14 ธ.ค. เวลา 19:27 • กีฬา

ลิเวอร์พูลเสมอฟูแล่ม,อีกเกมที่น่าเสียดายแต่ยังไม่เสียหาย(RECAP)

ลิเวอร์พูลเสมอสองเกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก โดยเกมระหว่างนั้นหายไป 1 นัด เนื่องจากเกมกับเอฟเวอร์ตันถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากปัญหาเรื่องสภาพอากาศ
โดยปกติน่าจะเป็นความเสียหายอย่างหนัก แต่โชคดีในระหว่างนั้น อาร์เซนอลก็สะดุดสองนัดติดต่อกันด้วย ไม่อย่างนั้นสถานการณ์จะกดดันกว่านี้มาก
ด้วยความเคารพต่อเชลซี ตัวผู้เล่น และระดับฝีเท้านักเตะ โปรแกรมในช่วงนี้ไปจนถึงเดือนหน้าเชลซีมีโอกาสที่จะชนะต่อเนื่องได้จริงๆ ว่าตามตรง ความรู้สึกในการแข่งขัน แมนฯ ซิตี้ กับอาร์เซนอลยังน่ากลัวว่าในระยะยาว
แมนฯ ซิตี้จะพบกับแมนฯ ยูไนเต็ดในวันอาทิตย์ ภาพรวมของซิตี้ตกลงไปเยอะมากในฤดูกาลนี้ เป๊บ กวาร์ดิโอล่าดูจะเจอปัญหามากที่สุดในชีวิตการคุมทีม และหลุดไปหลายเกม เกมของซิตี้ดูไม่แน่นเหมือนก่อน โดยเฉพาะการที่ขาดโรดรี้ และเกมรับของซิตี้มีปัญหาจริงๆ
 
อย่างไรก็ตามในระยะยาว แชมป์เก่ายังคงน่ากลัว ตอนนี้พวกเขาแข่งเท่ากับลิเวอร์พูล และตามหลัง 9 แต้ม ถ้าพวกเขาชนะเกมวันอาทิตย์ แม้จะแข่งมากกว่า 1 นัด แต่มันจะเหลือแค่ 6 แต้มทันที น่ากลัวไหมล่ะ?
การที่ซิตี้หล่นไปอยู่เต็ง 4 ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ พวกเขามีหลายปัจจัยที่ดูจะกลับมายากกว่าปีก่อนๆ แต่แชมป์เก่าก็เป็นแชมป์เก่า ถ้าพวกเขาไม่ชนะในวันอาทิตย์นี้ ผมอาจจะมองหลายอย่างเปลี่ยนไป ก็รอดู
ซิตี้จะมีเกมทดสอบวีกนี้ นัดหน้าไปเยือนวิลล่า ถ้าพวกเขาได้ 6 แต้ม ก็ยังอยู่ในจุดที่ไม่ควรมองข้าม
เทียบกับเชลซีก่อน เชลซีมีโปรแกรมที่ดูง่ายใน 4-5 นัดข้างหน้า แต่นั่นแหล่ะบททดสอบ พวกเขาอยู่ในฐานะเต็ง 3 เวลานี้ หลายๆ คนเริ่มจับตามอง นั่นแหล่ะเป็นดาบสองคม เพราะความกดดันจะเพิ่มขึ้น พวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงได้หรือไม่?
