Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บอกให้รวย
•
ติดตาม
15 ธ.ค. เวลา 02:24 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ
เครื่องบิน IL 28 ดีอย่างไร ใช้งาน หลายภารกิจ
เครื่องบิน IL-28 ต้องใช้ลูกเรือจำนวน 3 คน ในการปฏิบัติการ โดยแต่ละคนมีบทบาทเฉพาะดังนี้:
1. นักบิน (Pilot)
ทำหน้าที่ขับเครื่องบินและควบคุมการบินในทุกสถานการณ์ รวมถึงการนำเครื่องบินเข้าสู่เป้าหมายและหลบหลีกการโจมตี
นักบินจะนั่งอยู่ในห้องนักบินด้านหน้า ซึ่งมีทัศนวิสัยดีเยี่ยมเนื่องจากการออกแบบห้องกระจก
2. พลทิ้งระเบิด/นักบินผู้ช่วย (Bombardier/Navigator)
รับผิดชอบการวางแผนเส้นทางบินและการนำเครื่องบินไปยังเป้าหมาย
ทำหน้าที่เล็งและปล่อยระเบิด โดยใช้อุปกรณ์ช่วยเล็งระเบิดที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องบิน
ตำแหน่งนี้อยู่ด้านหน้าสุดของเครื่องบินใต้ห้องนักบิน ซึ่งเป็นจุดที่มีกระจกใสสำหรับการเล็งเป้าหมาย
3. พลปืนหลัง (Rear Gunner)
รับผิดชอบระบบอาวุธป้องกันตัวด้านหลังของเครื่องบิน โดยใช้อาวุธปืนกลขนาด 23 มม.
ตำแหน่งของพลปืนหลังอยู่ที่หางเครื่องบินในป้อมปืนหลัง พร้อมหน้าต่างเล็ก ๆ สำหรับมองเป้าหมาย
การทำงานร่วมกัน
ลูกเรือทั้งสามคนต้องทำงานประสานกันเพื่อให้การปฏิบัติการมีประสิทธิภาพสูงสุด
นักบินนำเครื่องบินไปยังเป้าหมายโดยอาศัยข้อมูลจากพลทิ้งระเบิด/นักบินผู้ช่วย
ขณะที่พลปืนหลังทำหน้าที่คุ้มกันเครื่องบินจากการโจมตีของเครื่องบินขับไล่ศัตรู
การจัดลูกเรือแบบนี้เป็นมาตรฐานสำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางในยุคนั้น เช่นเดียวกับเครื่องบินของชาติตะวันตก เช่น Canberra B.2 ของอังกฤษ
IL 28
เครื่องบิน IL-28 (Ilyushin Il-28) ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสหภาพโซเวียต เพื่อเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดไอพ่นรุ่นแรกที่สามารถตอบสนองความต้องการของสงครามยุคใหม่ ในช่วงที่อาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีการบินกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากยุคเครื่องบินใบพัด IL-28 จึงได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ด้านความเร็ว ความแม่นยำ และความสามารถในการปฏิบัติการในระยะกลาง
สมรรถนะที่โดดเด่นของ IL-28
1. ความเร็วสูง
ใช้เครื่องยนต์ไอพ่น Klimov VK-1 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจากเครื่องยนต์ Rolls-Royce Nene ของอังกฤษ ทำให้ IL-28 มีความเร็วสูงสุดถึง 900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับว่าเร็วมากในยุคนั้น
ความเร็วสูงช่วยให้หลบหลีกการยิงต่อต้านอากาศยานและเครื่องบินขับไล่ของศัตรูได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเครื่องบินทิ้งระเบิดใบพัดรุ่นก่อน
2. ระยะปฏิบัติการที่เหมาะสม
IL-28 มีระยะปฏิบัติการประมาณ 2,200 กิโลเมตร เพียงพอสำหรับภารกิจทิ้งระเบิดระยะกลาง โดยสามารถโจมตีเป้าหมายในยุโรปหรือเอเชียกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระยะบินนี้ช่วยให้เครื่องบินสามารถกลับฐานได้โดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ
3. ความสามารถในการบรรทุกระเบิด
IL-28 สามารถบรรทุกระเบิดได้ถึง 3,000 กิโลกรัม ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่มากสำหรับเครื่องบินขนาดกลางในยุคนั้น
รองรับทั้งระเบิดธรรมดาและอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้เหมาะสมกับยุทธศาสตร์สงครามเย็น
4. การออกแบบที่เรียบง่ายและทนทาน
เครื่องบินถูกออกแบบให้ผลิตง่ายและบำรุงรักษาไม่ซับซ้อน ซึ่งเหมาะกับทรัพยากรของสหภาพโซเวียตในยุคนั้น
โครงสร้างแข็งแรงทนทานต่อสภาพการรบ รวมถึงการออกแบบห้องนักบินแบบกระจกเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้ดีขึ้น
5. ระบบอาวุธป้องกันตัว
IL-28 ติดตั้งปืนกลขนาด 23 มม. ในตำแหน่งด้านหน้า ด้านหลัง และใต้ลำตัว เพื่อป้องกันการโจมตีจากเครื่องบินขับไล่ศัตรู
การมีระบบป้องกันตัวช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตในสถานการณ์รบ
