⚠️ ภาวะเงินฝืดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในจีนส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไร 🇨🇳🔛🌏
.
ภาวะเงินฝืดในจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก 🇨🇳 กำลังแก้ยากขึ้นเรื่อยๆ ราคาสินค้าและบริการลดลงต่อเนื่องมา 6 ไตรมาสแล้ว และถ้าลดลงอีกในไตรมาสหน้า ก็จะเท่ากับสถิติเงินฝืดที่ยาวนานที่สุดในช่วงวิกฤตการเงินเอเชียปลายทศวรรษ 1990
รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดการลดลงของราคา โดยใช้ถ้อยคำที่ชัดเจนที่สุดในรอบหลายปี เพราะจีนกำลังเตรียมรับมือกับสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ 🇺🇸 ซึ่งเขาเคยประกาศว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนถึง 60% ซึ่งจะส่งผลเสียอย่างมากต่อการค้าระหว่างสองประเทศ ⚔️
📌 เงินฝืดคืออะไร?
เงินฝืดคือภาวะที่ราคาสินค้าและบริการลดลงทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ ⬇️ อย่าสับสนกับภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง (disinflation) ซึ่งหมายถึงราคายังคงเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ที่อัตราการเติบโตของราคาสินค้าลดลงอย่างมากตั้งแต่กลางปี 2022 (เงินฝืดจะใช้คำว่า Deflation)
🤔 ทำไมจีนถึงเกิดภาวะเงินฝืด?
เมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และประเทศใหญ่อื่นๆ ฟื้นตัวหลังจากการระบาดของโควิด-19 ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการที่อัดอั้นมานาน ประกอบกับสินค้าขาดตลาด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในจีนกลับไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนแอ และภาวะซบเซาของอสังหาริมทรัพย์ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ผู้คนจึงไม่กล้าซื้อสินค้าที่มีราคาสูง
การควบคุมกฎระเบียบที่เข้มงวดในอุตสาหกรรมที่มีรายได้สูง เช่น เทคโนโลยีและการเงิน ทำให้เกิดการเลิกจ้างและลดเงินเดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่าย นโยบายผลักดันการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้มีการผลิตมากขึ้น แต่ความต้องการสินค้ากลับอ่อนแอ ทำให้ธุรกิจต้องลดราคา ️
🔻การที่ราคาสินค้าลดลงนั้นแย่ตรงไหน?
ในตอนแรก ราคาที่ถูกลงดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้คนจะกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม พวกเขาอาจจะชะลอการซื้อสินค้าที่มีราคาสูง โดยหวังว่าราคาจะลดลงอีก ⏳ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจซบเซาลงไปอีก กดดันรายได้ และอาจส่งผลให้การใช้จ่ายลดลงอีกและต้องลดราคาลงไปอีกกลายเป็นวงจรที่วนลูปไปเรื่อยๆ
เงินฝืดยังเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (อัตราดอกเบี้ยหักลบกับเงินเฟ้อ) ทำให้ธุรกิจกู้เงินลงทุนยากขึ้น ซึ่งจะลดความต้องการและทำให้เกิดเงินฝืดมากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์บางคนเชื่อว่า "เงินฝืดจากหนี้" สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือเศรษฐกิจตกต่ำได้ เนื่องจากผู้คนผิดนัดชำระหนี้และธนาคารได้รับผลกระทบ ⚠️
🆘 ทำไมเงินฝืดในจีนถึงแก้ยาก?
.
ในอดีต รัฐบาลจีนเคยใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการกระตุ้นทางการคลังขนาดใหญ่เพื่อแก้ไขปัญหาเงินฝืด แต่หลังจากการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลกลับระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากกังวลเรื่องหนี้สินที่เพิ่มขึ้น
รัฐบาลไม่ต้องการกลับไปใช้วิธีเดิมๆ เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต้องการผลักดันเศรษฐกิจไปสู่แหล่งรายได้ใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด และนักลงทุนยังคงมองเศรษฐกิจในแง่ลบ
📣 จีนทำอะไรไปแล้วบ้างและได้ผลอย่างไร❓
ธนาคารกลางของจีนได้ลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นความต้องการ รัฐบาลพยายามฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยผ่อนปรนข้อจำกัดในการซื้อ ลดอัตราการวางเงินดาวน์ และลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ️
ธนาคารได้รับคำสั่งให้ปล่อยสินเชื่อให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างโครงการที่หยุดชะงักให้เสร็จสมบูรณ์ ในขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นได้รับการกระตุ้นให้ซื้ออพาร์ตเมนต์ที่ขายไม่ออกและเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัยของรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้แจกเงินสดให้ผู้บริโภคโดยตรง แต่ก็ได้ให้เงินอุดหนุนสำหรับการซื้อรถยนต์และเครื่องใช้ในบ้าน และให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวที่มีรายได้น้อยและนักศึกษา
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในช่วงปลายเดือนกันยายน รวมถึงโครงการมูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดการหนี้สิน มาตรการเหล่านี้ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ นักเศรษฐศาสตร์มองว่ายังไม่เพียงพอที่จะพลิกแนวโน้มของราคาที่ลดลง เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยยังคงอ่อนแอและความเชื่อมั่นยังคงต่ำ
🛍️ สิ่งเหล่านี้มีความหมายอย่างไรต่อนักลงทุนต่างชาติ?
นักลงทุนในตลาดหุ้นจีนมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากกำไรที่ลดลงของบริษัทจีนบางแห่ง ผู้ผลิตรถยนต์หรูและแบรนด์หรูจากต่างประเทศมียอดขายลดลงในจีน เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย อย่างไรก็ตามตลาดพันธบัตรได้รับผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำมีความน่าสนใจมากขึ้นจากความคาดหวังของการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมากโดยธนาคารกลางของจีน เงินฝืดในจีนอาจช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในส่วนอื่น ๆ ของเศรษฐกิจโลกได้เช่นกัน
🎯 ดังนั้นแล้ว เพื่อนๆคงจะพอเห็นภาพกันนะคะว่าทำไมปัญหาเศรษฐกิจของจีนรอบนี้ถึงแก้ได้ยาก และแก้ไม่หายซักที เราจึงเห็นกันอยู่ตลอดๆว่าธนาคารกลางยอมให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้ และจะไม่อยากให้เกิดภาวะเงินฝืดค่ะ เพราะภาวะเงินฝืดคือปัญหาที่แก้ยากมากๆ โดยญี่ปุ่นเกิดปัญหานี้ไปแล้ว และใช้เวลาแก้ถึง 30 ปีด้วยกัน
คราวนี้อยู่ที่รัฐบาลจีนและสี จิ้นผิง แล้วว่าจะใช้เวลาแก้นานแค่ไหน เพราะปัญหามีความคล้ายกันหลายอย่าง เช่น ฟองสบู่อสังหาฯแตก ฟองสบู่ตลาดหุ้นแตก เกิดภาวะเงินฝืด และสังคมผู้สูงอายุ เราได้แต่หวังว่าคงไม่ใช้เวลาถึง 30 ปี… หรอกมั้ง 😅
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