ก่อนจะไปถึงจุดผู้ท้าชิงจริงๆ จังๆ ได้ พวกเขาถึงจะได้ท้าชิงจริงๆ เทียบกับซิตี้จะเห็นว่าขั้นตอนของเชลซียังมีอย่างน้อย 2 ด่าน(ซิตี้กลับมาสัปดาห์นี้ก็น่าจะกลัวอีกครั้งแล้ว) เชลซีเจอเบรนท์ฟอร์ดถ้าชนะก็เสมอตัว ถ้าออกอย่างอื่น พวกเขาจะมีข้อคลางแคลงใจ
ไม่นับเกมบอลถ้วย โปรแกรมที่เจอเบรนท์ฟอร์ด(ห), เอฟเวอร์ตัน(ย), ฟูแลม(ห), อิปสวิช(ย), พาเลซ(ย), วูล์ฟส์(ย) 6 เกมนี้ตามหน้ากระดาษพวกเขาควรชนะรวดเลย ถ้าอยากลุ้นแชมป์ แต่ถ้าสะดุดไป 1-2 นัดก็เหนื่อยแล้ว
หลังจากนั้นบททดสอบใหญ่ก็จะเป็นเกมเยือนแมนฯ ซิตี้ รออยู่ ดังนั้นโจทย์ของเชลซีคือต้องพิสูจน์ว่า run ต่อเนื่อง และตามด้วยเกมใหญ่ ถ้าพวกเขาชนะรวดน่ากลัวแน่ๆ แต่ถ้าพวกเขาสะดุดนิดๆ หน่อยๆ ข้อสงสัยในตัวพวกเขาจะตามมาทันที
อาร์เซนอลยังคงเป็นเต็ง 2 เวลานี้ แม้เสมอมา 2 นัด ซึ่งถ้าพวกเขาชนะ 2 เกมนี้ตอนนี้จะเกือบทันแล้ว (จะเหลือ 2 แต้มแบบแข่งมากกว่า 1 นัด) แต่พอทำได้แค่เสมอแบบพลิกความคาดหมาย แต้มห่างยังคงเป็น 6 แถมแข่งมากกว่า 1 นัด
อย่างไรก็ตามในการเสมอ 2 นัดนั้น พวกเขาก็ยังอยู่ในช่วงที่ไร้พ่ายต่อเนื่อง นี่คือจุดที่จะชี้ว่าทำไมปืนใหญ่ถึงได้รับการเคารพจากร้านพูลถูกกฎหมายของอังกฤษมากกว่าเชลซี และในแง่ฟอร์มช่วงที่เข้าฝัก ทีมของอาร์เตต้าไล่ถล่มคู่แข่งได้ต่อเนื่องหลายๆ เกมติดต่อกัน
 
การเป็นรองแชมป์สองปีหลังมีช่วงที่พวกเขารักษาผลงานต่อเนื่องยาวนานให้เห็นมาหลายรอบแล้ว
แต่ในมุมมองของคนที่เห็นการแข่งขัน ปีนี้ปืนก็พลาดเยอะเกินไปกับโอกาสที่มี พวกเขามีโอกาสกดดันลิเวอร์พูลต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้วที่ลิเวอร์พูลไม่มีแข่ง และวีกนี้ แต่ก็พลาดไป โดยเฉพาะการเสมอกับทีมที่เกมรับไม่ได้ดีอย่างเอฟเวอร์ตัน
กลายเป็นการที่เอฟเวอร์ตันไม่ได้ลงเล่นมา 10 วันอาจจะมีผลในเกมนี้ พวกเขาได้เตรียมตัวเต็มที่ เนื่องจากเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บีถูกเลื่อนออกไป (คาดว่าจะไปเตะกันในช่วงสัปดาห์ที่แชมเปียนส์ลีกมีเพลย์ออฟ รอแค่ลิเวอร์พูลเข้ารอบเป็น 1 ใน 8 อย่างเป็นทางการ)
แต่ยังกาปืนทิ้งไปไม่ได้แน่
สุดท้ายกลับมาที่ลิเวอร์พูลนั่นแหล่ะ ทุกอย่างอยู่ในมือ และแม้จะพลาด 2 นัดล่าสุดในพรีเมียร์ลีก แต่ก็ยังคุมสถานการณ์ไว้ได้อยู่ และยังมีช่องว่างให้พลาดได้เล็กน้อย
สองเกมหลังต้องบอกว่าแล้วแต่มุมมองว่าจะมองเป็นเสีย 4 แต้ม หรือได้ 2 แต้มก็ได้ เพราะว่าเกมกับนิวคาสเซิล ผลเสมอกับฟอร์มวันนั้นอาจจะนับว่าดีแล้ว เช่นกันกับฟูแล่มที่เราตามหลังเร็ว และเหลือ 10 คน จุดนี้ก็มองว่าทีมไม่ได้เสีย “โมเมนตัมเลย”
มีประเด็น และพูดกันเล่นๆ (หรือบางคนจริงจัง) เรื่องการได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม หรือผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนว่าเป็น “อาถรรพ์” บ้าง ความจริงคือถ้า ถ้า ถ้า ย้ำสโมสรไหนจะเป็นแชมป์ในฤดูกาลนั้นๆ มันก็ต้องได้รางวัลพวกนี้มากกว่าทีมอื่นอยู่แล้ว
หรือคุณจะอยากให้ทีมไม่ได้รางวัลพวกนี้ไปจนจบฤดูกาล?
