14 ธ.ค. เวลา 05:20 • ข่าว

ฟัง 2 มุม กรณี รพ.มงกุฎวัฒนะปิดรับส่งต่อ OPD จากทุกคลินิก อ้าง สปสช.ค้างจ่ายเงิน

กลายเป็นที่กังวลของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่เขตหลักสี่ ซึ่งบริเวณนั้นมีโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง อย่าง รพ.มงกุฎวัฒนะที่รับดูแลผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพหรือบัตรทอง 30 บาท ซึ่งล่าสุด นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้ออกมาโพสต์ข้อความโพสต์ผ่านเพจ "เหรียญทอง แน่นหนา" ระบุว่า
ด่วนที่สุด! ได้โปรดแชร์ถึงผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกต่างๆ ที่ส่งต่อมายัง รพ.มงกุฎวัฒนะ ว่า รพ.มงกุฎวัฒนะมีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการรับส่งต่อผู้ป่วยนอก กรณี OP-REFER จากทุกคลินิกที่ส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่ว่าจะมีใบส่งตัวหรือไม่มีใบส่งตัวตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ วันศุกร์ที่ 13 ธ.ค.67 เป็นต้นไป
การหยุดให้บริการรับส่งต่อผู้ป่วยนอก กรณี OP-REFER นี้เป็นไปตามที่ผมได้ประกาศให้ทราบทั่วกันตั้งแต่ ต.ค.67 แล้ว และ สปสช.โดยคณะทำงานได้ยืนยันว่าจะจ่ายหนี้ค้างจ่ายกรณี OP REFER ที่คลินิกคู่สัญญาของ สปสช ส่งต่อผู้ป่วยมายัง รพ.มงกุฎวัฒนะ ภายในสิ้นเดือน พ.ย.67
แต่ สปสช. ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายหนี้ค้างจ่ายกรณี OP REFER ที่คลินิกคู่สัญญาของ สปสช ส่งต่อผู้ป่วยมายัง รพ.มงกุฎวัฒนะ จำนวนเกือบ 14 ล้านบาทได้ ทั้งนี้ยังไม่นับรวมจากการที่ สปสช ไม่ยอมจ่ายค่าแพทย์ในการตรวจรักษาผู้ป่วยกรณี OP REFER ตั้งแต่ 1 มี.ค.67 จนถึงปัจจุบันอีกเป็นจำนวนมากกว่า 30 ล้านบาท รวมจำนวนหนี้ค้างชำระกรณี OP REFER ที่คลินิกคู่สัญญาของ สปสช ส่งต่อผู้ป่วยมายัง รพ.มงกุฎวัฒนะ มากกว่า 44 ล้านบาท (ประมาณ 50 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน)
หาก รพ.มงกุฎวัฒนะยังปล่อยให้บริการรับส่งต่อผู้ป่วยนอก กรณี OP-REFER นี้ต่อไป รพ.มงกุฎวัฒนะจะไม่สามารถอยู่รอดได้ เนื่องจาก รพ.มงกุฎวัฒนะเคยประสบปัญหาในลักษณะนี้ จำนวนหนี้ 13.2 ล้านบาทเศษ เมื่อ ปี พ.ศ.2563 จนต้องฟ้องศาลปกครอง แต่ศาลปกครองก็หาได้มีความคืบหน้าให้ความเป็นธรรมแก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ
ดังนั้นตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ วันศุกร์ที่ 13 ธ.ค.67 เป็นต้นไป ผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกต่างๆที่ส่งตัวมารักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ จะต้องจ่ายเงินเองจนกว่า สปสช.จะเคลียร์หนี้สินทุกรายการจากกรณี OP REFER ตามที่ สปสช โดยคณะทำงานตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อต้นเดือน พ.ย.67 ที่ผ่านมา
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและประชาสัมพันธ์ถึงผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทราบทั่วกันด้วย
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
12 ธ.ค.67 เวลา 21.12 น.
