14 ธ.ค. เวลา 10:13 • การเมือง

“สงครามซีเรีย” และ “การโค่นอำนาจอัสซาด”

ความจริงอีกมุมจากปากของ “ซีมัวร์ เฮิร์ช” ผู้เคยสัมภาษณ์ตรงกับอัสซาด
“ซีมัวร์ เฮิร์ช” นักข่าวอเมริกันรุ่นเก๋าเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ ผู้เปิดโปงเหตุการณ์สำคัญต่างๆในอดีตและอัพเดทในปัจจุบัน โด่งดังจากการเปิดโปงเรื่อง “การก่อวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมของอเมริกา” ได้ลงบทความล่าสุดของเขาบน Substack เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2024 ชื่อว่า “THE FALL OF BASHAR ASSAD” [1]
1
บทความนี้เนื้อหาแบบเต็มได้ถูกล็อคไว้เฉพาะผู้ที่ใช้งานแบบจ่ายเงินบนแพลตฟอร์ม Substack อย่างไรก็ตามทางเพจได้อ่านและสรุปประเด็นสำคัญจากทั้งบทความของเฮิร์ชฉบับดังกล่าวไว้ดังนี้
เครดิตภาพ: Dia Images / ABACA / ZUMA
เริ่มแรกเฮิร์ชเล่าประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่เขาเคยได้พบพูดคุยส่วนตัวกับ “บาชาร์ อัล-อัสซาด” ที่ซึ่งหลายคนเรียกเขาว่าผู้นำเผด็จการของซีเรีย โดยเขาได้ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2003 เมื่อรัฐบาลของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช และ ดิก เชนีย์ ตอบโต้การโจมตีนิวยอร์กและวอชิงตันของ โอซามา บิน ลาเดน ในวันที่ 11 กันยายน 2001 (เหตุการณ์ 9/11) ด้วยการทิ้งระเบิดกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก
เฮิร์ชเล่าว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมันดูย้องแย้งเพราะว่า การตอบโต้ของอเมริกาต่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายอิสลามิสต์ด้วยการทิ้งระเบิดในเมืองหลวงของอิรัก ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้นำคือ ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าซัดดัมไม่ชอบและเป็นศัตรูกับพวกกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์ด้วยซ้ำไป โดยอเมริกาในตอนนั้นได้คัดเลือกนักข่าวจำนวนหนึ่งให้เข้าไปรายงานข่าวในอิรัก คือต้องได้รับอนุญาตจากกองทัพด้วยถึงจะเข้าไปได้
ในคืนวันที่ 18 มิถุนายน 2003 ขณะที่ซัดดัมหลบซ่อนตัว และสงครามกำลังอยู่ในช่วงที่เป็นเฟสการกวาดล้าง กองกำลังพิเศษของสหรัฐฯ ได้ยิงถล่มบริเวณชายแดนอิรักฝั่งซีเรีย ชาวซีเรียที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนน้ำมันซึ่งไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายหรือพ่อค้าลักลอบขนอาวุธร้ายแรงแต่อย่างใดถูกสังหารไปหลายสิบคน รัฐบาลซีเรียเลือกที่จะไม่ร้องเรียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งได้รับการปกปิดไว้ จนเมื่อเฮิร์ชสืบสวนและบังเอิญไปพบเรื่องนี้ในวอชิงตันในขณะที่ทำงานให้กับเดอะนิวยอร์กเกอร์
มีคนในซีไอเอบอกเฮิร์ชว่า ซีเรียซึ่งนำโดยบาชาร์ อัล อัสซาด บุตรชายของฮาเฟซ อัล อัสซาด ซึ่งร่วมมือกับ “เฮนรี คิสซิงเจอร์” ในสมัยรัฐบาลของนิกสัน ได้กลายเป็นแหล่งข่าวกรองที่ดีที่สุดแหล่งหนึ่งของสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับกลุ่มอัลกออิดะห์ แต่ซีเรียกลับตกอยู่ในรายชื่อประเทศผู้ก่อการร้ายของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐตั้งแต่ปี 1979 และรัฐบาลบุชถือว่าซีเรียเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้าย
