15 ธ.ค. 2024 เวลา 18:42 • ธุรกิจ

ตอนที่ 5 / 2567

เงินเฟ้อ บังคับให้ธุรกิจต้องโต !!!
.
หายไปสองวัน กราบขออภัยจริงๆนะครับ ช่วงนี้สอบปริญญาโท จะเหนื่อยๆหน่อย แต่ก็จะพยายามเขียนให้ถี่ที่สุดนะครับ วันนี้มาคุยเรื่องของการเติบโตทางธุรกิจครับ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราอยากให้มันเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงถ้าธุรกิจที่ทำอยู่มันไม่โต แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ?
อยากให้นึกง่ายๆนะครับว่าในแต่ละปีคนทุกคนย่อมต้องการชีวิตที่ก้าวหน้าอยู่เสมอ ทำให้การเติบโตทางรายได้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดการเติบโตของชีวิต ทำให้เมื่อเรามีลูกจ้างที่อยู่กับเรา ตัวเขาเองก็อยากเติบโต ทำให้ส่วนของเจ้าของธุรกิจเองก็ต้องมีการปรับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นไป ซึ่งส่วนนี้เองมันก็คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง !! แต่ค่าจ้างเป็นหนึ่งในรายจ่ายที่มีการปรับขึ้น ซึ่งยังไม่รวมอื่นๆที่เราทำให้ธุรกิจทั้งวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิตต่างๆ ในที่นี้ รายการค่าใช้จ่ายที่มีการปรับขึ้น เราเรียกว่าเงินเฟ้อ ครับ
ส่วนใหญ่เวลาพูดถึงเงินเฟ้อ หลายคนมักจะมองในแง่ร้าย ว่าเงินเฟ้อมันเหี้ย!!! แต่อยากให้ถอยกลับมา 1 Step ครับผม แล้วมองแบบใจที่เป็นกลาง ถ้าการปรับตัวของค่าใช้จ่าย มันเป็นไปตามความเหมาะสม จากการที่คนมีกำลังซื้อสินค้า จนคนอยากแย่งซื้อสินค้าเรา อันนี้เป็นเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มที่ดีนะครับ แต่ถ้าเป็นแบบอย่างที่ผมได้พูดไปในย่อหน้าที่ผ่านมา อันนี้อาจจะมองดูในแง่ร้ายก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ไม่ว่าคนจะมีกำลังซื้อสินค้าเราหรือไม่ อย่างไรแล้ว ค่าใช้จ่ายในชีวิต รวมถึงธุรกิจก็เพิ่มขึ้นอยู่ดีครับ
ทำให้ถ้าย้อนถึงสมการ กำไรอย่างง่าย ก็คือ รายได้ทั้งหมด ลบกับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้น แต่รายได้ไม่เติบโต ทำให้ กำไรที่เกิดขึ้นมันก็ลดลงไปนั้นเอง เรื่องนี้มันก็เลยเป็นโปรแกรมบังคับของธุรกิจที่ทุกปี รายได้ต้องโต เพื่ออย่างน้อยที่สุด ธุรกิจยังรักษาช่องว่างกำไร จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทั้งหมดเอาไว้
แต่วัฎจักรของธุรกิจในแต่ละช่วงเงินเฟ้อจะพ่นพิษใส่เราไม่เหมือนกันนะครับ เพราะถ้าเป็นในช่วงแรกของธุรกิจที่มีการลงทุน เงินเฟ้อจะอยู่ในบทบาทการคืนทุนที่ล่าช้าจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนธุรกิจ ทำให้เจ้าของธุรกิจในช่วงแรกต้องรีบทำให้เงินลงทุนในช่วงแรกของธุรกิจได้กลับมาก่อน เพราะถ้ายิ่งคืนทุนช้า ความเสี่ยงของกิจการจากการลงทุนก็จะยิ่งสูง
หากผ่านพ้นช่วงแรกไปได้แล้วธุรกิจจะอยู่ในช่วงของการเติบโต ช่วงเวลานี้เงินเฟ้ออาจจะไม่ได้ระแคะระคายเรามากสักเท่าไหร่ เนื่องจากในช่วงนี้การเติบโตของรายได้และธุรกิจจะมากกว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่หลายเท่าตัว แต่อย่างไรก็ดีการบริหารธุรกิจในช่วงนี้เจ้าของธุรกิจต้องคำนึงถึงต้นทุนคงที่ ที่เงินเฟ้อกำลังรอพ่นไฟในอนาคต เพราะฉะนั้นทำให้การบริหารช่วงนี้เจ้าของธุรกิจอาจจะเชยชมผลสำเร็จของการเติบโตได้ แต่อย่ามัวเมาจนไปสร้างต้นทุนคงที่ที่พร้อมจะถูกเงินเฟ้อพ่นไฟต่อไป
ที่ผมพูดแบบนี้ เพราะหลังจากธุรกิจผ่านระยะเติบโตไปแล้ว จะเข้าสู่ระยะอิ่มตัว ช่วงเวลานี้จะพิสูจน์เกมธุรกิจในระยะยาวของจริง และเป็นการพิสูจน์วิสัยทัศน์ของผู้บริหารในช่วงการเติบโตของธุรกิจด้วยว่ามีความระมัดระวังแค่ไหน ต่อการดำเนินไปของธุรกิจ เพราะระยะนี้เงินเฟ้อเล่นงานนิดหน่อยก็อาจจะกระอักได้ เนื่องจากธุรกิจในช่วงนี้จะมีเสถียรภาพของรายได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่การเติบโตอาจจะมากกว่า หรือพอดีกับเงินเฟ้อ จึงทำให้ต้นทุนที่แบกไว้อยู่ เมื่อเจอเงินเฟ้อ ก็อาจทำให้การรักษากำไรก็มีผลค่อนข้างมาก
จากที่คุยมาทั้งหมด เงินเฟ้อ เหมือนระดับน้ำ ที่เจ้าของธุรกิจเองจะต้องสร้างที่อยู่ให้สูงจากมันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าสร้างที่อยู่ได้ไม่แข็งแรง ธุรกิจก็อาจจะพังได้ หรือถ้าสร้างได้ แต่สูงไม่พอ เงินเฟ้อที่เปรียบเสมือนระดับน้ำ ก็พร้อมจะจมที่อยู่ของเราอยู่ดี ทำให้ เงินเฟ้อ คือการพบเจอของธุรกิจ ที่ต้องมีการเติบโต ไม่เช่นนั้น นั่นคือการรอวันตาย
.
Suckcess
โฆษณา