เหตุผลที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในสงคราม
1. ตอบสนองต่อการแข่งขันทางอาวุธในสงครามเย็น
ในยุคสงครามเย็น สหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดไอพ่น เช่น B-47 Stratojet ของอเมริกา สหภาพโซเวียตจึงต้องพัฒนาเครื่องบินที่สามารถแข่งขันได้
IL-28 ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นกำลังสำคัญในกองทัพอากาศ และเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดไอพ่นรุ่นแรกของโซเวียตที่ใช้งานจริง
2. รองรับยุทธศาสตร์สงครามนิวเคลียร์
IL-28 ออกแบบมาให้สามารถติดตั้งและส่งอาวุธนิวเคลียร์ไปยังเป้าหมายได้ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักในยุคสงครามเย็น
3. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
IL-28 ถูกใช้งานในหลากหลายบทบาท เช่น การลาดตระเวน การโจมตีทางเรือ และการทิ้งระเบิดในแนวรบ ซึ่งทำให้เหมาะกับการรบในหลากหลายสถานการณ์
บทบาทในสงคราม
IL-28 ถูกใช้งานในหลายประเทศพันธมิตรของโซเวียต เช่น จีน เกาหลีเหนือ และประเทศในตะวันออกกลาง โดยถูกใช้งานในความขัดแย้งทางทหารต่าง ๆ เช่น:
สงครามเกาหลี
สงครามกลางเมืองในแอฟริกาและตะวันออกกลาง
สรุป
IL-28 เป็นเครื่องบินที่มีสมรรถนะเหมาะสมสำหรับยุคของมัน ด้วยความเร็ว ระยะปฏิบัติการ และความสามารถในการบรรทุกระเบิด ทำให้มันเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่มีบทบาทสำคัญในยุคสงครามเย็น และกลายเป็นแบบอย่างของการพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดไอพ่นในอนาคต
IL 28 เป็นต้นแบบที่ดีในการพัฒนาต่อยอด
เครื่องบิน IL-28 (Ilyushin Il-28) เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางที่พัฒนาโดยสหภาพโซเวียตในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้รับการออกแบบให้เป็นเครื่องบินไอพ่นที่มีความเร็วสูงและบรรทุกระเบิดได้ปริมาณมาก โดยเป็นเครื่องบินที่มีบทบาทสำคัญในกองทัพโซเวียตในยุค 1950 และยังถูกใช้งานโดยหลายประเทศทั่วโลก
IL-28 และความเชื่อมโยงกับเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่
เครื่องบิน IL-28 ไม่ได้เป็น "ต้นแบบโดยตรง" ของเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ เช่น B-52 หรือเครื่องบินทิ้งระเบิดยุคปัจจุบัน แต่ IL-28 ถือว่าเป็นตัวอย่างของการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องบินเจ็ตในยุคต้น ๆ ซึ่งส่งผลต่อแนวคิดการออกแบบในอนาคต เช่น:
1. การใช้เครื่องยนต์ไอพ่น: IL-28 เป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์ไอพ่นในยุคแรก ๆ ซึ่งเป็นรากฐานของการออกแบบเครื่องบินขนาดใหญ่ในยุคถัดมา
2. รูปแบบปีกตรง (Straight Wing): แม้ IL-28 ใช้ปีกตรง แต่เครื่องบินยุคใหม่เช่นเครื่องบินขนาดใหญ่พัฒนาไปใช้ปีกทรงลูกศร (Swept Wing) เพื่อเพิ่มความเร็วและเสถียรภาพ
3. การออกแบบเครื่องบินทิ้งระเบิด: IL-28 มุ่งเน้นความคล่องตัวและสามารถบรรทุกระเบิดได้ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งมีอิทธิพลทางอ้อมต่อการพัฒนาเครื่องบินขนาดใหญ่ในอนาคต
เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่
เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่อย่าง B-52 Stratofortress หรือเครื่องบินอื่นในยุคสงครามเย็นมีแนวคิดและเทคโนโลยีที่แตกต่างอย่างมาก เช่น:
ขนาดที่ใหญ่กว่า
ระยะบินไกลกว่า
การบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธสมัยใหม่
ใช้เทคโนโลยีปีกลูกศรและระบบอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง
สรุป
IL-28 ไม่ได้เป็นต้นแบบโดยตรงของเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ แต่เป็นตัวแทนของวิวัฒนาการทางการบินในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อการพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นต่อมา
ขอบคุณภาพสวยๆจากพี่ไพบูลย์และข้อมูลดีๆจากแชท gpt ครับ
ประวัติศาสตร์
ความรู้รอบตัว
การบิน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย