12 ธ.ค. เวลา 14:29 • หนังสือ

10 เรื่องที่ฉันเรียนรู้้กี่ยวกับความรัก

Ten Things I've Learnt About Love
"You can't miss someone you've never met. But I miss you."
.
.
.
.
.
ผู้อ่านเคยบ้างไหมที่เมื่อแรกเห็นชื่อหนังสือบางเล่มก็ทำให้คิดถึงแนวเรื่องอย่างหนึ่ง​ แต่เมื่ออ่านหนังสือเล่มนั้นจนจบกลับพบว่ามันแตกต่างจากที่เราคิด นวนิยายเล่มนี้ก็เช่นกันแต่เมื่ออ่านจบแล้วกลับยิ่งชอบจนต้องอ่านอีกสักครั้ง
.
"Ten Things I've Learnt About Love"
เป็นนวนิยายเล่มแรกของซาร่าห์ บัทเลอร์ (Sarah Butler) นักเขียนชาวอังกฤษที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเชีย ผู้เขียนเปิดเรื่องมาที่อลิซ สาววัยประมาณสามสิบ ที่ไปอยู่มองโกเลียนานหลายเดือน แต่ต้องรีบกลับบ้านเพื่อให้ทันพบพ่อที่กำลังจะเสียชีวิต เธอมาทันได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อช่วงสั้น ๆ ก่อนพ่อจะจากไป
.
อลิซเป็นหญิงสาวที่มักเดินทางย้ายที่อยู่เสมอ ยังไม่มีที่ไหนที่เธอรู้สึกมั่นใจอยากจะปักหลักใช้ชีวิตอย่างถาวร เธอเองก็ตอบตัวเองไม่ได้... เธอเติบโตมาในบ้านหลังนี้กับพ่อและพี่สาวอีกสองคนคือมาทิลดาและซิซีเลีย แม่เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็กเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์... เธอรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวและห่างเหินกับพ่อและพี่ ๆ นานครั้งเธอจะกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ของพ่อสักที จึงไม่คุ้นเคย ครั้งนี้ก็เช่นกันเธอกลับมาชั่วคราว เมื่อเสร็จงานศพพ่อเธอก็จะไปต่อ ขอให้ได้ไปจากบ้านหลังนี้
.
หลังงานพิธีศพของพ่อเสร็จแล้ว เธอใช้เวลาเก็บของต่าง ๆ ของพ่อก่อนขายบ้าน ซึ่งพี่สาวเป็นคนตัดสินใจที่จะขาย อลิซไม่เห็นด้วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วงนี้เองเธอมีโอกาสอยู่กับพี่สาวทั้งสองใกล้ชิดมากขึ้น จึงได้รู้เรื่องราวที่ไม่เคยรู้ในชีวิตของพี่ ๆ มาก่อน
.
ผู้ขียนใช้วิธีดำเนินเรื่องราวของอลิซตัวละครหญิงสลับกับแดเนียลตัวละครชายอีกคน ซึ่งเป็นชายไร้บ้าน เขาย้ายออกไปจากลอนดอนไปแต่แล้วก็กลับมา มีสถานที่หลายแห่งที่เขาผูกพันเช่น แกลลอรี่ที่เขาเคยเจอแม่ของลูกสาวครั้งแรก... แม้จะทำงานรับจ้างก็พยายามหาบ้านสักแห่งที่นี่ เขามุ่งมั่นที่จะมีบ้านเพื่ออยู่กับลูกสาวทั้งที่ยังไม่เคยได้พบเจอกันมาก่อน เขารู้เพียงว่าเธอชื่ออะไรและยังมีชีวิตอยู่ เขาจึงไม่ลดละความพยายามจนได้มีโอกาสพบลูก
.