2
เครดิตภาพ: (ซ้าย) AFP Photo via Getty Images (ขวา) David Furst/Pool/AFP via Getty Images
  • เฮิร์ชเคยพบและคุยกับอัสซาด
เฮิร์ชได้มีโอกาสเข้าไปทำข่าวเจาะลึกในซีเรียโดยผ่านคนกลางอย่าง “ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์” อดีตหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ถูกอิสราเอลโจมตีสังหารไปในปีนี้ เป็นคนติดต่อประสานงานให้เขาเดินทางข้ามพรมแดนจากเลบานอนเข้าไปยังซีเรีย นั่งรถไม่ไกลก็ถึงกรุงดามัสกัสซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ก่อนวันที่เฮิร์ชจะได้เข้าสัมภาษณ์อัสซาดนั้น เขาได้รับเชิญให้ไปพบกับ คาลิด มาชาล หัวหน้าสำนักงานฮามาสในกรุงดามัสกัส ในตอนนั้นฮามาสเพิ่งถูกขับไล่ออกจากจอร์แดน และอัสซาดก็ให้ที่พักชั่วคราวพวกเขาที่นั่น ตอนนั้นเขารู้เรื่องเกี่ยวกับฮามาสน้อยมาก แต่ก็ได้รู้ข้อมูลหลายอย่างจากมาชาลในวันนั้น ล่าสุดมาชาลถูกตั้งให้เป็นหัวหน้าโดยพฤตินัยของกลุ่มฮามาสที่เหลืออยู่ในตอนนี้
ในที่สุดเฮิร์ชก็ได้พบกับอัสซาดที่สำนักงานของเขาซึ่งอยู่ใจกลางเมืองดามัสกัส เฮิร์ชรับรู้ถึงข้อมูลรั่วไหลที่เชื่อถือได้ซึ่งอัสซาดเคยส่งให้ซีไอเอ ซึ่งรวมถึงเอกสารหลายร้อยฉบับเกี่ยวกับสมาชิกและความเคลื่อนไหวของกลุ่มอัลกออิดะห์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีค่าอย่างยิ่ง เขายังรู้ด้วยว่าหน่วยข่าวกรองของซีเรียมีเอกสารหลายร้อยฉบับเกี่ยวกับกลุ่มชายที่เข้าร่วมในการโจมตี 9/11 และมีเอกสารจำนวนมากเกี่ยวกับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมการโจมตีดังกล่าว
1
เครดิตภาพ: Reuters / AP
หน่วยข่าวกรองของอัสซาดยังเคยเตือนสหรัฐถึงการโจมตีด้วยระเบิดของกลุ่มอัลกออิดะห์ที่จะเกิดขึ้นที่กองบัญชาการกองเรือที่ 5 ของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่บาห์เรน อัสซาดไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนั้นเพราะเฮิร์ชคิดว่าเป็นข่าวกรองที่เพิ่งได้รับมาใหม่
1
ภายใต้แรงกดดันจากซีไอเอ อัสซาดได้บอกชื่อสายลับคนสำคัญที่สุดของรัฐบาลของเขาที่แทรกซึมในกลุ่มอัลกออิดะห์แก่สหรัฐฯ โดยมีเงื่อนไขว่าซีไอเอจะไม่ติดต่อเขาโดยตรงเพื่อขอให้ร่วมงานด้วย แน่นอนว่าซีไอเอได้ติดต่อไปแล้ว โดยสันนิษฐานว่าใช้เงินก้อนโต แหล่งข่าวจากซีเรียปฏิเสธความพยายามซื้อตัวสายลับของสหรัฐฯ และตัดการติดต่อกับหน่วยข่าวกรองซีเรียอย่างโกรธเคือง
1
แต่เฮิร์ชก็ประหลาดใจที่อัสซาดเต็มใจช่วยให้สหรัฐฯ เอาชนะอัลกออิดะห์ได้ เขายังได้รู้อีกว่าอิสราเอลได้รับข้อมูลที่อัสซาดเผยให้แล้ว แต่ก็ยังคงมีความสงสัยอยู่ นักการทูตอาวุโสของอิสราเอลคนหนึ่งบอกกับเขาว่าหากอัสซาดรู้เกี่ยวกับอัลกออิดะห์มากเท่าที่เขาอ้าง เขาก็ต้องรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีในเหตุการณ์ 9/11 แต่อัสซาดไม่ส่งสัญญาณเตือนใดๆ
