15 ธ.ค. เวลา 03:34 • ไอที & แก็ดเจ็ต

Nintendo 64 มี RAM มากกว่าที่คุณคิด

หากพูดถึงเครื่องเล่นเกม Nintendo 64 หลายคนคงทราบดีว่ามันมาพร้อมกับ RAM ขนาด 4 MB ซึ่งสามารถเพิ่มได้อีก 4 MB ด้วย Expansion Pak รวมเป็น 8 MB แต่ข้อมูลที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนก็คือ แท้จริงแล้ว Nintendo 64 มี RAM ที่ซ่อนอยู่อีก 0.5 MB ทำให้มีทั้งหมด 4.5 MB โดยไม่ต้องพึ่งพา Expansion Pak และเมื่อเพิ่ม Expansion Pak เข้าไป จะได้รวมทั้งหมด 9 MB แทนที่จะเป็น 8 MB อย่างที่เคยเข้าใจกัน
RAM ที่ซ่อนอยู่มาจากไหน?
เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปที่สถาปัตยกรรมของ Nintendo 64 ซึ่งออกแบบโดยบริษัท SGI (Silicon Graphics, Inc.) RAM ปกติในคอมพิวเตอร์ทั่วไปจะเก็บข้อมูลในรูปแบบของ 8 บิตต่อเซลล์ แต่ใน Nintendo 64 แต่ละเซลล์สามารถเก็บได้ 9 บิต นั่นหมายความว่ามีพื้นที่บิตพิเศษซ่อนอยู่ในแต่ละเซลล์หน่วยความจำ
อย่างไรก็ตาม บิตพิเศษนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้โปรแกรมทั่วไปเข้าถึงได้โดยตรง เว้นแต่จะใช้ "กลเม็ดทางฮาร์ดแวร์" ที่ซับซ้อน วิธีการนี้ซับซ้อนมากจนแทบไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย กระทั่งผู้เชี่ยวชาญบางคนเพิ่งมาค้นพบในภายหลัง
ตัวอย่างการใช้งานบิตที่ซ่อนอยู่
ในบรรดาเกมมากมายที่ออกบน Nintendo 64 มีเพียงเกมเดียวที่มีการใช้งานบิตพิเศษนี้โดยตั้งใจ นั่นคือ The Legend of Zelda: Majora’s Mask โดยใช้บิตพิเศษสำหรับเอฟเฟกต์ "Lens of Truth" ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้เล่นมองเห็นสิ่งที่ปกติไม่สามารถมองเห็นได้ในเกม
เหตุผลที่มีบิตพิเศษนี้
สาเหตุที่ SGI เพิ่มบิตที่ 9 ลงไปในหน่วยความจำของ Nintendo 64 เพราะมันมีส่วนช่วยในกระบวนการ "แอนตี้อาลิเอสซิ่ง" (Anti-Aliasing) กระบวนการนี้ช่วยให้ภาพกราฟิกที่แสดงผลบนหน้าจอดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น แทนที่จะเห็นเป็นขอบหยักๆ
กระบวนการนี้ทำงานโดยการคำนวณว่า "พิกเซล" บนหน้าจอถูกปกคลุมด้วย "รูปสามเหลี่ยม" ที่กำลังแสดงผลอยู่มากน้อยแค่ไหน หากพิกเซลนั้นถูกปกคลุมเพียงบางส่วน ระบบจะผสมสีของรูปสามเหลี่ยมนั้นเข้ากับสีพื้นหลังเพื่อให้ได้เอฟเฟกต์ขอบที่เรียบขึ้น ซึ่งข้อมูลเปอร์เซ็นต์การปกคลุมนี้ถูกเก็บไว้ในบิตพิเศษที่ซ่อนอยู่
บิตซ่อนอยู่ถูกใช้อย่างไร?
