12 ธ.ค. เวลา 03:22 • ความคิดเห็น

Secret sauce of Jeff Hoffman

เวลาฟังวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ แค่ธุรกิจเดียว หลายคนก็อาจจะติดใจอยู่นิดว่าเขาอาจจะโชคดีอยู่ถูกที่ถูกเวลาก็ได้ แต่ถ้ามีคนที่ประสบความสำเร็จ สร้างธุรกิจระดับแสนล้านได้หลายครั้ง แถมพอเปลี่ยนอุตสาหกรรมก็ทำได้ดีและประสบความสำเร็จอีก เขาน่าจะค้นพบ “สูตร” อะไรบางอย่างแล้วใช้ “สูตร” นั้นในการทำซ้ำและได้ผลลัพธ์ที่สุดยอดได้
“สูตร” จากปากของคนแบบนี้จึงน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
คุณเจฟ ฮอฟแมนเป็นหนี่งในบุคคลแบบนั้น เขาเป็นมหาเศรษฐีผู้สร้างบริษัทอย่าง priceline, ubid และ booking.com เป็น producer อัลบั้มแจ๊สที่ชนะแกรมมี่อวอร์ด และผลิตรายการทีวีระดับเอมมี่อวอร์ดอีกด้วย นอกจากนั้นเจฟยังเป็น motivational speaker เป็นผู้สร้างองค์กรการกุศลอีกหลายที่
ผมฟังคุณเจฟให้สัมภาษณ์ของรายการที่สเปน มีข้อคิดดีๆที่เหมือนจะเป็น “สูตร” ของคุณเจฟที่อยากจะมาเล่าต่อให้ฟังกันครับ…
Entrepreneurship mindset
คุณเจฟเกิดในครอบครัวที่ยากจนแถวอริโซน่า แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องทำงานสามกะเพื่อเลี้ยงลูกสี่คน คุณเจฟเล่นกีฬามันทุกอย่าง ซึ่งต้องพอฤดูกาลเปลี่ยนก็ต้องหาเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ แต่ที่บ้านไม่มีตังค์ เขาเลยต้องตระเวนไปหาบ้านที่โรงรถรกๆ แล้วขออาสาทำความสะอาดแลกกับเงินค่าจ้าง เขาพยายามหาเงินเองเพราะไม่อยากไปกวนแม่
1
ซึ่งภายหลังเขาถึงเข้าใจคำว่าผู้ประกอบการ (entrepreneurship) ซึ่งเขาทำมาโดยตลอดว่า คือความสัมพันธ์ระหว่าง ความต้องการอะไรบางอย่างของตัวเอง การทำงานอย่างหนัก และทำในสิ่งที่คนยอมจ่ายตังค์ให้ ซึ่งเป็นสูตรแรกๆ ที่เขาค้นพบในวัยเยาว์
Curiousity
คุณเจฟบอกว่า พวกเถ้าแก่หรือผู้ประกอบการที่เก่งๆ ระดับตำนานนั้นจะเป็นพวกเรียนรู้ตลอดชีวิต อยากรู้อยากเห็นตลอดเวลาเหมือนเด็ก 5 ขวบ อยากรู้ในเรื่องที่ไม่รู้จะรู้ไปทำไมด้วยซ้ำ แค่อยากรู้ คุณเจฟก็เป็นคนแบบนั้น พออยากรู้อะไรมากๆ ก็ไปลอง การเข้าสู่วงการดนตรี วงการหนังก็เช่นกัน เพราะเขาบอกว่าสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตไม่ใช่ล้มเหลว แต่ไม่ยอมลองมากกว่า