หมายเหตุ ยกเว้นกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็ง , โรคไตวายเรื้อรัง และโรคเอดส์ ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะจะยังคงให้บริการตรวจรักษา เนื่องจากเป็นกรณีโรคร้ายแรงที่มีมูลนิธิ มวรร เข้าให้การช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ
จากโพสต์ดังกล่าวทำให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้ป่วยเกิดความกังวลในการเข้ารับบริการการรักษา ซึ่งที่ผ่านมามักมีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องถึงปัญหาระหว่าง รพ.มงกุฎวัฒนะ และ สปสช. โดยเฉพาะในเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ
คราวนี้มาลองฟังข้อมูลอีกมุมหนึ่งจากทาง สปสช.บาง ซึ่งล่าสุดได้ออกมายืนยันว่า ไม่ได้ติดหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ มีงบประมาณพร้อมจ่าย แต่อยู่ระหว่างคดี ทำให้ไม่สามารถจ่ายได้ ส่วนงบส่งต่อผู้ป่วยอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยคลินิกเอกชน จะแล้วเสร็จภายใน 31 ธ.ค.นี้ หลังตรวจสอบเสร็จจึงจะสามารถจ่ายได้
แต่เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง สปสช.ได้โอนเงินล่วงหน้าให้ รพ.มงกุฎวัฒนะแล้ว 60 ล้านบาท ตั้งแต่ 6 พ.ย. โดยปี 66-68 สปสช.โอนเงินให้ รพ.มงกุฎวัฒนะไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท มีโรงพยาบาลรองรับส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิกแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. ออกมากล่าวว่า สปสช. ยืนยันว่ามีงบประมาณสำหรับจ่ายให้โรงพยาบาล แต่เนื่องจากกรณีของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก คือ เงินจำนวน 13.2 ล้านบาทนั้น เป็นหนี้ค้างชำระจากคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่ง รพ.มงกุฎวัฒนะเป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อให้คลินิกดังกล่าว แต่คลินิกถูก สปสช. ยกเลิกสัญญา จากสาเหตุการเบิกจ่ายงบประมาณไม่ถูกต้อง เมื่อปี 2563 จึงทำให้คลินิกสิ้นสภาพการเป็นหน่วยบริการคู่สัญญากับ สปสช. และไม่ได้รับงบเหมาจ่ายรายหัวที่ สปสช. จัดสรรอีก จึงทำให้ไม่มีเงินรายรับสำหรับการหักเพื่อจ่ายกรณีส่งต่อผู้ป่วยได้
"มีโรงพยาบาลที่รับส่งต่อจำนวนหนึ่งประสบกับเหตุการณ์ในกรณีนี้เช่นเดียวกัน และเรื่องนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทางคดี สปสช. จึงไม่สามารถจ่ายเงินตรงนี้ได้ และตามกฎหมาย สปสช. ไม่มีอำนาจในการนำเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปทดรองจ่ายหนี้ของคลินิกเอกชนให้โรงพยาบาลรับส่งต่อได้" ทพ.อรรถพรกล่าว
ส่วนที่ 2 คือ เงินจากการส่งต่อผู้ป่วยกรณี OP-Refer จากคลินิก สาเหตุที่ยังค้างจ่ายอยู่ เนื่องจากอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลผู้ป่วยนอกในพื้นที่ กทม. เนื่องจากคลินิกเอกชนได้ร้องขอตรวจสอบข้อมูลการจ่าย ทั้งการจ่าย OP Refer และ OP Fee Schedules จำนวน 5,516,644 รายการ มูลค่า 2,138.88 ล้านบาท และข้อมูล CR 315,133 รายการ มูลค่า 1,247.76 ล้านบาท
ซึ่งคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขต (อปสข.) กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 มีมติให้ สปสช.ชะลอการจ่ายงบ OP Refer และ งบ CR ตั้งแต่งวดที่ 2 ของเดือนกรกฎาคม 2567 จนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางคลินิกเอกชนยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ มติที่ประชุม อปสข. กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 จึงเห็นชอบให้ขยายเวลาการตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่ายกรณีผู้ป่วยนอกในเขตพื้นที่ กทม.ถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2567 กรณีไม่แล้วเสร็จให้ สปสช. ตรวจผลการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ เมื่ออยู่ระหว่างการตรวจสอบ จึงไม่สามารถจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลรับส่งต่อได้ แต่เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องของโรงพยาบาล คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้หารือเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 และมีมติเห็นชอบการจ่ายเงินล่วงหน้าให้กับโรงพยาบาล (Prepaid) เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง หลังจากบอร์ดมีมติ อีก 2 วัน สปสช. ได้โอนเงินให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ จำนวน 60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ไปแล้ว
ในปี 2566 สปสช. ได้โอนเงินให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ จำนวน 649 ล้านบาท ปี 2567 จำนวน 696 ล้านบาท และปี 2568 ได้โอนไปแล้ว 226 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 1,571 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่ รพ.มงกุฎวัฒนะประกาศว่าจะหยุดให้บริการรับส่งต่อผู้ป่วยนอก กรณี OP-Refer จากทุกคลินิกที่ส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไปนั้น เพื่อไม่เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วยทาง สปสช. ได้ประสานโรงพยาบาลที่สามารถรับผู้ป่วยดังกล่าวเพื่อรักษาต่อไป ได้แก่ รพ.จุฬาภรณ์ และ รพ.แพทย์ปัญญา โดยผู้ป่วยที่มีใบส่งตัวและมีนัดรักษาต่อที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ขอให้ผู้ป่วยโทร.ประสานสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อประสานการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งต่อไป
ในวันนี้ได้ประสานเพื่อรับการรักษาแล้วประมาณ 40 ราย และสำหรับคลินิกชุมชนอบอุ่นที่เดิมต้องส่งต่อมารักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ขอให้ประสาน สายด่วน สปสช. 1330 เช่นกัน ทาง สปสช.จะเป็นผู้ประสานหาโรงพยาบาลรับส่งต่อผู้ป่วยต่อไป
“สปสช.ขอขอบคุณผู้บริหารและบุคลากรโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งเป็นอย่างยิ่งที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว และ สปสช. อยู่ระหว่างประสานโรงพยาบาลอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อรับส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิก” ทพ.อรรถพร กล่าว
โฆษณา