เลอะเทอะ และไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เจอร์เก้น คล็อปป์ได้ไป 5 จาก 6 เดือนแรกในฤดูกาล 2019-20 ที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ ส่วนกรณีของนักเตะผมมองว่ามันธรรมดามาก เพราะแข่งขันกันทั้งลีกหลายร้อยคน มันยากอยู่แล้วที่ใครจะเล่นดีต่อเนื่องทุกเดือน
โม ซาลาห์ยังเก็บแอสซิสต์เพิ่มในค่ำคืนที่ผ่านมา ดังนั้นใครกลัวอะไรแบบนี้ก่อนเกม ผมมองว่าเป็นคอนเทนต์ได้ แต่หาความจริงจังจริงๆ ก็ไม่สมเหตุสมผล
ผมหวังว่าเดือนหน้า และเดือนต่อๆ ไป ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลจะได้มันไปจนจบฤดูกาล และนักเตะลิเวอร์พูลด้วย ดูสิว่าจะเป็นปัญหาไหม?
เมื่อเกมกับฟูแล่มมาถึง ลิเวอร์พูลก็ไม่ได้เล่นแย่ในช่วงต้น แต่จังหวะสกัดต้นเกมที่โรเบิร์ตสันโดนดิยอป ผมว่าแฟนหงส์อาจจะมองเหมือนกันว่าควรจะเป็นใบแดง ยิ่งกับเหตุการณ์ในอดีตที่ถ้าเป็นนักเตะลิเวอร์พูลเจอจังหวะเดียวกัน อาจจะโดนไล่ออกได้ไม่ยาก
การตัดสินส่วนการตัดสิน แก้อะไรไม่ได้ แต่ร็อบโบ้มีการบาดเจ็บแถมไปด้วย นั่นคือส่วนที่อาร์เน่อมองว่ามันทำให้เขาเจอปัญหาในการจับบอลพลาด และเสียประตูให้อดีตเด็กเก่าผีอย่าเปเรยร่า
เราจะเห็นพวกเขามุ่งมั่นเป็นพิเศษยามเจอลิเวอร์พูล ชั่วโมงนี้ แน่นอนล่ะ ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดที่เข้าใจได้ แต่ก่อนหน้านั้นเปเรยร่าก็เป็นอีกคนที่น่าจะโดนใบแดง และถึงเวลาที่เขียนพรีเมียร์ลีกก็ยังไม่ได้ออกมาพูดถึงจังหวะนั้น
 
ไมค์ ดีนกล่าวในรายการของสกายสปอร์ตส์ว่าจังหวะนี้แดง 100 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่ความผิดพลาดของร็อบโบ้ก็เห็นชัดว่าจับบอลไม่ดี และในฤดูกาลนี้เขาพลาดอะไรลักษณะนี้มา 3-4 ครั้ง อย่างที่ผมเคยเขียนว่าถ้าซิมิกาสฟิตเต็มร้อย ร็อบโบ้น่าจะเสียตำแหน่งแบบจริงๆ ไปแล้ว
แต่ในมิติแห่งการตัดสิน เมื่อจังหวะนั้นไม่เป็นประตู สุดท้าย VAR ก็มาเช็กเป็นลูกล้ำหน้าหรือไม่ สุดท้ายไม่ล้ำลิเวอร์พูลต้องเล่น 10 คนไปอีก 70 กว่านาทีแถมตามหลัง ความจริงมันก็ไม่ชัดร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นจังหวะหลุดเดี่ยวขนาดนั้นเมื่อฟาน ไดค์เข้าไปรอง
มุมมองเด็กหงส์ก็อาจจะคิดว่าไม่ให้แดงก็ได้ ถ้าคิดว่าฟูแล่มก็ได้ประโยชน์จากสองจังหวะต้นเกมที่ควรแดง หรือจะเรียกว่าเหลืองแก่ๆ แต่ฟูแล่มรอด แต่ร็อบโบ้กลับไม่รอด
แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ร็อบโบ้ปีนี้อายุมากขึ้น แต่จังหวะผิดพลาดของเขาที่เกิดขึ้น ดูจะไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เป็นการตัดสินใจ เขาดูจะไม่นิ่งเหมือนปีก่อนๆ บางทีอาจจะควรได้สลับพักมากกว่านี้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ขาดเขาไม่ได้เช่นกัน
จริงๆ หลายเกมร็อบโบ้เริ่มกลับมาเล่นได้ดีขึ้น โชคดีที่นี่เป็นการฟาวล์จังหวะหลุด ไม่ใช่เข้าสกัดรุนแรง โทษแบนนัดเดียวก็พอดีเกมลีก คัพ ไม่ใช่เกมพรีเมียร์ลีกที่จะไปเยือนสเปอร์ส และหลังจากนั้นต้องใช้เขาต่อเนื่อง จนกว่าซิมิกาสจะพร้อมกลับมาแย่งตำแหน่ง
ลิเวอร์พูลแม้เหลือ 10 คน แต่การเล่นในแอนฟิลด์ ผมก็เชื่อว่าเราจะไม่แพ้ และคิดถึงชนะด้วย แม้ว่าครึ่งแรกจะเร่งไม่ขึ้น นักเตะมีภาระรับผิดชอบเยอะขึ้น ตัววิ่งเข้าเขตโทษฟูแล่มน้อยลง แต่พอได้ประตูตีเสมอต้นครึ่งหลังความมั่นใจก็กลับมา
จังหวะ 2-1 ก็เป็นความผิดพลาดพอสมควรจากควอนซาห์ที่ดูเงอะงะ ผมมองว่าเขาน่าจะเข้าจังหวะแรกได้ หรือหยุดจังหวะที่ฟูแล่มจะเปิดตัดเข้ามา โดยรวมเมื่อนับจังหวะโหม่งคืนหลังไม่ดีเสียเตะมุม ผมว่าควอนซาห์ต้องการเกมเรียกความมั่นใจ หลังพลาดช่วงต้นฤดูกาล
ลีก คัพ อาจจะเข้ามาในจังหวะที่พอดีมากๆ
ไล่เป็นรายบุคคล อลีสซงอาจจะไม่ได้เซฟเยอะ แต่การออกมารับแต่ละลูกที่ฟูแล่มโยนเข้าไป ความนิ่งในจังหวะต่างๆ นี่คือโกลที่แฟนบอลส่วนใหญ่ต้องการ
โจ โกเมซวันนี้เล่นดีมาก พยายามมีส่วนร่วมในเกมรุก เล่นทั้งตรงกลาง ด้านขวา จนถึงแบ็กซ้ายจำเป็น ประตูที่เสีย 1-2 ก็โทษเขาไม่ได้เลย เช่นกันกับฟาน ไดค์ก็ยังสำคัญต่อความมั่นใจในแนวรับ
ร็อบโบ้มีเวลาน้อยไปหน่อย ถ้าเขาไม่โดนเตะต้นเกมอาจจะไม่จับบอลลั่นในจังหวะนั้น แต่ก็เป็นวันที่แย่ของเขาแน่ๆ หลังจากที่เสียจุดโทษเอย พลาดหลายจังหวะเอย บางทีการได้พักก่อนเข้าช่วงเทศกาลอาจจะดีต่อเขาเช่นกัน
เทรนต์เล่นได้ตามมาตรฐาน หยุดอิโวบี้ได้พอประมาณ แต่เกมรุก โดยเฉพาะการเปิดบอล มีลูกหนึ่งเปิดออกไปเลย วันนี้ต้องเล่นเสี่ยงหลายจังหวะทำให้ดูจะพลาดไปไม่น้อย
แดนกลางกราเฟนแบร์คยังสุดยอด แต่เขาใกล้จะสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบแล้ว บางทีอาร์เน่อต้องพิจารณาจุดนี้ดีๆ การไม่ค่อยใช้เอ็นโด แล้วถ้ากราเฟนแบร์คมาโดนแบนขึ้นมาทีมจะเสียจังหวะหรือไม่ แต่หวังว่าเขาจะเอาตัวรอดไปได้ก่อนผ่านครึ่งแรกของฤดูกาล
ซึ่งจากตำแหน่งที่เล่นก็ต้องบอกว่ายาก โจนส์วันนี้ต้องคุมจังหวะด้วย ดูจะเงียบๆ กว่าหลายเกม แต่ก็ยังใช้พลังงานอย่างเป็นประโยชน์ โซโบช่วงนี้กลับมาเล่นได้ดีขึ้น เกมนี้เด่นมาก ทั้งสร้างจังหวะให้ดิอาซ กับอีกจังหวะที่ซาลาห์ไม่คืนให้ยิง