1
สตีฟ วอซเนียก หนึ่งในผู้ก่อตั้งแอปเปิ้ลก็เป็นคนแบบนั้น คุณเจฟบอกว่าสตีฟจะสงสัยไปหมดว่าอันนี้มันทำงานยังไง เจ้าของอาตาริคนคิดวีดีโอเกมก็เช่นกัน เคยแม้กระทั่งไปประชุมด้วยกันที่บริษัทอื่นแล้วไปรื้อเครื่องอะไรซักอย่างบนโต๊ะคนอื่นเพราะอยากรู้จนเจฟต้องห้ามไว้ คนเหล่านี้ไม่เคยกลัวจะล้มเหลว แค่อยากรู้ไปเรื่อยๆ เป็น mindset ของ great entrepreneur
2
What is it that successful people do that others don’t
คุณเจฟตั้งคำถามนี้ไว้ในใจมานานมากและเฝ้าสังเกตมาตลอดชีวิตเวลาเขาเจอคนที่ประสบความสำเร็จ เขาพบว่าไม่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จไมว่าจะมาจากอุตสาหกรรมไหน จะเป็นวิศวกรหรือนักแต่งเพลง จะมีวินัยที่คล้ายๆกัน มีทัศนคติที่คล้ายๆ กัน ประการแรกคือคนเหล่านี้จะพยายามดูดซับข้อมูลจากโลกที่ใหญ่กว่าตัวเองเสมอ นักแต่งเพลงระดับโลกก็เคยมาขอเรียนหลักการธุรกิจกับเขาเพื่อขยายขอบเขตตัวเองเป็นต้น คนเหล่านี้จะไม่หยุดแค่สิ่งที่ตัวเองเก่งหรือโลกที่ตัวเองอยู่ แต่จะพยายามไปหาความรู้นอกอุตสาหกรรมตลอด
3
คุณเจฟมีกระบวนการท้าทายตัวเองในข้อนี้ด้วยการที่จะพยายามเรียนอะไรใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่รู้ทุกวัน วันละอย่างน้อยสิบนาที และอะไรใหม่ๆ ที่ว่านั้นก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีประโยชน์หรือตัวเองต้องเข้าใจด้วย
1
ไม่ว่าจะเป็นการฟังยูทู้ป อ่าน หรือคุยกับใครสักคนที่ไม่อยู่ในอุตสาหกรรมตัวเอง แล้วจดลงโน้ต เขาบอกว่าตอนที่จดอาจจะงงๆ ไม่เข้าใจด้วยซ้ำ แต่มันจะทำงานเหมือนกับจิ๊กซอว์ พอจดไปเรื่อยๆ ทุกวันมันก็จะต่อเป็นภาพ หรือเห็นเป็นแพทเทิร์นหรือเทรนด์ที่เขาสามารถเห็นได้ก่อนใครในที่สุด
2
Proximity not relevance
คำแนะนำที่ห่วยที่สุดที่เขาได้รับก็คือมีคนบอกว่า เออไอเดียนี้ดีจัง ลุยเลยสิ.. ที่เขาบอกว่าห่วยก็เพราะคำแนะนำแบบนี้มันมาตอกย้ำไอเดียที่เรามีในหัวให้มั่นใจขึ้น เขาเรียกคำแนะนำที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ว่า proximity not relevance..
