16 ธ.ค. เวลา 05:00 • สุขภาพ

หลายคนมองว่า

ความรักที่ดีคือความรักที่
เต็มไปด้วยความสงบสุข
ด้วยเหตุนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขามี
ความต้องการบางอย่างที่ไม่ได้ความรับการเติมเต็ม
และความต้องการนั้นเป็นความต้องการที่สุ่มเสี่ยง
ที่จะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งภายในความสัมพันธ์
(เช่น อยากไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ถ้าไปจริงๆ แฟนก็คงไม่ชอบ)
พวกเขาก็จะเลือกที่จะเก็บความต้องการนั้นไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
การทำแบบนี้สามารถสร้างความสงบสุขได้ในตอนนี้ก็จริง
แต่หากเราตัดสินใจที่จะปฏิเสธความต้องการของตัวเอง
ในทุกๆเรื่องต่อไปเรื่อยๆ ความรู้สึกไม่พอใจก็จะค่อยๆ
ก่อตัวขึ้นมาใจเรา จนกระทั่งในที่สุด ความไม่พอใจนั้น
ก็จะระเบิดตู้มออกมาและทำให้ความสงบสุขกลายเป็นความขัดแย้งขนาดมหึมาได้
ผมมองว่านี่คือชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ของคู่รักทุกคู่ที่พยายามเน้นความสงบสุข
ภายในความสัมพันธ์ด้วยการ “เก็บกด”
ความต้องการของตัวเองในทุกๆเรื่อง
คำว่า “ชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
ที่ผมเขียนไว้ข้างบนอาจจะทำให้หลายคน
แอบค้านอยู่ในใจว่า “ไม่หรอก ฉันสละความต้องการของฉันได้”
แต่ผมก็ยังขอยืนยันตรงนี้อีกทีว่า
เราสละความต้องการของเราเบอร์นั้นไม่ได้หรอกครับ
หากเราเป็นคนที่สามารถสละ
ความต้องการของเราได้เบอร์นั้นจริงๆ
เราคงไม่เข้ามาอยู่ในความรักความสัมพันธ์
ตั้งแต่แรกแล้วแหละครับ!
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมองว่า
เป้าหมายของการสร้างความสงบสุข
ผ่านการ “เก็บกด” ความต้องการของตัวเอง
ถือเป็นเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้
เป้าหมาย “รองลงมา” (ที่เป็นไปได้มากกว่า)
คือการพูดคุยตกลงกับแฟนไว้ล่วงหน้าเลยครับว่า
“ถ้าเรายังคบกันต่อไป ฉันเชื่อเลยว่า สักวันหนึ่ง
ฉันก็คงจะมีความต้องการบางอย่างที่เธอไม่ชอบ
และเธอก็คงมีความต้องการบางอย่างที่ฉันไม่ชอบ
และพอถึงตอนนั้น ทั้งเธอและฉันก็อาจจะอยาก “ช่างมัน”
กับความต้องการของตัวเอง เพราะเราคงไม่อยากทำสิ่งที่กระทบใจกัน
แต่ฉันมองว่า ถ้าเราเลือกที่จะ “ช่างมัน” ไปเรื่อยๆ
เราก็จะสะสมความไม่พอใจไว้ในใจไปเรื่อยๆ
และวันหนึ่ง ความไม่พอใจนั้นก็จะระเบิดตู้มใส่หน้าของเราทั้งสองคนอยู่ดี
ฉันเลยมองว่า เรามาตกลงกันล่วงหน้าก่อนเลยไหมว่า
ถ้าวันหนึ่ง เราเกิดมีความต้องการทำนองนี้ขึ้นมาในใจจริงๆ
เราจะจัดการกับมันยังไงเพื่อไม่ให้เกิดการ “เก็บกด” จน “ระเบิดใส่หน้า” กันแบบนี้?”
สิ่งที่ผมหยิบมานำเสนอนี้
อาจจะไม่ได้ดูสวยงาม
อาจจะไม่ได้ดูอุดมคติ
แต่หากเราและแฟนจัดการจุดนี้ได้ดีล่ะก็
ผมเชื่อเลยครับว่า คนอื่นมีโอกาสสูงที่จะมองว่า
เรากับแฟนเป็นคู่รักที่ “สวยงาม” และ “อุดมคติ” เลยแหละครับ
โฆษณา