ในเรื่องนี้ผู้เขียนถ่ายทอดความคิดของทั้งอลิซและแดเนียลโดยใช้วิธีลิสต์สิ่งที่ตัวละครนึกถึงก่อนเรื่องบทถัดไปเริ่มขึ้น เช่นบทแรกนำเสนอ ๑๐ สิ่งที่อลิซจะพูดกับพ่อ (Ten Things I will say to my father) เมื่อถึงบ้าน
๑. ลูกพบชายคนหนึ่งในสิงคโปร์ที่มีกลิ่นคล้ายพ่อ -- เขาสูบบุหรี่
๒. ลูกยังจำวันหยุดในกรีซได้ -- มีแต่ซากปรักหักพังไม่รู้จบ พ่อก็ช่วยอธิบายว่าเสาดอริก เสาโอโอนิก และเสาโครินเธียน ต่างกันอย่างไรครั้งแล้วครั้งเล่า
๓. ลูกอยากให้พ่อเล่าเรื่องของแม่ อยากให้พ่อเก็บของ ๆ แม่ไว้
๔. ลูกยังเก็บหนังสือที่พ่อซื้อให้เมื่อวันเกิด ๑๐ ขวบ เมื่อฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ -- ทัวร์เที่ยวในระบบสุริยจักรวาล (A Tour Through the Solar System)
๕. ลูกรู้ว่าพ่อหวังว่าลูกสักคนจะเป็นหมอเหมือนพ่อ
๖. ลูกมักฝันบ่อยๆ ว่า ยืนอยู่นอกบ้าน มีงานปาร์ตี้ แต่ไม่ได้ยินเสียงใครพูดหรือหัวเราะในบ้านเลย พอกดกระดิ่งประตู นานมากกกกกว่าพ่อจะมาเปิด
๗. ลูกเป็นคนขโมยรูปในห้องของพ่อไป
๘. ลูกเคยแอบดูพ่อทำสวนหรือนั่งที่โซฟา หรือนั่งหันหลังให้ประตู อยากให้พ่อหันมาเจอลูกเสมอ
๙. ลูกขอโทษที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
๑๐. พ่ออย่า...
.
.
เรารู้จักตัวตนของอลิซและแดเนียลผ่านความคิดทั้งสองคนอีกหลายเรื่องที่เหมือนเป็นการจดบันทึก เช่น
- ๑๐ วิธีที่คนพูดถึงผม (Ten ways other people might describe me)
- ๑๐ เรื่องที่ฉันรู้เกี่ยวกับแม่ (Ten Things I know about my mother)
- ความคิดที่ไม่เหมาะสม ๑๐ เรื่องในหัวฉันช่วงงานศพของพ่อ (Ten inappropriate thoughts during my father's funeral)
- งาน ๑๐ อย่างที่ผมทำช่วงเดือนกว่า (Ten jobs I've held down for more than a month)
- ๑๐ เรื่องเกี่ยวกับบ้านของพ่อ (Ten things about my father's house)
- ๑๐ สิ่งที่ผมอยากพูดถึงลอนดอน (Ten things I want to talk about London) ฯลฯ
ผู้เขียนเล่าเรื่องลักษณะนี้ทำให้เรารู้จักเบื้องหลังชีวิตตัวละครทั้งสองมากขึ้น
.
.
อลิซไม่เคยรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวของพ่อและพ่อของเธอที่แท้จริงก็คือแดเนียล เขาจะมีโอกาสหาเธอเจอได้ไหมและอย่างไร ทั้งพ่อและพี่สาวต่างก็รู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่เคยเล่าให้อลิซฟังเลย ...
.
.
บัทเลอร์สื่อให้เรารู้ตั้งแต่บทแรก ๆ ว่าแดเนียลพยายามตามหาอลิซมาตลอด ทั้งคู่ยังไม่เคยเจอกัน ผู้เขียนบรรยายความรู้สึกของแดเนียลที่นึกถึงลูกไว้ว่า
"You can't miss someone you've never met. But I miss you." (คุณไม่อาจคิดถึงใครสักคนที่ไม่เคยเจอกันเลย แต่พ่อคิดถึงลูกจัง)
.
ผู้เขียนยังถ่ายทอดชีวิตคนไร้บ้านในลอนดอนผ่านความคิดของแดเนียล เขาได้รับการดูแลในสถานพักพิง ซึ่งต้องไปลงชื่อเข้าใช้บริการ แดเนียลจะย้ายที่พักไป ฉากต่าง ๆ ในลอนดอนที่แดเนียลมักเดินด้วยเท้า มีทั้งสถานีรถไฟใต้ดินและถนนหนทางต่าง ๆ เมื่อเขาไปที่บริติชมิวเซียม ทาวเวอร์บริดจ์ อัลเบิร์ตบริดจ์ ฯลฯ ชื่อสถานที่เหล่านี้อาจทำให้ผู้ที่เคยไปเที่ยว ไปเรียน หรืออยู่ที่ลอนดอนได้หวนคิดถึงลอนดอนได้ดีโดยเฉพาะย่านแฮมสเต็ทฮีท (Hampstead Heath)
.