แต่รวมๆ เกมที่เหลือ 10 คนเหมาะกับโซโบตรงเขาวิ่งเยอะ ทำให้ทีมไม่ได้ดูเหมือนตัวน้อยกว่ามาก
ซาลาห์ยังได้แอสซิสต์หลังจากได้นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน เกมนี้มีฝืนมากไปในบางจังหวะ แต่เข้าใจได้ว่าการที่เหลือ 10 คน บางทีอาจจะทำให้เขารู้ว่าช่องว่างน้อยลงทำให้เสี่ยงเล่นเองเยอะขึ้น แต่เทียบกับดิอาซที่โหม่งออกไป ซาลาห์ยังดีกว่า รวมถึงลูกเปิดให้คักโปโหม่งตีเสมอก็สวยมาก
คักโปวิ่งจนหมด ต้องมาอุดตำแหน่งของร็อบโบ้ในครึ่งแรก และยังทำประตูได้ ดาร์วินวันนี้ลงมาสร้างปัญหาให้ฟูแล่มจากการเพรสของเขา และการได้แอสซิสต์ก็ต้องให้เครดิตเขาบ้าง โดยคนยิงอย่างโชต้ายังไม่ต้องพูดถึง แทบจะขโมยซีนทุกคนในเกมนี้
เอลเลียตต์ก็เป็นสำรองอีกคนที่มีบทบาท เกือบจะทำประตุได้เช่นกัน
ภาพรวมของเกม ลิเวอร์พูลเสมออีกนัด แต่ไม่เสียทรงเลย และอาร์เน่อไม่ปล่อยให้นักเตะวิ่งจนหมดแรงจนเกินไป แถมยังมีบอลถ้วยกลางสัปดาห์ที่น่าจะให้โอกาสหลายคนได้พักได้แล้ว
แม้แต่ตัวอาร์เน่อเองก็โดนใบเหลืองที่ 3 เข้าไปแล้ว จะถูกแบนห้ามอยู่ข้างสนามก็ดูจะบังเอิญพอดีเป็นเกมในคาราบาว คัพ ไม่รู้ว่าจงใจไหม แต่คิดว่าไม่ จากเกมนี้แกก็น่าจะหงุดหงิดกรรมการไม่ต่างจากแฟนบอล แค่แบนในเกมที่ถ้าเลือกให้แบนก็พอดี
สุดท้ายเกมนี้ก็นับว่าน่าเสียดายอยู่ดีที่ไม่ชนะ แต่ก็ไม่เสียหาย อย่างน้อยได้มาอีก 1 แต้มก็ดีกว่าไม่ได้เลยจริงๆ
ตอนนี้ก็รอดูผลเกมวันอาทิตย์ต่อ หลังจากนั้นที่สำคัญที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็คือผลงานของลิเวอร์พูลเองนั่นแหล่ะ นัดต่อนัด รักษาโมเมนตัมต่อไปก่อน
หนึ่งแต้มนี้การันตีว่าลิเวอร์พูลจะนำจ่าฝูงในวันคริสต์มาส และหวังว่าเกมต่อๆ ไปจะการันตีการนำในวันขึ้นปีใหม่ ไปจนถึงผ่านครึ่งทางของฤดูกาล ในอุดมคติทุกคนคงอยากเพิ่มช่องว่างให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ชีวิตจริง โอกาสเกิดฤดูกาลแบบนั้นในพรีเมียร์ลีกมันมีไม่มาก
มักจะมีอย่างน้อย 2 ทีมลุ้นแชมป์ไปอย่างน้อยจนถึงเมษายนเสมอ
แต่เท่าที่เห็นจากผลเสมอในเกมกับฟูแล่มที่มี 10 คน สภาพจิตใจนักเตะโดยรวมพร้อมแล้ว เฮดโค้ชก็พร้อมเสี่ยงในสถานการณ์แต่ละเกม และสภาพร่างกายโดยรวมทีมก็ใกล้จะกลับมาสมบูรณ์ ไม่มีตัวเจ็บยาวเกินไป ทรงก็ยังดี
เหลือแต่ต้องพยายามกลับไปชนะต่อเนื่องได้อีกครั้ง โจทย์นี้เกิดขึ้นกับทุกทีมใน 4 ทีมหัวตารางตอนนี้ ใครเริ่มก่อน และทำได้ยาวกว่าจะได้เปรียบ หรืออย่างแย่ตอนนี้ลิเวอร์พูลขอทำให้ได้เท่าๆ กับทีมอื่นๆ ไปก่อนก็ยังไม่เสียหาย...
จินตะปัญญา
โฆษณา