15 ธ.ค. เวลา 12:18 • ปรัชญา

ปรัชญาน้ำเต้าหู้

สาระที่แฝงไปคำอธิบายทางมานุษยวิทยา ศาสนา และปรัชญา
กินน้ำเต้าหู้จนตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
เราได้ลองกินน้ำเต้าหู้มาหลายแบบ ทั้งใส่เครื่องไม่ใส่เครื่อง หวานน้อย ไม่ใส่น้ำตาล น้ำเต้าหู้งาดำ น้ำเต้าหู้ชาเย็น แต่สิ่งที่เราค้นพบว่าชอบที่สุดคือ “น้ำเต้าหู้ธรรมดา ไม่ใส่น้ำตาล”
น้ำเต้าหู้ธรรมดา ไม่ใส่น้ำตาล ฟังดูจืดชืดไร้รสชาติ แต่สิ่งนี้ก็เปรียบได้เหมือนสัจธรรมของโลกใบนี้
ทุกคนเกิดมาด้วยตัวตนที่เปลือยเปล่า ทุกสิ่งอย่างล้วนมาจากการปรุงแต่ง “รูป รส กลิ่น เสียง” ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา หากเราลองพิจารณาให้ลึกลงไปถึงแก่นแท้ของสิ่งต่างๆ สารัตถะเหล่านั้น ไม่มีอะไรมั่นคง จีรั่งยั่งยืน
จิตใจของคนเราก็เหมือนกัน เปลี่ยนไปและแกว่งไหวตลอดมนุษย์มีความยึดติด ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากชีววัฒนธรรม อธิบายให้ทฤษฎีสายวิวัฒนาการ มนุษย์ในอดีตต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนไม่มั่นคงของชีวิต ภัยอันตรายอยู่ล้อมรอบตัว จึงเป็นไปได้ว่าเรา ”ถึงมีพฤติกรรมยึดติดมการยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ต้องการความมั่นคงแน่นอน“ เพราะในอดีตกาลมนุษย์ยุคโบราณเผชิญความไม่แน่นอนของชีวิตอยู่ตลอดเวลา
ย้อนกลับมาเรื่องการปรุงแต่งของจิต มนุษย์ผู้มีความยึดติดทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดทั้งความสุขและความทุกข์
แรกเริ่มเดิมที เมื่อได้รับความสุข ก็จะอยากได้หรือโหยหาอีก ความอยากบังเกิด ความทุกข์จึงเกิด
แต่หากเราตระหนักได้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงการปรุงแต่งของจิต ไม่เอาใจไปผูกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป ทั้งความรัก โลภ โกรธ หลง (กิเลส) ถ้าเรารู้เท่าทันสิ่งนี้ ชีวิตก็จะมีความสุขได้ไม่ยาก เพราะเข้าใจในสัจธรรม เข้าใจกฎของธรรมชาติ เข้าใจกฎของโลกใบนี้
การไม่ยึดติดกับสิ่งใด เป็นความสุขที่แท้จริง หรือที่เรารู้จักในคำว่า “ปล่อยวาง” (อุเบกขา)
ย้อนกลับมาที่น้ำเต้าหู้ร้อนๆของเรากันค่ะ
น้ำเต้าหู้ธรรมดา ที่ไม่ใส่น้ำตาล ก็ทำให้เรารับรู้ถึงรสชาติอันแท้จริง โดยปราศจากการปรุงแต่ง
รสหวานทำให้เกิดความสุข เพราะมันไปกระตุ้นสารเคมีในสมองให้หลั่งสารที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน แต่รสจืด ทำให้เรารู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สุขและก็ไม่ได้ทุกข์ ก็แค่กินให้อิ่มท้อง ให้ผ่านๆไป
บทสรุป
ความสุข และ ความทุกข์ มักเป็นผลลัพธ์ของการปรุงแต่งในจิตใจ เมื่อหลงไปกับรสหวาน อาจทำให้มีความสุข แต่เมื่อรสหวานหมดไป ก็อาจจะเป็นทุกข์อันเกิดมาจาก “ความอยาก”
การปล่อยวางจึงเป็นเหมือน “รสจืด” ที่ไม่กระตุ้นให้ใจแกว่งไหว แต่นำพาให้เราอยู่กับความสงบ อิ่มเอมกับความเรียบง่าย
ในชีวิตประจำวันของเรา ความสุข และ ความทุกข์ มักเกิดจากการปรุงแต่งทางความคิดและอารมณ์ เมื่อเรายึดติดกับสิ่งที่ทำให้มีความสุขมากเกินไป หรือติดอยู่ในความทุกข์
3
จิตใจก็จะตกอยู่ในความไม่สงบ การปล่อยวางคือการพาตัวเองออกจากความยึดติดนั้น ไม่ได้แปลว่าเราต้องปฏิเสธทุกสิ่ง แต่เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันโดยไม่ให้ใจไหวไปตามรูป รส กลิ่น เสียง
น้ำเต้าหู้แบบไม่ใส่น้ำตาลสะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับสัจธรรมของชีวิต/กฎธรรมชาติ การกินโดยไม่ปรุงแต่งเพิ่มเติมทำให้เราเข้าใจรสชาติที่แท้จริงของสิ่งนั้น เช่นเดียวกับจิตใจที่ปราศจากการปรุงแต่งของความคิด จะทำให้ใจสงบ วางเฉย และอยู่ในความสมดุล
จึงกล่าวได้ว่า
ความสุขที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากสิ่งภายนอก แต่เกิดจากความเรียบง่ายของการยอมรับและปล่อยวาง 🍃
Phuri
โฆษณา