เมื่ออ่านจบเล่มเราจะรู้สึกถึงความแตกต่างของคำว่า "บ้าน" ที่ไม่ใช่สิ่งก่อสร้างด้วยอิฐหรือปูน แต่คือความรู้สึกมั่นคงทางใจ ความผูกพันเชื่อมโยงกับบางสิ่ง เช่นที่แดเนียลนึกถึงอลิซว่า เธอต้องการความมั่นคง และบางสิ่งที่เชื่อมโยง (some kind of connection)​ ซึ่งอลิซแสวงหามาตลอด แต่เพราะเธอขาดความอบอุ่น พ่อมีเงินแต่ไม่เคยให้ความใกล้ชิดทางใจ เธอจึงรู้สึกว่าไม่มีใครรักเธอเลย
.
เมื่องานศพของพ่อเรียบร้อยและเตรียมขายบ้าน อลิซตั้งใจว่าจะไปอินเดียต่อ เธอจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว..... แต่เมื่อเธอได้มีโอกาสเจอแดเนียล เขาไม่ได้บอกเธอทันทีว่าเป็นใคร บอกเพียงว่ารู้จักแม่ของเธอนานมาแล้ว ... เขาบอกเธอว่า ทำไมไม่ลองหยุดนิ่งอยู่กับที่สักพักสักแห่งหนึ่ง เธออาจต้องใช้เวลาแล้วจะเห็นว่ารูปแบบชีวิตที่ต้องการเป็นยังไง
"If you stand still in a place, for long enough, it will show itself to you. It takes time, but you find the patterns, and once you find them you can start to feel at home..." (น.๒๗๕)
.
ผู้เขียนยังทิ้งท้ายตอนจบไว้ให้เราได้คิดต่อกันว่า แดเนียลจะบอกความจริงกับอลิซไหมและบอกอย่างไร ในตอนจบผู้เขียนก็ไม่ได้จบอย่างสมบูรณ์ว่าพ่อลูกได้พบกันเท่านั้นแต่ทิ้งให้เราคิดต่อ
.
เรื่องนี้ที่เริ่มต้นเรื่องด้วยความรู้สึกหมดหวังในชีวิต เพราะการมาจากครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นของอลิซทำให้เธอหมดหวังและเคว้งคว้าง แต่เมื่อได้อ่านจนจบเรากลับจะรู้สึกว่าชีวิตยังมีความหวัง แอดมินซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านเพราะชอบปกหนังสือเป็นอย่างแรกและก็ชื่อเรื่อง "Ten Things I've Learnt about Love" ครั้นพอได้อ่านก็ประทับใจกับเนื้อหาที่ไม่ใช่เรื่องรักทั่วไปที่เรานึกถึง แต่เป็นความรักความผูกพันที่เราทุกคนแสวงหา
.
เมื่อคนเรารู้สึกมั่นคงทางใจและมีใครที่เราพูดคุยแลกเปลี่ยนได้เสมอหรือมีเพื่อน เมื่อนั้นเราจะรู้สึกอบอุ่นใจว่าเราไม่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว เราได้เจอคนหรือสิ่งที่มีความหมายต่อเราช่วยให้เราอยากดำเนินชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ต้องระเหเร่ร่อนตะลอนไปไหนเรื่อย ๆ คนไร้บ้านเช่นแดเนียลก็เป็นตัวแทนของผู้ที่ต้องการหยุดพักเป็นหลักแหล่ง เป็นตัวแทนของความหวัง นี่คือคำตอบของหนังสือเล่มนี้ แอดขอแนะนำให้ลองหาอ่านกันค่ะ
.
ปกฉบับนี้ตีพิมพ์เมื่อพ.ศ. ๒๕๕๖ (ค.ศ.๒๐๑๓) เรื่องนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากถึง ๑๒ ภาษา ซาร่าห์ บัทเลอร์ เป็นชาวเมืองแมนเชสเตอร์ เธอเป็นนักเจียน และเคยสอนวิชาการเขียนอย่างสร้างสรรค์​ (Creative Writing) ที่บริติชเคาซิล ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียด้วย
#อ่านอีกครั้งก็ยังชอบ #SarahButler
#ซาร่าห์บัทเลอร์ #นวนิยาย #tenthingsihavelearntaboutlove #ความรัก #ครอบครัว #การสูญเสีย # #ลอนดอน #britishwriter #nostalgicmemories
โฆษณา