกลับ
กราเฟนแบร์คจึงเป็นตัวเลือกก่อนเอ็นโด เพราะวิธีการเล่นแบบนี้ ไม่ต้องพุ่งใส่เหมือนฉลามได้กลิ่นเลือดตั้งแต่วินาทีแรก ตรงนั้นจะเข้าสไตล์ของเอ็นโดมากกว่าชัดเจน แต่กราเฟนแบร์คจะรอจังหวะเข้าในส่วนของเกมรับ
แน่นอนว่าใน 90 นาที ในยุคของอาร์เน่อจะเร่งแค่ประมาณครึ่งหนึ่งของเกม เราจะเห็นอีกครึ่งหนึ่งของเกมที่อึดอัดพอสมควร แต่ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้คู่แข่งมากนัก สถิติเสียประตูจึงน้อยลงตามมา
เกมเมื่อคืนลิเวอร์พูลทำได้ไม่สมบูรณ์แบบ อาจจะเป็นเพราะพักแบบไม่ได้คาดคิดในวันเสาร์ อาจจะมีผลกับจังหวะ แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้มองว่าลิเวอร์พูลเล่นแย่แต่อย่างใด เพียงแต่จีโรน่าเจ้าถิ่นทำได้ดีในการไล่บอล
เกมเมื่อคืนเดิมพันต่างกันมาก สำหรับเจ้าถิ่นนี่คือโอกาสรักษาความหวังในการเข้ารอบ พวกเขาจึงเต็มที่ ในขณะที่ลิเวอร์พูลเหมือนกับล้มบนฟูก ถ้ายังไงก็มีโอกาสอีก 2 เกมหลัง มีแต่กำไรเท่านั้น แต่การจัดตัวผู้เล่นต้องเต็มที่อยู่แล้วหลังจากได้พักมา 1 สัปดาห์แบบไม่คาดคิด
พอจีโรน่ายกระดับการเพรสซิ่งของตัวเอง และแก้เพรสได้ดีด้วย เกมจึงออกมาสูสี ต่างฝ่ายต่างมีโอกาส แต่ภาพรวมถ้าคิดว่าเป็นเกมที่ไม่น่าพอใจของลิเวอร์พูล ขนาดไม่น่าพอใจในมุมของสล็อตยังเล่นได้สูสีกับทีมระดับแชมเปียนส์ลีกของสเปนในบ้านของพวกเขา
แปลว่าสล็อตตั้งมาตรฐานทีมไว้สูงมาก ทั้งที่ความจริงถ้าเกมเมื่อคืนออกผลเสมอก็ไม่ได้เสียหายอะไรสำหรับลิเวอร์พูลเลย
เกมตัดสินด้วยส่วนสำคัญสองจุด คือจุดโทษ และเซฟของอลีสซง เบ็คเกอร์
สถิติจีโรน่า v ลิเวอร์พูล
ความแตกต่างระหว่างโกลที่ดีมากๆ กับโกลระดับโลก ผมว่าเด็ดหงส์เข้าใจความรู้สึกนี้ทันทีที่อลีสซงกลับมาเฝ้าเสา เกมนี้ผมไม่หวังถึงคลีนชีตแต่แรกด้วยซ้ำ เพราะหลายครั้งที่อลีสซงกลับมาจากการบาดเจ็บมักจะมีเสียประตู
แต่ความอุ่นใจเมื่อ “พ่อหมี” ลงสนามเราจะสัมผัสได้เสมอ การยืนตำแหน่ง การสั่งการณ์ มันเหมือนมีพลังบางอย่างอยู่ด้านหลังแผงหลัง และเซฟเด่นๆ ในเกมนี้ทำให้ผม และแฟนหงส์หลายคนอุ่นใจว่าการบาดเจ็บแฮมสตริงไม่ส่งผลอะไรกับการกลับมาเลย
การออกบอล การตัดบอล โดยรวมผมว่าอลีสซงยังเหนือกว่าเคลเลเฮอร์อีก 1 ขั้น โดยเฉพาะในวัยที่อลีสซงผ่านความผิดพลาดมาเยอะ จริงๆ โกลทุกคนพลาดได้ แต่ผมว่า “ออร่า” ของอาลีเยอะกว่าในวัยเดียวกัน อาจจะรวมประสบการณ์ที่เขาลงเล่นตั้งแต่อายุน้อยกว่า เป็นมือหนึ่งทีมอื่นๆ มาตลอด