เฮิร์ชมีพูดคุยสัมภาษณ์กับอัสซาดอีกสองสามครั้งในขณะที่สงครามอิรักกำลังดำเนินไป และอเมริกาก็หมกมุ่นอยู่กับการตามล่าหาอาวุธทำลายล้างสูงที่บางคนในวอชิงตันเชื่อว่าซัดดัม ฮุสเซนได้ซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งในอิรัก
ในทางหนึ่งเฮิร์ชก็ได้รับรู้ถึงความเกลียดชังและดูถูกอย่างรุนแรงที่ชาวซีเรียจำนวนมากมีต่ออัสซาด รับรู้ดีถึงความยากลำบากในชนบทนอกกรุงดามัสกัส แต่ทว่ามันเป็นเรื่องในประเทศของซีเรียที่เขาไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ ความกังวลของเฮิร์ชเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ระหว่างประเทศเสียมากกว่า
1
เพื่อนของเฮิร์ชเล่าให้เขาฟังว่า คนซีเรียเกลียดอัสซาดที่ไม่ยอมหยุดยั้งการทุจริตที่แพร่หลายในครอบครัวของเขา รวมถึงการจำคุกและการปฏิบัติต่อผู้เห็นต่างอย่างโหดร้าย
1
เฮิร์ชเคยถามตรงๆ กับอัสซาดหลายครั้งเกี่ยวกับการทุจริตของครอบครัวเขา และเขาก็บ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเขาไม่สามารถหยุดยั้งลุงและลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ต้องการเงินอย่างไม่รู้จักพอได้ (ยอมรับว่าจริง แต่ห้ามไม่ได้) ส่วนเรื่องการจำคุกผู้เห็นต่าง เขาก็อธิบายอ้างว่าเขาเข้าแทรกแซงหน่วยงานความมั่นคงภายในอย่างต่อเนื่องเพื่อลดระยะเวลาการจำคุกและการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมในเรือนจำ
เครดิตภาพ: AP, Aref Tammawi / AFP
ซีเรียภายใต้อัสซาดถูกโจมตีอย่างถาโถม เช่น ข้ออ้างของอิสราเอลที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าอัสซาดมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการลับในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์และกำลังเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในเครื่องปฏิกรณ์เหนือพื้นดินในโรงงานที่อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของดามัสกัสไม่กี่ร้อยไมล์ บริเวณริมแม่น้ำยูเฟรตีส์
1
ในปี 2007 กองทัพอากาศอิสราเอลได้ทำลายโรงงานดังกล่าวในการโจมตีด้วยระเบิดที่รายงานกัน แต่โรงงานดังกล่าวไม่ได้มีเครื่องปฏิกรณ์ แต่เกี่ยวข้องกับการอัพเกรดคลังขีปนาวุธของซีเรีย มีหลายคนที่ยืนกรานว่าไม่ใช่ แต่ในช่วงสิบเจ็ดปีที่ผ่านมามีการรายงานอย่างละเอียดเกี่ยวกับคลังอาวุธเคมีและชีวภาพของซีเรียที่ถูกทำลายภายใต้การเฝ้าระวังของสหประชาชาติ แต่กลับไม่มีคำใดเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของซีเรียเลย หลายคนยังคงเชื่อว่าโรงงานดังกล่าวกำลังเสริมสมรรถนะยูเรเนียมด้วยความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ
สงครามกลางเมืองซีเรียเริ่มขึ้นในปี 2012 ซึ่งอัสซาดรอดมาได้ก็เพราะการแทรกแซงของรัสเซียในปี 2015 ชาวซีเรีย 6 ล้านคนหนีออกจากประเทศ ก่อให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยทั่วทั้งยุโรป ขณะเดียวกันก็ทำให้ชาวอลาไวย์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนาที่อัสซาดนับถืออยู่ก็มีบทบาทมากขึ้นในซีเรีย
มีเรือนจำเพิ่มขึ้นรวมถึงฝ่ายค้านทางการเมืองที่ถูกจับและทรมานก็มากขึ้นเช่นกัน เฮิร์ชได้รับเชิญให้พบกับอัสซาดในการเยือนกรุงดามัสกัสครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปี 2011 ในขณะนั้นมีข่าวลือหนาหูว่าอาจมีการยุติข้อตกลงระหว่างกันของซีเรียกับอิสราเอล (หยุดยิงกันตามแนวชายแดน) ซึ่งวางแผนโดยนายกรัฐมนตรี “เรเซป ทายิป เออร์โดกัน” แห่งตุรกี (ตอนนั้นเออร์โดกันยังเป็นเพียงนายกตุรกี)
อ้างอิงบทความฉบับล่าสุดของ “ซีมัวร์ เฮิร์ช” ที่ชื่อว่า “THE FALL OF BASHAR ASSAD” ได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
แม้จะดูแปลก แต่มีทฤษฎีรับรู้กันว่าซีไอเอให้การสนับสนุนกลุ่มญิฮาดอิสลามิสต์ในการสู้รบในสงครามความขัดแย้งในตะวันออกกลางซ้ำแล้วซ้ำเล่า และกลุ่มญิฮาดนี้ก็เพิ่งโค่นล้มระบอบอัสซาดในซีเรียได้สำเร็จ ซีไอเอช่วยสร้างกลุ่มอัลกออิดะห์ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา โดยเริ่มจากการฝึกฝน จัดหาอาวุธ และจัดหาเงินทุนให้กับกลุ่มมูจาฮิดีนในอัฟกานิสถาน ต่อมา โอซามา บิน ลาเดน หันหลังให้กับสหรัฐอเมริกา [2]
จนถึงปัจจุบันสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนสงครามกับอิรัก (ปี 2003 หลัง 9/11) เลบานอน (สหรัฐอเมริกาให้ทุนและสนับสนุนอาวุธแก่อิสราเอล) ลิเบีย (การทิ้งระเบิดของนาโตในปี 2011) ซีเรีย (ปฏิบัติการของซีไอเอในช่วงทศวรรษ 2010) ซูดาน (สนับสนุนกบฏเพื่อทำลายซูดานในปี 2011) และโซมาเลีย (สนับสนุนการรุกรานเอธิโอเปียในปี 2006)
1
ตามที่ ซีมัวร์ เฮิร์ช ยืนยันตามบทความข้างต้น “ข่าวกรองของอัสซาดต่างหากที่ทำให้สหรัฐอเมริการู้ว่าอัลกออิดะห์จะโจมตีสำนักงานใหญ่ของกองเรือที่ 5 ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาในบาห์เรน”
ปฏิบัติการชื่อว่า Timber Sycamore เป็นโครงการลับมูลค่าพันล้านดอลลาร์ของซีไอเอโดยโอบามาเพื่อโค่นล้มบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยจัดหาเงินทุน ฝึกอบรม และจัดหาข่าวกรองให้กับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงและสุดโต่ง นอกจากนี้ยังใช้ “แผนลับ” เพื่อขนอาวุธจากลิเบีย (ซึ่งถูกนาโตโจมตีในปี 2011) ให้กับกลุ่มญิฮาดในซีเรีย ในปี 2014 เฮิร์ชได้บรรยายถึงปฏิบัติการนี้ในหนังสือของเขาที่ชื่อว่า “The Red Line and the Rat Line” เนื้อหาบางส่วนดังนี้
“ภาคผนวกที่เป็นความลับระดับสูงของรายงานซึ่งไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ ระบุถึงข้อตกลงลับที่บรรลุเมื่อต้นปี 2012 ระหว่างรัฐบาลของโอบามาและเออร์โดกัน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ไม่เป็นทางการ ตามเงื่อนไขของข้อตกลง เงินทุนมาจากตุรกี ซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์ ซีไอเอร่วมกับเอ็มไอ 6 เป็นผู้รับผิดชอบในการขนส่งอาวุธจากคลังอาวุธของกัดดาฟีเข้าไปในซีเรีย” [3]
อ่านบทความน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องซีไอเอกับความวุ่นวายในตะวันออกกลาง เขียนโดย เจฟฟรีย์ แซคส์ นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันชื่อดัง เผยแพร่เมื่อ 12 ธันวาคม 2024 ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
เรียบเรียงโดย Right Style
14th Dec 2024
  • แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Graphic News / FT>
โฆษณา