Proximity ก็คือคนรอบตัวเรา พ่อแม่ ภรรยา พี่น้อง เพื่อนฝูง คำแนะนำเรื่องธุรกิจจากคนรอบตัวว่าไอเดียนี้ดีหรือไม่ดีนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย คำแนะนำจากแม่เรื่องธุรกิจออนไลน์ผู้ซึ่งไม่เคยทำอะไรออนไลน์เลย คือคำแนะนำจากคนที่ผิดกลุ่ม ถ้าเราจะสร้างอะไรเกี่ยวกับท่องเที่ยว เราไม่ควรจะไปฟังความเห็นเพื่อนสนิทแม้จะสนิทแค่ไหน ยกเว้นว่าเพื่อนเราเป็นนักเดินทาง เป็นต้น
1
Best advise
คำแนะนำที่ดีที่สุดที่เขาเคยได้รับจากเมนเทอร์ก็คือ it’s never about you เพราะมันอาจจะเป็นไอเดียของเรา เราอาจจะเป็นคนเริ่ม แต่จะประสบความสำเร็จและไปไกลได้นั้น เราต้องสร้างทีมที่เก่งกว่าและฉลาดกว่าเรา เราต้องหยุดสร้างบริษัทแต่มาสร้างทีมที่ดีให้ได้มากกว่า ทีมที่ดีจะเป็นคนสร้างบริษัทเอง
2
Mentorship
คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องไม่หยุดเรียนรู้ เมื่อไหร่ก็หยุดคือจบ แต่การหาเมนเทอร์ที่ดีที่คุณเจฟค้นพบ ไม่ใช่คนที่เคยทำธุรกิจนั้นสำเร็จมาก่อน แต่เป็นคนที่เราอยากเป็นแบบเขาเมื่อเราเติบโตขึ้นมามากกว่า เพราะมันเป็นภาพรวม ไม่ใช่แค่ความรู้ทางธุรกิจ แต่เป็นวิธีการ เป็นสไตล์ด้านผู้นำ ด้านการสื่อสาร ถ้าเจอใครที่ใช่ต้องรีบไปคารวะเป็นศิษย์เลย
2
Pretty girl High School lesson
วันหนึ่งเจฟไปนั่งดูอเมริกันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยเล็กๆอยู่ ควอเตอร์แบคที่เล่นวันนั้นเล่นได้ดีมาก คนรอบข้างก็พูดกันว่าคนนี้คอยดูสิ วันหนึ่งต้องไประดับอาชีพได้แน่ ในสนามก็มีเชียร์ลีดเดอร์ที่เด่นและสวยมากๆอยู่คนหนึ่ง ผู้คนรอบๆก็บอกว่าคนนี้ต่อไปต้องได้เป็นดาราดังแน่
คุณเจฟก็มานั่งคิดสิ่งที่ได้ยิน และคิดต่อว่า ในวันนั้นน่าจะมีฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยนี้แข่งพร้อมๆกันอยู่หลายพันคู่ แทบทุกสนามก็จะมีเสียงร่ำลือว่าคนนี้จะเทินโปร คนนั้นน่าจะเป็นดาราเหมือนกัน แต่คนพูดทั้งหลายไม่ได้มีคุณสมบัติใดๆที่จะสามารถทำนายทายทักได้เลย ไม่มีใครเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ไม่มีใครเป็นแมวมองมืออาชีพ เขาเลยเริ่มตระหนักว่า ไม่ว่าจะเป็นการหาเมมเทอร์ หรือการต้องการคำแนะนำในเรื่องการตลาดใดๆ จะต้องหาคนที่รู้จริงและมีประสบการณ์จริงเท่านั้น
1
ซึ่งก็คือ relevance not proximity นั่นเอง
Key quality of leader
คุณสมบัติที่สำคัญประการแรกๆของผู้นำในสายตาคุณเจฟคือ ความถ่อมตัว (humility) รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร คุณเจฟชอบทำงานกับคนที่อาจจะสำเร็จมามากๆแต่ยังอยากรู้อยากเรียนอยู่ คนที่อวดตัวว่ารู้ทุกอย่างแล้วจะไม่มีใครชอบทำงานด้วย
