Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Pasin Suttikittipong, Ph.D.
•
ติดตาม
16 ธ.ค. เวลา 04:58 • การศึกษา
“เมื่อการเรียนต่อกลายเป็นข้อครหา: ความเข้าใจผิดและทัศนคติในสังคมไทย” 🇹🇭
ในสังคมไทย “ความสำเร็จ” มักถูกนิยามผ่านภาพจำที่ชัดเจน เช่น การมีงานทำ การมีรายได้ที่มั่นคง หรือการสร้างชื่อเสียงในอาชีพ สังคมมักยึดติดว่าคนที่เรียนจบแล้ว ควรเริ่มต้นทำงานทันทีเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว แต่เมื่อใครบางคนเลือกที่จะเรียนต่อ โดยยังไม่ได้ทำงาน ก็มักจะถูกมองในแง่ลบว่า “เรียนไปทำไม ถ้ายังหาเงินไม่ได้”
คำถามคือ ทัศนคติเหล่านี้เกิดจากอะไร และมันสะท้อนอะไรในสังคมไทย?
1. ค่านิยมที่ยึดติดกับ “ความสำเร็จที่จับต้องได้”
ในสังคมที่ให้คุณค่ากับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การทำงานมักถูกมองว่าเป็น “ผลผลิต” ของการศึกษา คนที่เรียนต่อโดยยังไม่ได้ทำงานทันที จึงถูกมองว่า “ล้มเหลว” หรือ “ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนทางการศึกษา”
จากผลสำรวจของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2566) พบว่า กว่า 85% ของคนไทยเชื่อว่าเป้าหมายหลักของการเรียนคือการมีงานทำ สถิตินี้สะท้อนให้เห็นว่า การเรียนถูกตีกรอบไว้เพียงเพื่อ “สร้างรายได้” ไม่ใช่เพื่อพัฒนาตัวเองในระยะยาว หรือเพื่อเป้าหมายที่กว้างกว่านั้น
2. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเรียนต่อ
หลายคนมองว่า การเรียนต่อเป็นการ “เลื่อนเวลา” ในการรับผิดชอบชีวิต หรือเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่พร้อมเผชิญหน้ากับโลกการทำงาน แต่ในความเป็นจริง การเรียนต่อเป็นทางเลือกที่สำคัญสำหรับการพัฒนาความรู้ ทักษะ และศักยภาพเฉพาะด้าน โดยเฉพาะในอาชีพที่ต้องการความเชี่ยวชาญ
ตัวอย่างเช่น ในสายงานที่มีการแข่งขันสูง เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การแพทย์ หรือกฎหมาย การศึกษาขั้นสูงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างเยอรมนีหรือญี่ปุ่น สัดส่วนผู้ที่ศึกษาต่อระดับสูงคิดเป็น 20-30% ของประชากรที่จบปริญญาตรี ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง
3. การเปรียบเทียบและแรงกดดันจากสังคม
การเปรียบเทียบเป็นอีกหนึ่งต้นเหตุสำคัญที่ทำให้คนที่เรียนต่อถูกดูถูกหรือกดดัน ตัวอย่างเช่น การเปรียบเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มีงานทำแล้ว หรือคำพูดจากคนรอบข้างที่มักถามว่า “เมื่อไหร่จะเริ่มทำงาน?”
จากงานวิจัยของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2565) พบว่า 75% ของคนไทยในวัย 20-35 ปี เคยประสบแรงกดดันจากครอบครัวหรือสังคมเกี่ยวกับเส้นทางชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องการทำงานและการหารายได้ ความกดดันเหล่านี้ทำให้หลายคนเลือกที่จะรีบทำงาน แม้ยังไม่พร้อม หรือทิ้งโอกาสในการศึกษาต่อ
4. สังคมที่เน้น “ผลลัพธ์ระยะสั้น”
ในสังคมที่การแข่งขันสูงและเศรษฐกิจผันผวน การทำงานทันทีหลังเรียนจบดูเหมือนจะเป็น “ทางเลือกที่ปลอดภัย” แต่ในความเป็นจริง การลงทุนกับการศึกษาต่ออาจสร้างมูลค่าที่มากกว่าในระยะยาว เช่น โอกาสในการทำงานในสายอาชีพที่มีรายได้สูง หรือการทำงานในระดับนานาชาติ
ตัวอย่างเช่น งานวิจัยจาก World Bank ระบุว่า คนที่จบการศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรี มีรายได้เฉลี่ยมากกว่าคนที่จบปริญญาตรีถึง 35% ในระยะยาว สถิตินี้ชี้ให้เห็นว่า การเรียนต่อไม่ใช่การเสียเวลา แต่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองในอนาคต
5. การเปิดใจต่อเส้นทางชีวิตที่หลากหลาย
ในความเป็นจริง ชีวิตของแต่ละคนไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว บางคนอาจเลือกทำงานทันทีหลังเรียนจบ บางคนอาจเลือกศึกษาต่อเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า หรือบางคนอาจต้องการเวลาในการค้นหาตัวเอง ทุกทางเลือกมีเหตุผลและคุณค่าในตัวมันเอง
สิ่งที่สังคมควรทำคือการยอมรับและเคารพในเส้นทางชีวิตของคนอื่น แทนที่จะตัดสินจากมาตรฐานหรือความคาดหวังของตัวเอง
บทสรุป: เมื่อการเรียนต่อคือการลงทุนในอนาคต
การเรียนต่อไม่ได้เป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบหรือการเสียเวลา แต่มันคือการลงทุนในความรู้และศักยภาพที่อาจสร้างประโยชน์ให้กับทั้งตัวเองและสังคมในระยะยาว การทำงานทันทีหลังเรียนจบก็เป็นทางเลือกที่ดี เช่นเดียวกับการเรียนต่อ สิ่งสำคัญคือ การเคารพในเส้นทางที่แตกต่างกัน
ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เห็นใครเลือกเรียนต่อโดยยังไม่ได้ทำงาน แทนที่จะตั้งคำถามว่า “ทำไมยังไม่เริ่มทำงาน?” ลองถามว่า “คุณมีเป้าหมายอะไรที่อยากไปถึง?” เพราะคำตอบของเขา อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณมองเห็นความหมายของชีวิตในอีกมุมหนึ่ง
การศึกษา
ประเทศไทย
บันทึก
1
5
1
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย