15 ธ.ค. เวลา 07:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ดอย ARK ยังไม่หลุด ปวดหัวสุดๆ เอาไงดี ?

📌ก.พ. 2021 คือช่วงเวลาที่ ARK invest ของป้าเคธี่ ทำราคาไปแตะจุดสูงสุดตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นกองทุน ARKK, ARKF, ARKW, ARKG, และ ARKQ และหากย้อนกลับไป 1 ปี พอดี คือ มี.ค. 2020 เป็นช่วงที่ ARK ทุกประเภทกองทุนทำผลตอบแทนราวๆ 300-400% โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น
2
📌หากไม่นับ ARKG กองเดียวที่ปรับตัวลงอย่างแรงจนถึงจุดต่ำสุด (-80%) โดยใช้เวลาราวๆ 2 ปี กับอีก 8 เดือน นับจากจุดสูงสุดคือช่วง ก.พ. 2021 จนถึง ต.ค. 2023
ใน 4 กองที่เหลือที่ปรับตัวลงอย่างแรงจนถึงจุดต่ำสุด (-80% ยกเว้น ARKQ ที่ปรับตัวลงสูงสุดราวๆ -60%) โดยทั้ง 4 กองใช้เวลาราวๆ 1 ปี กับอีก 10 เดือน จากจุดสูงสุดคือช่วง ก.พ. 2021 จนถึง ธ.ค. 2022
2
📌ปัจจุบันนี้ คือ กลางเดือน ธ.ค. 2024 หลายๆคนตั้งข้อสงสัยว่า กองทุน ARK ที่เราลงทุนไว้ในช่วงเวลารุ่งโรจน์และพังทลายลง ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวราวๆ 100% ใน 2 กองคือ ARKK และ ARKQ และฟื้นตัวราวๆ 200% ใน ARKF และ ARKW ในขณะที่ ARKG ยังคงจมอยู่ก้นเหวลึก ฟื้นมาเพียงแค่ +10% กว่าๆ เราในฐานะนักลงทุนควรทำอะไรกันดี ระหว่าง
1. ถือต่อ
2. ซื้อเพิ่ม
3. ขายทิ้ง
3
📌ARK Invest ดิ่งลงเหวได้อย่างไร
1. หมดโควิด หุ้นที่เคยได้ประโยชน์จาก Work from home และอื่นๆ รายได้หดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
2. FED ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างเร็วและแรงจาก 0% ไปถึง 5.25% - 5.50% จากมี.ค. 2022 จนถึง ก.ค. 2023 (ARK แตะจุดต่ำสุด ธ.ค. 2022 และ ต.ค. 2023) ซึ่งทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ทำให้บริษัทกลางและเล็กที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวลดลงอย่างมาก
3. บริษัทหลายๆแห่งที่ ARK invest ถือ ยังไม่มีกำไร ทำให้มีความกังวลและถอนการลงทุน เพราะหลายๆกองทุนที่ไม่ใช่ ARK แต่ลงทุนในหุ้นกลุ่มกลางเล็ก ก็ประสบปัญหาแบบเดียวกัน
4. กลยุทธ์ซื้อ,ขาย หรือ ถือของทาง ARK เองที่อาจซื้อแพง ขายถูก ขายตัวที่ให้ผลตอบแทนดีออกไป ถือตัวที่ให้ผลตอบแทนไม่ดีต่อ เป็นต้น
📌ARK Invest ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วได้อย่างไร
1. ทิศทางดอกเบี้ยที่เริ่มลดลง โดย FED เริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกคือ ก.ย. 2024
2. ทรัมป์ได้รับเลือกเป็น ปธน.สมัยที่ 2 และได้รับคะแนนเสียงส่วนมากทั้งสภาบนและสภาล่าง กับการสนับสนุนอย่างเห็นได้ชัดจาก Elon Musk ซึ่ง ARK ลงทุนใน Tesla สัดส่วนที่สูง ซึ่งทั้งนโยบายของทรัมป์ที่เอื้อต่อหุ้นขนาดกลางและเล็ก รวมไปถึงสนับสนุน Bitcoin มากกว่าขัดขวาง ทำให้ ARK พุ่งทยานติดจรวดตั้งแต่หลังทราบผลการเลือกตั้ง ณ วันที่ 4 พ.ย.​2024
3. หุ้นหลายๆตัวที่ป้าเคธี่เลือก ทำผลประกอบการได้ดีจริงๆ แม้ในสภาวะดอกเบี้ยสูงอยู่ก็ตาม