1
ประการที่สองคือ ความสามารถในการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น (empathy) ต้องมีทักษะทางการฟังอย่างมาก เพื่อที่จะเข้าใจกลุ่มลูกค้า เข้าใจโลกของคนอื่น ไม่ใช่บอกให้เขาทำแต่ไม่เข้าใจภาษาของเขาหรืออุปสรรคที่เขาเผชิญอยู่ การฟังและเข้าใจผู้อื่นจึงเป็นทักษะที่สำคัญมากๆ ของผู้นำ
1
Importance of networking
คุณเจฟบอกว่า เครือข่ายที่เกื้อหนุนกัน มี ecosystem ที่ดีอย่าง silicon valley นั้นเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก สิ่งที่เครือข่ายที่ดีจะมีประโยชน์มากเพราะปัญหาที่เราเจออยู่นั้น มักจะมีคนที่เคยเจอแล้วแก้ได้แล้ว ถ้าเราอยู่แต่ในออฟฟิศแล้วพยายามแก้ปัญหาอาจจะใช้เวลานานมาก แต่ถ้าอยู่ในวงเดียวกันซึ่งคุณเจฟเรียกกลุ่มคน silicon valley ว่าเขามา socialize business กันก็จะพึ่งพาอาศัยและช่วยกันแก้ปัญหาระหว่างกันได้ดีกว่าทำคนเดียว
1
มันเป็นเรื่องปกติมากที่คนแปลกหน้าจะมานั่งรวมๆกันในร้านอาหารแล้วแนะนำกัน แลกเปลี่ยนปัญหากันแล้วช่วยกันแก้ มีทัศนคติร่วมกันว่า rising tide lifts all boats คือถ้าแถวนี้เจริญก็จะเจริญไปด้วยกัน พลังของเครือข่าย silicon valley จึงทรงพลังมากๆ
2
Impact matters
คุณเจฟบอกว่า การที่จะชวนคนเก่งๆมาทำงาน นอกเหนือจากเรื่องเงินเดือนทั่วๆ ไปนั้น ถ้าเขารู้สึกว่าได้มาทำอะไรแล้วมีผลกระทบต่อคนหมู่มาก สร้างการเปลี่ยนแปลงได้ เราก็จะได้คนเก่งๆ มาร่วมงานได้ง่าย เขาเคยพยายามสร้างคิออสเช็คอินที่สนามบิน ในตอนจะเริ่มโครงการ เขาระดมทีมและสร้างฝันว่าพวกเราอยากเห็นว่าวันหนึ่งเรามาที่สนามบิน เราจะไม่ต้องเจอคิวยาวๆ รอเช็คอินที่เคานเตอร์อีกต่อไปหรือไม่
ถึงวันนี้ยังมีลูกน้องเก่าไปยืนถ่ายรูปกับคิออสเช็คอินแล้วส่งพร้อมกับรูปที่ไม่มีคิวมาขอบคุณเขาอยู่เลย เพราะเขาภูมิใจที่ได้สร้างอะไรที่ดีขึ้นกับโลก
คนรุ่นคุณเจฟจะให้ความสำคัญกับตำแหน่งและเงินเดือน แต่คนรุ่นใหม่ที่เขาทำงานด้วยปัจจุบันให้ความสำคัญกับ impact ว่าทำงานที่มีผลอะไรดีๆต่อโลกต่อคนอื่นหรือไม่ และ ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานว่าทำให้เขาเติบโตขึ้นหรือไม่มากกว่า
1
Rookie mistakes
ความผิดพลาดของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่คุณเจฟผู้ทำงานกับ start up เป็นพันราย ที่เจอบ่อยที่สุดก็คือการ blind with your own brilliance หลงและติดกับกับไอเดียที่ตัวเองคิดว่าดีเลิศ แต่ไม่เคยฟังลูกค้า มีแต่คนรอบข้างชมว่าเป็นไอเดียที่เจ๋งแต่ลูกค้าไม่เข้าใจ ไม่ไปคุยกับกลุ่มเป้าหมายและรับฟัง ต้องไปคุยกับกลุ่มเป้าหมายก่อนสร้างโปรดักด้วยซ้ำ
1
