11 ธ.ค. เวลา 06:54 • ความคิดเห็น
1. แยกสองคำตามกระทู้ออกมา จะได้คำว่า "โลก" และคำว่า "สมมติ" คำว่า "โลก" เรายืมมาจากภาษาสันสกฤต लोक มันอ่านออกเสียงว่า loka หมายถึงหมู่มุนษย์รวมถึงอารยธรรมของมนุษย์ และคำว่า "สมมติ" เรายืมมาจากบาลี "สมฺมติ" อ่านว่า สำ-มะ-ติ หมายถึง การยอมรับร่วมกัน มีมติร่วมกัน
2. อาทิเช่น มนุษย์เรายอมรับร่วมกันว่า ไอ้เจ้าสิ่งนี้ เรียกว่า "ดอกไม้" ในภาษาไทย หรือ "flower" ในภาษาอังกฤษ หรือ "花" (Huā/ฮวา) ในภาษาจีน หรือ "花" Hana/ฮานา) ในภาษาญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่าคนทั้งโลกยอมรับร่วมกันว่า มันคือ "ดอกไม้" จะได้เอาไว้สอนลูกหลานที่ลิมตาดูโลก ว่ามันคืออะไร
3. ดอกไม้มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แฝงตัวอยู่ใยอารยธรรมมนุษย์ มันมีแค่ "รูป" มันอยู่เฉยๆ ของมัน เมื่อมนุษย์ "มีตา" ตานั้นไปกระทบ "รูป" แต่เพราะมนุษย์มีวิญญาณทางตา จึงไปตั้ง "นาม" ให้มันว่า เจ้าคือดอกไม้ แล้วก็ยังปรุงแต่งต่อไปอีกว่า ชนิดนี้สวย ชนิดนี้ไม่สวย นอกจากนั้นมนุษย์ยังมีจมูก เมื่อจมูกมนุษย์ไปกระทบกลิ่น มนุษย์ก็ปรุงแต่งต่อไปอีกว่า กลิ่นดอกไม้นี้หอม กลิ่นดอกไม้นี้ไม่หอม
เราสร้างสมมติเยอแยะมากนะคะ
แต่หากไม่มีโลกแห่งสมมติเลย
เราก็อยู่กันได้ยากนะคะ จะอยู่กันอย่างไรหรือ
ลองใคร่ครวญดูค่ะ
โฆษณา