13 ธ.ค. เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

‘Xiaomi’ ผงาด! หุ้นทะยาน 105% ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการอีวี ท้าชน BYD และ Tesla

‘เสียวหมี่’ ผงาดขึ้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการอีวี ราคาหุ้นพุ่งขึ้นราว 105% นับตั้งแต่ต้นปี ด้วยกลยุทธ์ที่เฉียบคมและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ทำให้สามารถตีตลาดได้อย่างรวดเร็วและแซงหน้าคู่แข่งรายสำคัญได้
1
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “เสียวหมี่” กำลังก้าวกระโดดอย่างน่าทึ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีแนวโน้มแตะ “ระดับสูงสุดใหม่” ในเร็ววันนี้ ความสำเร็จสืบเนื่องจากการที่ Xiaomi สามารถบุกตลาดรถอีวีที่แข่งขันสูงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นการทำซ้ำความสำเร็จที่เคยสร้างไว้ในตลาดสมาร์ทโฟนมาก่อน
ภายในปีนี้ หุ้นของ Xiaomi พุ่งขึ้นราว 105% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ทิ้งห่างคู่แข่งรายอื่น ๆ ไปอย่างมาก โดย Xiaomi สามารถท้าทายผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอย่าง BYD และ Tesla ได้อย่างแข็งแกร่ง และคาดว่าราคาหุ้นจะยังคงเติบโตต่อไปเมื่อ Xiaomi เตรียมเปิดตัวรถอีวีสปอร์ต แบบอเนกประสงค์รุ่นใหม่ในช่วงฤดูร้อนนี้
ซูหยวน เฟิง รองผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริหารการลงทุนของ Huatai Asset Management ได้ให้ความเห็นว่า “Xiaomi นั้นเปรียบเสมือนม้ามืดในวงการรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อเหล่ย จุน ซีอีโอ Xiaomi ประกาศการลงทุนมหาศาล 10,000 ล้านดอลลาร์สู่ตลาดนี้ หลายคนต่างไม่ค่อยเชื่อมั่นและมองว่าเป็นการเดิมพันที่เสี่ยง เนื่องจากตลาดอีวีมีการแข่งขันที่สูงมาก”
Xiaomi ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่ง รายงานการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่งกว่าคาดสำหรับไตรมาสเดือนกันยายน โดยธุรกิจ EV ใหม่คิดเป็นประมาณ 10% ของรายได้รวมของบริษัท บริษัทสามารถเจาะตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถทางการตลาดและการดึงดูดใจที่แข็งแกร่ง
Xiaomi คาดการณ์ว่า จะส่งมอบรถยนต์ซีดาน SU7 จำนวน 130,000 คันในปีนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นถึงสองครั้ง รถยนต์รุ่นนี้มีให้เลือก 9 สี และมาพร้อมกับฟังก์ชันการขับขี่อัจฉริยะและระบบความบันเทิงที่เชื่อมต่อ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขายรวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในปี 2568 ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ SUV รุ่น YU7
“ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi อาจแซงหน้าสมาร์ทโฟนในฐานะตัวขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขายหลักบริษัทในปี 2568” สตีเวน ซง นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence กล่าว “การเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอาจพุ่ง 137% ในปี 2568 เนื่องจากความนิยมของรถยนต์ขนาดใหญ่ในจีนและการเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงาน EV แห่งที่สอง”
ด้วยการแข่งขันดุเดือดและยังคงเติบโตต่อเนื่อง มีผู้แข่งขันรายใหม่เข้ามา รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Huawei Technologies นักวิเคราะห์ของ Macquarie Group Ltd. คาดว่า Xiaomi อาจสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้นด้วย YU7 ซึ่งคาดว่าจะมีราคาอยู่ที่ 250,000-330,000 หยวน (ราว 1.1 – 1.5 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม การที่ Xiaomi ถูกสหรัฐเพิ่มเข้าบัญชีดำในช่วงสั้นๆ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ แม้ว่านักวิเคราะห์ประเมินว่า ผลกระทบจากภาษีศุลกากรในสมัยทรัมป์ 2.0 จะไม่รุนแรงนัก เนื่องจาก Xiaomi มีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐค่อนข้างน้อย แต่การจัดหาชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์อเมริกันอาจได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ มีอีกความกังวลหลังจากการพุ่งขึ้นอย่างมากของหุ้น Xiaomi คือ ในปัจจุบันหุ้นซื้อขายกันที่ประมาณ 27 เท่าของประมาณการกำไรล่วงหน้า สูงกว่าค่ามัธยฐานในห้าปีที่ 21 เท่า
โฆษณา