โดยปกติแล้ว หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของ Nintendo 64 จะสามารถอ่านและเขียนบิตพิเศษนี้ได้โดยตรงผ่านการเรนเดอร์กราฟิก อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้โปรแกรมอ่านหรือเขียนบิตพิเศษจากหน่วยความจำ จะต้องใช้เทคนิคเฉพาะ
ตัวอย่างหนึ่งของการอ่านบิตพิเศษคือการใช้ "โหมดการเรนเดอร์" ที่ช่วยให้สามารถตรวจจับบิตเหล่านี้ผ่านการวิเคราะห์สีของพิกเซลที่แสดงผล วิธีนี้ช้ามาก แต่ก็พอเป็นไปได้
ส่วนการเขียนบิตพิเศษนั้นซับซ้อนกว่า เนื่องจากเมื่อใดก็ตามที่ข้อมูลในหน่วยความจำถูกเขียนใหม่ บิตที่ซ่อนอยู่จะถูกตั้งค่าใหม่ไปด้วย ทำให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลที่ต้องการไว้ได้ถาวร
ข้อจำกัดของการใช้งานบิตพิเศษ
แม้ว่าบิตพิเศษจะมีประโยชน์ แต่การใช้งานในทางปฏิบัตินั้นมีข้อจำกัดหลายประการ ได้แก่
1. การเขียนข้อมูลทำได้ยาก – หากต้องการเปลี่ยนแปลงค่าของบิตพิเศษ จะต้องเขียนโค้ดให้ยุ่งยาก และการเปลี่ยนแปลงอาจไปกระทบกับข้อมูลหลักในหน่วยความจำด้วย
2. ข้อจำกัดของอีมูเลเตอร์ – เครื่องจำลอง (emulator) ของ Nintendo 64 ส่วนใหญ่ไม่สามารถจำลองการใช้งานบิตพิเศษนี้ได้อย่างถูกต้อง นั่นหมายความว่าหากนักพัฒนาเกมพยายามใช้บิตพิเศษนี้ในเกมใหม่ เกมอาจไม่สามารถเล่นได้ในอีมูเลเตอร์
3. ความซับซ้อนในการพัฒนาเกม – นักพัฒนาเกมต้องพิจารณาถึงต้นทุนในการพัฒนา และต้องใช้ทรัพยากรและเวลามากขึ้นหากต้องการใช้ประโยชน์จากบิตพิเศษนี้
ผลกระทบต่อการตลาดของ Nintendo 64
หากพิจารณาตามข้อเท็จจริง Nintendo 64 ควรจะถูกโฆษณาว่าเป็นเครื่องเกมคอนโซล 18 บิตแทนที่จะเป็น 64 บิต (เนื่องจากแต่ละพิกเซลในภาพมี 5 บิตสำหรับสีแดง 5 บิตสำหรับสีเขียว 5 บิตสำหรับสีน้ำเงิน และ 3 บิตสำหรับข้อมูล "การปกคลุม") อย่างไรก็ตาม แนวคิดทางการตลาดเช่นนี้อาจไม่ดึงดูดใจผู้บริโภคในยุคนั้น เพราะในขณะเดียวกัน Sony PlayStation และ Sega Saturn ต่างก็ใช้แนวคิด "32 บิต" เป็นจุดขายหลัก
สรุป
Nintendo 64 ไม่ได้มีแค่ 4 MB หรือ 8 MB (เมื่อใช้ Expansion Pak) อย่างที่หลายคนเข้าใจ ความจริงแล้วมันมี RAM ซ่อนอยู่เพิ่มอีก 0.5 MB รวมเป็น 4.5 MB (หรือ 9 MB เมื่อใช้ Expansion Pak)
พื้นที่พิเศษนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการเรนเดอร์กราฟิกที่ดีขึ้น และถูกใช้เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ภาพที่ซับซ้อน เช่น เอฟเฟกต์ Lens of Truth ในเกม The Legend of Zelda: Majora’s Mask แม้จะมีประโยชน์ในเชิงทฤษฎี แต่ข้อจำกัดในการเขียนและอ่านบิตพิเศษ รวมถึงความไม่เข้ากันกับอีมูเลเตอร์ ทำให้มีเพียงไม่กี่เกมที่ใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่
Nintendo 64 จึงเป็นเครื่องเล่นเกมที่ซ่อนความลับไว้อย่างแนบเนียน และแม้จะผ่านมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ความลับเหล่านี้ก็เพิ่งถูกเปิดเผยและเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง โดยเฉพาะในหมู่นักพัฒนาเกมและนักอนุรักษ์เกมเก่าในยุคปัจจุบัน
โฆษณา