ประการต่อมาก็คือ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่มักจะคิดว่าตัวเองทำเองได้ทุกอย่าง ใส่หมวกทีเดียวเจ็ดใบ ทำมันตั้งแต่ ขาย การเงิน การตลาด HR IT แถมรับโทรศัพท์เองด้วย ช่วงแรกๆ อาจจะใช่ แต่คนเราเก่งได้อย่างเดียวเท่านั้น พอบริษัทขยาย ต้องรู้ว่าตัวเองเก่งอะไรแล้วให้คนอื่นทำงานอื่นที่เราไม่เก่ง ไม่เช่นนั้นบริษัทก็จะไม่มีทางโต
1
1000 at 9.8 is better than 10000 at 5
ตอนที่เริ่มธุรกิจใหม่ๆ เราต้องโฟกัสไปที่ลูกค้าที่สามารถบอกต่อสินค้าหรือบริการของเราได้ เพราะโลกแห่งโซเชียลมีเดียนั้น ลูกค้าจะเชื่อกันเองมากกว่าโฆษณาจากบริษัท การที่จะพยายามมีลูกค้าหมื่นคนแต่ลูกค้าให้คะแนน nps score ที่ 5 (NPS score ถ้าได้ 5 คือใช้แล้วไม่ชอบ ถ้าได้ 8-9 คืออยากบอกต่อ) นั้นสู้ที่จะมีลูกค้าแค่พันคนแต่ได้ nps score ที่ 9.8 ไม่ได้
ในตอนเริ่มต้นต้องไปที่คุณภาพของลูกค้ามากกว่าปริมาณ เราต้องการ viral ที่เกิดจากปากลูกค้า ซึ่งในการที่จะได้ 9.8 แบรนด์ต้องเข้าใจง่าย เกิดความคาดหวังลูกค้า มีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายจริงๆ
1
Serial Entrepreneur not parallel
คุณเจฟทำอะไรประสบความสำเร็จหลายอย่างก็จริง แต่เขาบอกว่าเคล็ดลับที่สำคัญของเขาคือโฟกัส ทำให้ดีที่สุดอย่างเดียวในแต่ละช่วงเวลา ไม่ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน เขาบอกว่าเขาเรียนรู้จากเซอร์ริชาร์ด แบรนสันแห่งเวอร์จิ้นที่ดูจะประสบความสำเร็จในหลากอุตสาหกรรม คุณเจฟเคยถามคำถามนี้เช่นกันว่าทำอย่างไรถึงมีธุรกิจประสบความสำเร็จหลายอย่าง เซอร์ริชาร์ดบอกว่า … not at once
1
เจฟ เบโซด์แห่ง amazon ตอนที่เริ่มธุรกิจใหม่ๆ ก็เคยคุยกับคุณเจฟว่าวันหนึ่งเขาจะขายของทุกอย่างในโลก แต่ตอนนี้จะต้องเป็น best book seller ของโลกให้ได้ก่อน และเจฟ เบโซต์ก็ใช้เวลานานมาก โฟกัสอย่างเดียวไปที่หนังสือจนสำเร็จแล้วจึงขยับขยาย
เราควรจะเป็น best of something ให้ได้ก่อนเลือกอย่างเดียวแล้วเป็น the best ให้ได้ก่อนจะไปทำอย่างที่สอง
1
One advise for young entrepreneur
สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ถ้าเรารู้สึกว่าเรามีไอเดียดีๆ เจ๋งๆ อย่ามัวแต่นั่งในออฟฟิศ ออกไปข้างนอก ไปเล่า ไปถามกลุ่มเป้าหมาย ออกไปคุยกับคนอื่น ไป validate ไอเดียจากคนที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด
1
One advise to give a child
อย่าหยุดอยากรู้อยากเห็น (curiousity) เห็นอะไรให้สงสัย ให้ถาม หยุดพินิจพิเคราะห์ตลอดเวลา เก็บความอยากรู้อยากเห็นให้นานที่สุด
1
สรุปยาวๆ ประเด็นที่ดูจะเป็น secret sauce ของ คุณเจฟ ฮอฟแมน ครับ….
โฆษณา