13 ธ.ค. เวลา 03:50 • บันเทิง

นิทานตำนานคริสต์ เรื่อง สุนัขขี้เรื้อนกับบาทหลวงผู้ใจดี

ท่ามกลางท้องตลาดของถนนสายหนึ่ง ที่อบอวลไปด้วยผู้คนมากมาย ที่ต่างพากันจับจ่ายใช้สอย ในการซื้อสินค้ากันอย่างชุลมุน ตรงจุดบริเวณท้ายตลาด จะเป็นที่ตั้งของลานกว้างแห่งหนึ่ง บริเวณลานแห่งนั้น จะเป็นที่ที่ผู้คนมักจะนำเอาพวกเศษขยะ มาทิ้งอยู่เป็นประจำ พอนานวันเข้า จากที่มันเคยเป็นลานพื้นที่โล่งๆและดูสบายตา ก็คละคลุ้งไปด้วยพวกเศษขยะจำนวนมาก ที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วบริเวณ
นอกจากจะเป็นสถานที่ที่เกลื่อนกลาด ไปด้วยพวกสิ่งปฏิกูลแล้ว ลานขยะแห่งนี้ ยังเป็นที่พักอาศัยของสุนัขขี้เรื้อนตัวหนึ่ง ที่มีร่างกายซูบผอม ทั่วบริเวณ ร่างกายของมัน ก็ดูสกปรกและส่งกลิ่นตัวเน่าเหม็น แถมรูปร่างหน้าตาของมัน ก็ยังดูอัปลักษณ์ด้วย
ซึ่งในขณะนี้ เจ้าสุนัขตัวนั้นมันกำลังงีบหลับ อยู่ ตรงบริเวณข้างๆกองขยะ จุดพักที่มันมักจะใช้สำหรับเป็นที่ซุกหัวนอน และด้วยความที่มันเป็นสุนัข ที่มีความอัปลักษณ์ มันจึงไม่เป็นที่ต้องการแก่
ผู้คนในสังคม มิหนำซ้ำ มันยังมักจะถูกผู้คนรังเกียจ
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่พอได้เจอกับเจ้าสุนัขที่อัปลักษณ์ตัวนี้ และไม่ว่าจะเจอมันที่ไหน คนเหล่านั้นก็มักจะด่าทอมัน ด้วยคำพูดที่หยาบคาย และทำการขับไสไล่ส่งมันต่างๆนาๆ ในบางครั้ง ก็ร้ายแรงถึงขั้นที่ว่ามีการลงไม้ลงมือ ด้วยการปาข้าวของใส่มันก็มี
การทารุณกรรมจากพวกคนใจร้าย ทำให้เจ้าสุนัข ไม่เคยได้สัมผัสถึงความรักและความอบอุ่น จากผู้ใด มันไม่รู้จักแม้กระทั่งคำว่ารักแท้ ในทางตรงกันข้าม การที่มันถูกกดขี่ข่มเหง จากผู้คนที่ปฏิบัติกับมัน คือสิ่งที่สุนัขข้างถนนอย่างมันรู้จักดี เพราะตั้งแต่ที่มันจำความได้ มันก็มักจะโดนผู้คนมากมายให้การปฏิบัติกับมัน แบบไร้มนุษยธรรมมาตลอด
ในช่วงตอนบ่ายๆของวันหนึ่ง ขณะที่สุนัขผู้น่าสงสาร กำลังนอนหลับ แต่เเล้วจู่ๆ ความรู้สึกหิว ก็ได้ย่างกลายเข้ามาหามัน ความหิวโหย ทำให้เจ้าสุนัขที่กำลังหลับนอน ได้ลืมตาตื่นและค่อยๆเอนตัวลุกขึ้น จากนั้น มันได้เดินตรงเข้าไปในตลาด เพื่อที่จะไปหาอาหาร มาประทังความหิวของมัน
ในขณะที่เจ้าสุนัขกำลังเดิน พร้อมกับสายตาที่มองออกไปรอบๆ มันก็เห็นบรรดาร้านค้า ที่เต็มไปด้วยอาหารและขนมอันโอชะมากมาย ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด
เหล่าอาหารภายในร้านที่ดูน่าทาน ทำให้เจ้าสุนัขจดจ้องแบบไม่วางตา แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มาพร้อมกับเสียงผู้คนในละแวกนั้น ที่ได้พบเจอมัน ต่างก็กำลังพากันนินทาว่าร้ายให้กับมัน ด้วยถ้อยคำแย่ๆสารพัด แต่เจ้าสุนัขก็ไม่ได้ใส่ใจ ต่อคำนินทาพวกนั้น เพราะมันเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าคงไม่มีใครที่ไหน จะเมตตาสงสารมัน มันเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ ตลอดทั้งชีวิต จนมันรู้สึกชินชากับเรื่องแบบนี้ไปซะแล้ว