4. กลยุทธ์ซื้อขาย ที่ดูมาถูกทางมากขึ้น ทั้งขึ้นขาย ลงซื้อ
📌ARKG เอายังไงดี ไม่ฟื้นแบบเพื่อนๆกองอื่นเลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกราฟเทคนิค หรือพื้นฐาน ที่การลงทุนวิจัยในกลุ่ม Genomics ต้องยอมรับว่าใช้เงินลงทุนสูง มีหลายบริษัทล้มหายตายจาก หรือถูกควบรวมกิจการ ยังไม่นับว่าหากศึกษาวิจัยผ่านแล้วแต่ละขั้นตอน ยังต้องผ่านกระบวนการให้การรับรองจาก FDA อีก รวมไปถึงนโยบายของทรัมป์ที่ไม่เอื้อให้กลุ่ม Healthcare เท่าไหร่ ทำให้อาจต้องใช้เวลานานกว่าเพื่อนๆทั้ง 4 กองทุนมากๆ จนกว่าจะมีปัจจัยบางอย่างมาทำให้กลุ่มนี้ได้รับแรงหนุนมากกว่านี้
2
📌ผมลองใช้กราฟเทคนิคเพื่อคาดการณ์ว่า หากเราซื้อที่ราคาสูงสุดของกองทุน ARK แต่ละประเภท คาดการณ์ตามการปรับตัวขึ้นของราคาเมื่อเวลาผ่านไป จะได้ว่าเราจะหลุดดอยช่วงไหน ดังนี้
1. ARKK : Oct 2025 - Dec 2031
2. ARKF : Aug 2025 - Feb 2028
3. ARKW : Sep 2025 - Jun 2031
4. ARKQ : Aug 2025 - Dec 2031
5. ARKG : ยังประเมินไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นรูปแบบกราฟที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน
3
📌 ARKF & ARKQ ดูเหมือนน่าจะถึงจุดสูงสุดเดิมเร็วที่สุด รองลงมาคือ ARKW และ ARKK ตามลำดับ
2
📌บทความนี้ หนีดอย จึงอยากจะมาเล่าวิธีการ,แนวทาง หรือกลยุทธ์ให้คุณผู้อ่านได้ปรับไปใช้ในการบริหารพอร์ทตัวเอง
1
1. ถามตัวเราเองเพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของหลักการในการลงทุนและสัดส่วนพอร์ท
📌 วิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของ ARK Investment : กองทุน ARK ลงทุนในเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเติบโตสูงในระยะยาว อาจไปถึงปี 2030 เช่น AI, Fintech, Genomics และ Robotic automation ลองประเมินว่าเรายังเชื่อมั่นในศักยภาพของอุตสาหกรรมเหล่านี้ในอนาคตหรือไม่
1
📌เช็กสภาพพอร์ทส่วนตัว: หากเงินที่ลงทุนไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน(เป็นเงินเย็น)หรือเป้าหมายการเงิน หรือสัดส่วนกองทุนเมื่อเทียบกับพอร์ทว่ามีมากน้อยแค่ไหน ตัวเลขที่เหมาะสมที่สุดขึ้นกับเรา เช่นไม่เกิน 5-10% ของพอร์ทรวม หากเป็นเช่นนี้เราอาจเลือกถือรอต่อ
2. กระจายความเสี่ยง
📌หากพอร์ตของเรากระจุกตัวใน ARK มากเกินไป ลองปรับพอร์ตโดย:
...ขายบางส่วนเพื่อกระจายความเสี่ยง: ลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำกว่า เช่น พันธบัตร หุ้นปันผล หรือกองทุนอื่นที่มั่นคง
...เพิ่มความหลากหลาย: เช่น ลงทุนใน ETFs ที่อิงตลาดรวม (broad market ETFs) เช่น S&P 500 หรือกองทุนหุ้นประเทศที่กำลังพัฒนา (emerging markets)
1
3. ใช้กลยุทธ์ถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) หรือ รอย่อตัวแล้วทยอยสะสมเป็นไม้ๆ