แต่จริงๆ ไม่ต้องเทียบกับเคลเลเฮอร์ก็ได้ เปรียบเทียบกับโกลคนอื่นๆ ของทีมอื่นๆ เวลาเดียวกันนี้ หรือโกลหงส์แดงในอดีตก็ได้ ผมว่านี่คือโกลที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสร เทียบได้กับเรย์ คลีเมนซ์ หรือกล็อบเบลลาร์
อย่างน้อยในยุคพรีเมียร์ลีก เขาเหนือกว่าเรน่า หรือดูเด็ค ถ้าเทียบกับมาตรฐาน และภาพรวม ยิ่งตอนนี้จะให้เห็นชัดไปเทียบกับโอนานา หรือเด เคอา ไม่กี่ปีก่อน ผมว่าเราชอบโกลแบบอลีสซงมากกว่าที่ใช้เท้าได้ มีลูกปาฏิหาริย์ หรือถ้าเสียก็เสียในลูกที่รับได้
ลองดูโอนานาอาจจะฟอร์มดีขึ้น แต่ลูกที่ควรรับได้ดันรับไม่ได้ คืออย่างเด เคอา มีลูกน่าเหลือเชื่อมากมาย แต่บางทีก็เสียง่ายๆ และใช้เท้าได้ไม่ดี นี่คือความแตกต่าง จุดนี้เคลเลเฮอร์ก็ทำได้ดี เขาไม่ค่อยพลาดลูกง่ายๆ แต่ในเกมกับนิวคาสเซิลเป็นส่วนของการตัดสินใจมากกว่า
เขาน่าจะเสียดายบอลจังหวะนั้น การปล่อยออกจะทำให้ทีมกลับมาครองบอล แถมถ่วงเวลาได้นิดหน่อย ถ้าลูกนั้นเลยออกหลังไป นักเตะนิวคาสเซิลไปไม่ถึง หรืออะไรก็ตาม มันจะเป็นจังหวะที่ไม่ถูกพูดถึงเลย แต่เมื่อทุกอย่างออกมาแบบนั้น เคลเลเฮอร์ต้องเรียนรู้ว่าเอาชัวร์ก็ปัดทิ้งไปดีกว่า
โกลลิเวอร์พูลหลายคนมักจะเสียแบบนี้ แม้แต่อลีสซงก็เคย กับความรู้สึกอยากได้บอลคืนมา หรืออยู่กับทีม จนพลาด ไม่ใช่ความผิดพลาดในแง่คิดว่าจะพุ่ง แต่พุ่งไม่ถึง หรือผิดทาง แบบนั้นรับได้ยากกว่า แก้ยากกว่า
อลีสซงตอนนี้แทบไม่พลาดแบบนั้นแล้ว
โจ โกเมซ และฟาน ไดค์ เล่นได้มีมาตรฐาน แม้รายแรกจะมีบางจังหวะให้เสียว จังหวะที่เรารู้ว่าในเกมโกเมซจะมีให้เห็น 1-2 ครั้ง ส่วนฟาน ไดค์เป็นคนที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะการโหม่ง
เทรนต์เกมนี้เงียบๆ แต่ฟรีคิกของเขาก็ได้ลุ้นทำประตูเช่นกัน นอกจากอลีสซงจะทำได้ดี โกลของจีโรน่าก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ดังนั้นผลการแข่งขันวันนี้ออกได้ 3 หน้าจริงๆ
 
แต่แผงหลังเกมนี้ร็อบโบ้ทำได้ที่สุด สมดุลทั้งรับ และรุก ช่วงนี้การลงเล่นต่อเนื่องอาจจะเป็นผลดี แต่เราก็อยากเห็นซิมิกาสกลับมาโดยเร็วกันเหนียว
แดนกลางกราเฟนแบร์คที่ฟอร์มหลุดมากๆ ในเกมกับนิวคาสเซิลกลับมาเล่นได้เหมือนเดิมแล้ว ทำให้โล่งใจว่าจะเป็นแค่ one-off หรือหลุดไปนัดเดียว โดยเฉพาะเกมนี้ไม่มีแม็คก้า เป็นการซ้อมไปในตัวสำหรับนัดถัดไปที่แม็คก้าจะติดแบนอีกนัด