เจ้าสุนัขเดินหน้าตรงไปเรื่อยๆ ตามทางเดินของท้องถนนที่เปล่าเปลี่ยว มันได้เดินมาจนถึงร้านขายเนื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในร้านแห่งนั้น โชยไปด้วย กลิ่นหอม จากบรรดาเนื้อหลายชิ้น ที่กำลังถูกย่าง อยู่บนเตาไฟขนาดใหญ่ กลิ่นหอมจากพวกเนื้ออันโอชะบนเตาไฟ ทำให้ความหิวของเจ้าสุนัข เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ มันยืนจดๆจ้องๆเนื้อพวกนั้น อย่างไม่ละสายตา
"เฮ้ยนี่แกออกไปให้พ้นๆ จากหน้าร้านของฉันเลยนะไอ้หมาโสโครก" ฟีโอนอฟชายเจ้าของร้าน ร้องตะโกนไล่เจ้าสุนัข ด้วยน้ำเสียงที่โมโหและขุ่นเคือง น้ำเสียงแห่งความโกรธของฟีโอนอฟ ทำให้เจ้าสุนัข ที่กำลังยืนมองเนื้อพวกนั้น อยู่ในอาการสะดุ้งและตกใจ มันได้รีบเดินออกมาจากหน้าร้านขายเนื้อแห่งนั้น ด้วยความกลัวจนตัวสั่น พวกพนักงานภายในร้าน ต่างก็พูดจาสบประมาท ถึงรูปร่างที่น่าเกลียดของมัน
"เจ้าหมอนี่ มันช่างไม่เจียมกะลาหัวตัวเองซะจริง  เป็นแค่หมาข้างทางแท้ๆ แต่กลับสะเออะมายืนมองร้านขายเนื้อระดับ 5 ดาว มันคิดอะไรของมัน"  พนักงานร้านคนหนึ่ง เอ่ยคำดูถูกถากถาง ต่อเจ้าสุนัขขี้เรื้อน หลังจากที่มันได้หนีจากไป
สุนัขผู้หิวโหย เดินตรงไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง และหมดเรี่ยวแรง มันรู้อยู่เต็มอกว่าคงไม่มีใครใจดีพอ ที่จะให้อาหารกับมันแน่นอน มันยังคิดว่ามันคงจะต้องหิวแบบนี้ต่อไป
ท่ามกลางความอับจนหนทาง เจ้าสุนัขก็เหลือบมองไปเห็นร่างของชายวัยกลางคน ที่อยู่ในชุดสีดำคนหนึ่ง โดยชายคนดังกล่าว กำลังนั่งสนทนาอยู่กับหญิงชราผู้ยากจนคนหนึ่ง พอทั้งคู่พูดคุยกันไปได้สักพัก ชายคนดังกล่าวได้ใช้มือและแขนทั้งสองข้างของเขา เข้าโอบกอดร่างของหญิงชรา เอาไว้ด้วยความรัก
ความรักที่มีต่อคนยากไร้ของชายชุดดำคนนั้น ทำให้ในห้วงลึกแห่งจิตใจของเจ้าสุนัข เกิดความศรัทธา ต่อชายชุดดำผู้นี้เป็นอย่างมาก เวลานี้เจ้าสุนัขรู้สึกว่าในจิตใจของมันที่กำลังว้าวุ่น รู้สึกสงบ ขึ้นมา อย่างน่าอัศจรรย์
ก่อนที่ชายชุดดำ จะแยกทางกับหญิงชราผู้ยากไร้ เขาได้นำเงินจำนวนหนึ่งของเขา ให้กับหญิงชราคนนั้น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ภาพเหตุการณ์ในวินาทีนั้น ทำให้สุนัขตัวหนึ่ง ที่เคยเจอแต่เรื่องร้ายๆ แต่พอมันได้เห็นถึงความรักและเอาใจใส่ต่อคนรอบข้างของชายชุดดำผู้นี้ เจ้าสุนัขก็ถึงกับขมวดคิ้ว ด้วยความแปลกอกแปลกใจ เพราะแม้เเต่ตัวมันเอง ก็คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่มีจิตใจดีงาม อยู่บนโลกกลมๆใบนี้ ซึ่งต่างจากผู้คนที่มันเคยเผชิญ ล้วนแต่เป็นผู้คนที่ใจร้าย ที่ต่างดูถูกย่ำยีมัน พวกเขาทำราวกับว่ามันเป็นสัตว์ที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ
ทันทีที่ชายชุดดำกับหญิงชราแยกทางกัน ในวินาทีนั้น แววตาอันอิดโรยของสุนัขผู้หิวโซ ก็มองเห็นชายชุดดำ ที่กำลังกวักมือเรียกให้มันเข้าไปหา พอมันสังเกตเห็นแบบนั้น สภาพร่างกายที่กำลังเหนื่อยล้า ก็ได้ลดทอนลงไป
เจ้าสุนัขรีบเดินไปหาชายชุดดำทันที แต่พอชายชุดดำคนนั้น ได้เดินกลับหันหลัง เจ้าสุนัขที่กำลังเดินตาม มันก็เห็นประโยคสั้นๆประโยคหนึ่ง บนแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่ง ที่ติดอยู่บนหลังของชายชุดดำ ประโยคนั้นกล่าวระบุเอาไว้ว่า " จงตามเรามา" ข้อความดังกล่าว ทำให้เจ้าสุนัขที่เดินตามหลัง รู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมา อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
พอเดินกันไปได้สักพัก ทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงโบสถ์ ในความจริงแล้ว ชายชุดดำคนนี้ เขาก็คือบาทหลวงเอดีน ที่คอยประจำการอยู่ที่โบสถ์แห่งนี้
"เข้าไปสิลูกรัก" บาทหลวงเอดีนเชื้อเชิญสุนัขผู้น่าเวทนาและถ่อมตน ให้เข้าไปในโบสถ์กับเขา ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
สุนัขผู้อ่อนโยน ค่อยๆเดินเข้าไปภายในโบสถ์ ตามการชักชวนของบาทหลวงเอดีน อย่างว่าง่าย ทันทีที่ได้ก้าวเท้าเข้าไป จิตวิญญาณของเจ้าสุนัขผู้ถ่อมตน ก็สัมผัสได้ถึงความสุขสงบ ขึ้นมาภายในใจ เจ้าสุนัขยังรู้สึกว่าความเศร้าหมองและความโดดเดียวของมัน ได้ละลายหายลงไปด้วย บาทหลวงเอดีนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ค่อยๆใช้มือสองข้าง อุ้มร่างของเจ้าสุนัขขึ้นมา และโอบกอดมันไว้แนบอก ด้วยความรักและเอ็นดู
"นับจากนี้ไป สถานที่แห่งนี้คือบ้านของเจ้านะลูกรัก พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา พระองค์จะคอยคุ้มครองเจ้าเสมอ" บาทหลวงเอดีนพูดกับสุนัข ที่อยู่ภายในอ้อมกอด ด้วยน้ำเสียงแห่งความรัก ก่อนที่เขาจะค่อยๆทิ้งร่างของมันลงกับพื้น
บาทหลวงผู้ใจบุญ ได้จัดหาที่พักอาศัยให้กับสุนัขผู้ทุกข์ยาก ซึ่งที่พักอาศัยแห่งนั้น ก็คือห้องนอนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่หลังโบสถ์ ซึ่งภายในห้องนอนแห่งนั้น จะประกอบไปด้วยอาหารการกิน และของใช้ต่างๆที่จำเป็นพร้อมสรรพ ที่มีแบบครบวงจร บาทหลวงยังได้นี้ตั้งชื่อให้กับเจ้าสุนัขว่าไลท์ ที่แปลว่าแสงสว่าง
"นี่คือห้องนอนของเจ้าลูกรัก จากนี้เป็นต้นไป ห้องแห่งนี้ คือที่อยู่อาศัยใหม่ของเจ้านะลูก" บาทหลวงเอดีนแนะนำห้องนอนให้กับไลท์ ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ
พอเมื่อไลท์เห็นที่อยู่ใหม่ สายตาก็ถึงกับเบิกค้าง เพราะตั้งแต่ที่ไลท์เกิดมา ตนก็เอาแต่ใช้ชีวิตในการกินและหลับนอน อยู่ที่ลานขยะกองโตมาตลอด แต่มาคราวนี้ ไลท์แทบไม่นึกไม่ฝันว่าตนจะมีโอกาสได้เข้ามาใช้ชีวิต อยู่ในสถานที่ดีๆแบบนี้ ตั้งแต่ที่บาทหลวงเอดีน รับตนเข้ามาอุปการะดูแล
ตั้งแต่นั้นมา ไลท์ก็ดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข ภายในโบสถ์แห่งนี้ โดยมีบาทหลวงเอดีน เป็นผู้ที่คอยดูแล บาทหลวงเอดีนมักจะชวนไลท์ ทำกิจกรรมยามว่าง นั่นก็คือ การฝึกและสอนให้ไลน์ รู้จักทำอาหารทานเอง ให้การศึกษาด้วยการสอนหนังสือจนไลท์สามารถอ่านออกและเขียนได้
พอเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ก็กลายมาเป็นความผูกพันธ์ ด้วยความที่บาทหลวงเอดีน ดูแลไลท์มานาน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าไลท์เป็นดั่งสมาชิกในครอบครัวของเขา บาทหลวงเอดีนคอยเลี้ยงดูและให้อาหารกับไลท์ อย่างสม่ำเสมอ
จนเวลาผ่านไป ไลน์ก็เติบโต จนกลายเป็นสุนัขหนุ่มรูปงาม ที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง แถมยังเป็นสุนัขที่มีขนดกดูสวยงาม จากสุนัขที่แสนจะน่าเกลียด ในเวลานี้ไลท์ได้กลายมาเป็นสุนัข เป็นที่ต้องตาต้องใจแก่ผู้คน ที่ได้พบเห็น โดยเฉพาะพวกสุนัขสาวๆ ทันทีเมื่อสายตา ปะทะเข้ากับเรือนร่างอันหล่อเหลาของไลน์ พวกเขาต่างก็ต้องการไลท์ เพื่อให้มาเป็นคู่ครองทั้งสิ้น แต่ตัวไลท์ก็ไม่ได้สนอกสนใจเท่าไหร่นัก เพราะตนไม่ต้องการมีคู่ครอง
โบสถ์สถานที่พำนักของพระเจ้าแห่งนี้ ทำให้สุนัขตัวหนึ่ง ที่เจอแต่เรื่องราวอันเลวร้าย และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักแท้เป็นยังไง แต่ในตอนนี้ ไลท์ได้เข้าใจดี ถึงความหมายคำว่าความรักทุกประการ เพราะตนมีบาทหลวงเอดีน ผู้ที่ตนรักเหมือนเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด คนที่มีบุญคุณ ที่คอยอบรมถ่ายทอดแต่สิ่งดีๆ และยังให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแก่ตน
โบสถ์แห่งนี้ยังทำให้สุนัขอย่างไลท์ ที่เคยเป็นหมาข้างถนนตัวหนึ่ง ที่ผู้คนต่างย่ำยีอย่างไร้เกียรติ มีชีวิตที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไลท์ยังรู้สึกว่าตนได้รับชีวิตใหม่ด้วย
ต่อมา ไลท์ได้เล่าเรื่องราวต่างๆ สมัยที่ตนยังคงเป็นสุนัขข้างถนนตัวหนึ่ง ที่ถูกผู้คนให้การปฏิบัติ อย่างไม่เป็นธรรม ให้กับบาทหลวงเอดีนฟัง บาทหลวงได้บันทึกเรื่องราวทุกอย่างของไลท์ ลงในสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ด้วยคราบน้ำตาแห่งความโศกเศร้า ท่ามกลางบรรยากาศ ในคืนอันหนาวเหน็บ ภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ภายในห้อง ส่องสว่างไปด้วยแสงไฟจากตะเกียง
เมื่อเรื่องราวทุกอย่างของไลน์ ถูกบันทึกจนเสร็จสิ้น ต่อมา บาทหลวงเอดีนก็นำเอาเรื่องราวที่ได้บันทึก ส่งไปให้กับพระสันตะปาปาอาโดเซียสแห่งสำนักวาติกันของกรุงโรม
ในหน้าสุดท้ายของบันทึก จะเป็นเนื้อหาที่บาทหลวงเอดีน เขียนถึงพระสันตะปาปาอาโดเซียส เพื่อขอร้องให้พระองค์ ออกกฎหมายและให้บทลงโทษ แก่ผู้ที่ข่มเหงบรรดาสัตว์ที่ทุกข์ยาก ต่อมา เพียงแค่ไม่กี่วัน ข้อความจากบันทึกเล่มนั้นของบาทหลวงเอดีน ก็ถูกส่งมาถึงพระสันตะปาปาอาโดเซียส อย่างรวดเร็ว
พระสันตะปาปาอาโดเซียส ได้อ่านในบันทึกจากคำบอกเล่าของบาทหลวงเอดีน อย่างละเอียด แต่พอหลังจากที่ได้อ่านจบ พระองค์ก็ถึงกับร้องไห้ทั้งน้ำตาเเละอุทานขึ้นมาในใจว่า "เหตุใดจิตใจของผู้คนถึงโหดร้ายเพียงนี้ ทำได้แม้กระทั่งสุนัขผู้อ่อนแอตัวหนึ่ง"
ในคืนนั้นเอง พระสันตะปาปาอาโดเซียสได้ทำการตรากฎหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง ซึ่งกฎหมายฉบับนั้น จะมีลักษณะเป็นบทบัญญัติ ในการคุ้มครองสัตว์ยากไร้ ซึ่งไม่ว่าจะใครก็ตาม ที่ทำการกดขี่ข่มเหงเหล่าบรรดาสัตว์ทุกชนิด คนผู้นั้นก็จะต้องได้รับ บทลงโทษสถานหนัก ในแบบที่ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
ต่อมา กฎหมายคุ้มครองสัตว์ฉบับนี้ ก็ถูกทางคริสตจักรของสำนักวาติกัน ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ บรรดาผู้คนที่แห่เข้ามาอ่าน ในเนื้อหาของกฏหมาย ที่ทางคริสตจักรประกาศใช้ ต่างก็พากันเกรงกลัว ในบทลงโทษที่รุนแรงของตัวกฏหมาย และนับตั้งแต่นั้นมา ผู้คนมากมายก็ได้ให้ความสำคัญและรับเอาสัตว์ที่ไม่มีคนดูแล ไปทำการอุปการะและดูแลกันมากขึ้น
ส่วนเจ้าไลท์ อดีตที่เคยเป็นสุนัขข้างทาง ก็ใช้ชีวิต อยู่ภายในโบสถ์แห่งนั้นกับบาทหลวงเอดีน ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนจะสุขสบาย ภายใต้การดูแลของพระเจ้า อย่างสุขสงบ ซึ่งถือเป็นชีวิตที่ไลท์ใฝ่ฝันมาตลอด เพราะเมื่อครั้งที่ยังเป็นสุนัขจรจัด ไลท์ก็ตั้งความปรารถนาว่าตนอยากจะมีชีวิตที่สุขสงบ ในช่วงบั้นปลาย
ก่อนจะนอนทุกคืน บาทหลวงเอดีนก็มักจะเล่าเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ ให้ไลท์ฟังอยู่เสมอ จนในเวลาต่อมา ไลท์ก็รู้สึกศรัทธาและเกิดความเลื่อมใสต่อพระเจ้า
เรื่องราวนี้สอนให้รู้ว่ากว่าที่คนๆหนึ่ง จะพบเจอกับความสุขและแสงสว่างปลายทางของชีวิต ช่วงชีวิตของเขาก่อนหน้านั้น เขาก็เคยผ่านความยากลำบากในชีวิตมามากมาย กว่าที่เขาจะได้พบกับความสุขในปลายทาง อย่างแท้จริง
เหมือนกับไลน์สุนัขในเรื่องๆนี้ กว่าที่สุนัขอย่างเขา จะได้พบกับความสุขในชีวิต เจอคนที่รักเขาจริงๆ ก่อนหน้านั้น เขาก็เจอผู้คนที่ต่างรังเกียจและข่มเหงเขา แบบไร้มนุษยธรรมไม่ใช่น้อยๆ จนสุดท้าย เขาก็ได้มาเจอบาทหลวงเอดีน คนที่รักเขาอย่างแท้จริง คนที่ให้ความสุขกับเขาได้ในทุกวินาที คนที่ให้ที่พักอาศัยและอาหารกับเขา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา