13 ธ.ค. เวลา 11:42 • ไลฟ์สไตล์
Lucky Star-ลัคกี้ สตาร์

lucky star ร้านแล้วแต่ดวง

บอกเลยสมัยนี้ ร้านคีบตุ๊กตาระบาดไปทุกสถานที่ ไม่เว้นแม้แต่เขตลาดพร้าวสกาวใจของผมที่ ไม่นานมานี้อยู่ดีๆ ร้านอาหารที่ปิดตัวไปตอนโควิด ก็ได้มีการก่อสร้าง อาคารอะไรซักอย่างที่ผมมองว่าเหมือนโกดังเก็บของที่มีป้ายประกาศรับสมัครงานก่อนหน้านี้มาสักพัก
ไม่นานหลังจากนั้นหัวมุมตรงถนนนาคนิวาส ก็กลายเป็นร้านคีบตุ๊กตาตั้งตระหง่าน ยิ่งใหญ่อลังการ ไปซะแล้ว
ร้านใหญ่อยู่นะ
ร้านนี้ไม่เชิงว่าเป็นร้านคีบตุ๊กตาร้อยเปอเซ็นต์ เพราะเหมือนจะทีส่วนหนึ่งขายของกิ๊ฟชอปด้วย คนส่วนใหญ่ที่มาจะเป็นวัยรุ่นมากกว่าเด็กๆ อีกนะ แต่ก็มีส่วนที่ให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมด้วย เช่นม้าโยก สำหรับเด็ก 2-5 ขวบเป็นต้น เพราะเด็กขนาดนี้จะไม่สามารถเล่นตู้คีบได้ ผู้ปกครองก็จะพาบุตรหลาน มาเล่นเครื่องเล่นนี้แทน
โดยปกติวิสัย ร้านคีบตุ๊กตาก็ต้องมีเครื่องแลกเหรียญ จำได้ว่าสมัยผมเป็นเด็กเครื่องแลกเหรียญยังไม่มี ต้องอาศัยพนักงานคอยนั่งแลกเหรียญให้ แต่ปัจจุบันมีเครื่องแลกเหรียญแล้ว แต่ก็ยังมีการจ้างเครชเชียร์หน้าร้าน และพนักงานสำหรับเอาตุ๊กตาเข้าตู้อยู่ ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นวัยรุ่น
มีตุ๊กตาล่อใจเสียเหลือเกิน
สำหรับผมว่าถ้าไม่เยอะเกินไปการพาลูกมาเล่นตู้คีบตุ๊กตาก็อาจจะเป็นการฝึกทักษะการคิด การใช้มือ การตัดสินใจ ใดๆ ก็คือใดๆ อะไรที่มันมากไปก็คงไม่ได้ เพราะการมาเล่นเครื่องเล่นแบบนี้แบบทั้งวัน มันก็คิดการมอมเมาเยาวชนดีๆ นี้เอง
เกือบลืมไปว่านอกจากน้องตุ๊กตาแล้ว ยังมีพวกเครื่องดื่ม ของใช้ในครัวเรือนเช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน ให้เราเลือกคีบด้วยนะ
กฎหมายใหม่ออกมา ไม่นานมานี้ก็เปิดโอกาสให้พวกนี้สามารถที่จะเปิดร้านคีบตุ๊กตาได้อย่างเปิดเผย ไม่เหมือนเมื่อก่อนมักจะแอบอยู่ตามร้านเกมในห้างใหญ่ๆ ตอนนี้แค่ติดราคาสินค้า แล้วก็ตั้งค่าว่าหากถึงเป้าหมายราคาสินค้าแล้วจะต้องคีบได้ก็ผ่านแล้ว แถมยังสามารถตั้งราคาได้ตามใจเสียด้วย
น่าแปลกใจที่สังเกตมาคือร้านนี้มักจะมีการลงทุนด้วยนักลงทุนชาวจีน มากกว่าที่จะเป็นการลงทุนด้วยคนไทย
อุ้ย ร้านข้างๆ คือไรอะ
ปล. ดีนะว่าร้านข้างๆ เป็นร้านเหล้า สายหงส์แดง (ไม่ใช่หงส์ทองนะจ๊ะ) ระหว่างรอเด็กๆ ไปเล่นเกมที่เครื่องคีบตุ๊กตานี้บุพการีคนนี้ก็ขอเข้าไปนั่งในร้านนี้รอก็แล้วกัน อิอิ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ก็จบแบบ วินๆ ก็แล้วกัน
โฆษณา