แต่โจนส์ กับโซโบทำได้ไม่ดีเลย และจุดนี้คือจุดที่อาร์เน่อวิจารณ์หลังเกมถึงภาพรวมของทีม ผมว่าทั้งคู่เร่งผิดจังหวะในการเพรสซิ่ง ทำให้ลิเวอร์พูลไม่สามารถครองเกมได้เบ็ดเสร็จ หรือดีเท่านัดก่อนๆ (ทั้งที่จริงๆ ก็ดีอยู่ แค่ไม่ดีมาก)
ซาลาห์เป็นคนเดียวในแนวรุกที่ดีกว่าคนอื่นๆ เขาสร้างโอกาสให้นูนเญซ แม้ทั้งเกมจะถูกรุมสอง และสุดท้ายก็มายิงจุดโทษอย่างเด็ดขาด และจังหวะนั้นนี่แหล่ะทำให้นูนเญซดูขาดความมั่นใจในการยิงไปติดกาซซานิก้า
 
ดูจะเป็นช่วงที่ฟอร์มตกอย่างมาก แต่ผมยังเห็นแง่ดีนิดหน่อย คือซาลาห์กับนูนเญซยังประสานงานกันได้ดีจริงๆ ซาลาห์ให้สัมภาษณ์ไม่ได้โม้ เขาชอบเล่นกับนูนเญซจริงๆ ตามสถิติทุกอย่าง
ถ้ามันยังไม่เห็นผลตอนนี้ ลองคิดว่าลิเวอร์พูลผลงานดีทั้งที่นูนเญซยิงไม่ค่อยได้ บางทีช่วงเวลาที่จำเป็นของฤดูกาล หรือถ้าเขากลับมาทำได้ดี อย่างน้อยดีกว่านาทีนี้ เกมรุกของลิเวอร์พูลจะยิ่งโหดกว่านี้มาก
ดิอาซก็เป็นอีกคนที่จริงๆ ไม่ได้เล่นดีนัก แต่สุดท้ายเขาเรียกจุดโทษได้ การมีดิอาซในเกม อย่างน้อย 90 นาที เขามักจะมีทีเด็ดให้เห็น 2-3 ครั้ง นั่นก็มากพอให้ทีมคว้าผลการแข่งขัน
โดยสรุปวันนี้คือลิเวอร์พูล “ฉวยโอกาส” ได้ดี ที่อาร์เน่อไม่ค่อยพอใจ แต่สถิติการลุ้นยิง หรือครองบอลก็เหนือกว่าหมด ไปจนถึงค่า XG ดังนั้นถึงจะเป็นวันที่บอกว่าแย่ที่สุดจาก 6 นัดในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ แต่จะบอกว่าไม่ควรชนะก็ไม่จริง
ลิเวอร์พูลก็สมควรชนะมากกว่าจีโรน่าอยู่ดี ผมคิดว่าผลการแข่งขันที่ยุติธรรมอาจจะเป็นลิเวอร์พูลชนะ 2-1 หรือเสมอ 1-1 ประมาณนี้ แต่สุดท้ายสกอร์ที่ออกมาก็ต้องบอกว่าน่ายินดีแล้ว การไม่เสียประตูยิ่งเพิ่มความมั่นใจในเกมรับ รวมๆ เกมรับเราก็อยู่ในมาตรฐานที่สูงจริงๆ
เหนือสิ่งอื่นใดคือผลการแข่งขันนี่แหล่ะ เกมหน้ากับฟูแล่มในบ้านก็เช่นกัน ฟอร์มการเล่นอาจจะไม่สำคัญเท่าผลการแข่งขันหลังจบเกม และค่อยๆ ไปก้าวทีละ 3 แต้ม
ชนะแต่อยู่อันดับเดิมนี่แหล่ะที่แฟนบอลแฮปปี้ที่สุด
จินตะปัญญา
แถมๆ เกมนี้มีดาลี บลินด์ กับดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็คอดีตนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งใจเล่น มุ่งมั่นเป็นพิเศษนะ เราสังเกตเห็นเสมอว่าอดีตนักเตะแมนฯ ยูฯ จะตั้งใจเวลาเจอเราเหลือเกิน
ทั้งคู่เล่นได้ดีนะ แต่อาจจะโชคร้ายนิดๆ สำหรับฟาน เดอ เบ็คที่มุ่งมั่นเกินไป และเป็นจังหวะซวยจริงๆ ที่เข้าดิอาซเสียจุดโทษ ซึ่งวีเออาร์ก็ยืนยันว่าเป็นจุดโทษ
ดูสถานการณ์จีโรน่าแล้ว จะบอกว่าจนกว่าจะพบกันใหม่ แต่คงไม่ใช่ในเร็วๆ นี้แล้วล่ะ!
โฆษณา