📌หากยังมั่นใจในศักยภาพของ ARK เราสามารถทยอยลงทุนเพิ่มเมื่อราคาปรับลดลง (Dollar-Cost Averaging - DCA) เพื่อปรับต้นทุนเฉลี่ยให้ต่ำลง แต่ควรทำเฉพาะกรณีที่แน่ใจว่าสามารถถือยาวได้ และทำในบางกองทุนที่ฟื้นตัวได้ดี เช่น ARKK, ARKW, ARKF, และ ARKQ หรือจะรอกองทุนเหล่านี้ปรับตัวมาที่แนวรับ แล้วซื้อในวันที่ตลาดไม่เป็นใจก็ได้
3
4. ติดตามดอกเบี้ยนโยบาย
📌การลงทุนในหุ้นเติบโต เช่น ARK มักอ่อนไหวต่อดอกเบี้ย หากมีแนวโน้มว่าดอกเบี้ยจะลดลงในอนาคต (เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ) หุ้นเติบโตขนาดกลางและเล็กอาจมีโอกาสฟื้นตัว ซึ่งหลังจากทรัมป์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในสมัยที่ 2 หลายๆฝ่ายก็คาดการณ์ว่า ดอกเบี้ยอาจจไม่ได้ลดลงตามที่คาดแล้ว เพราะมีโอกาสที่เงินเฟ้อจะไม่ต่ำลงมาอย่างง่าย จากนโยบายที่ทรัมป์จะดำเนินการ
5. พิจารณาขายขาดทุนเพื่อลดความเสียหาย
📌หากการลงทุนใน ARK ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายและความเสี่ยงของเรา เราอาจพิจารณาขายเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม และนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกว่า เช่น เราคิดว่าเราเหมาะกับ S&P500, MSCI world มากกว่า เป็นต้น
2
6. ตรวจสอบการจัดการของ ARK
📌ติดตามข่าวสารจากทาง Cathie Wood: ผู้จัดการกองทุน ARK มักมีความเชื่อมั่นในนโยบายการลงทุนสูง ซึ่งนำมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง ควรติดตามกลยุทธ์การลงทุนล่าสุดของเธอและประเมินว่ากองทุนยังมีโอกาสฟื้นตัวหรือไม่
7. ใช้ประสบการณ์เป็นบทเรียน
📌หาก "ติดดอย" ใน ARK นี่อาจเป็นโอกาสเรียนรู้
...อย่าลงทุนเกินกว่าที่จะรับความเสี่ยงได้
...สร้างพอร์ตที่สมดุล: แบ่งสัดส่วนในสินทรัพย์หลากหลายเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนในอนาคต
2
🔍สำหรับความเห็นส่วนตัวผู้เขียน ขอแบ่งกลุ่มนักลงทุนโดยให้คำนวณแบบเอาทุกกองทุน ARK ที่ถืออยู่ในตัวเรามารวมกัน ดังนี้
1. กำไรจาก ARK แล้ว
📍หากชอบอยู่ รับความเสี่ยงได้ -> ถือต่อ หรือ ซื้อเพิ่มแบบรักษาสัดส่วนในพอร์ท
📍หากไม่ชอบ และ รับความเสี่ยงไม่ได้ -> ทยอยขายเป็นไม้ๆ หรือ ขายทั้งหมด
1
2. เกือบจะหลุดขาดทุนแล้ว โดยขาดทุน < 15% ซึ่ง ARK มีแนวโน้มที่อาจจะขาดทุนได้น้อยลงในปีหน้า รวมไปถึงพลิกมากำไรได้เช่นกัน
📍หากชอบอยู่ รับความเสี่ยงได้ -> ถือต่อ หรือ ซื้อเพิ่มแบบรักษาสัดส่วนในพอร์ท
📍หากไม่ชอบ และ รับความเสี่ยงไม่ได้ -> ทยอยขายเป็นไม้ๆ หรือ ขายทั้งหมด
1
3. ขาดทุน > 15% มีความเสี่ยงที่ปีหน้าอาจยังไม่กลับมาเท่าทุนหรือกำไร และอาจต้องถือไปยาวถึงปี 2028-2031 ซึ่งเป็นการเสียโอกาสในต้นทุนเวลาอย่างมาก
📍หากชอบอยู่ รับความเสี่ยงได้ สัดส่วนในพอร์ทยังมีไม่มาก -> ถือต่อ
📍หากไม่ชอบ และ รับความเสี่ยงไม่ได้ -> ทยอยขายเป็นไม้ๆ หรือ ขายทั้งหมด แล้วไปลงทุนในกลุ่มกองทุนดัชนีแทน และไม่กลับมาลงทุนใน ARK อีกแม้จะเห็นว่าอนาคตอาจจะกลับมาฟื้นเท่าดอยเดิมเราแล้วก็ตาม...
1
และนี่ก็เป็นแนวทางการจัดการกองทุน ARK
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านทุกๆท่านนะครับ...
โฆษณา