16 ธ.ค. เวลา 06:02 • การตลาด

อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย🇹🇭: โอกาส ความท้าทาย และแนวทางพัฒนา

อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศไทยกำลังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจและการดูแลสุขภาพของประชาชน ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และนโยบายภาครัฐที่มุ่งผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพในภูมิภาคอาเซียน
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การพึ่งพาการนำเข้า ความผันผวนของค่าเงิน และการขาดแคลนนวัตกรรมขั้นสูง ในบทความนี้ เราจะสำรวจภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย รวมถึงแนวทางพัฒนาที่สามารถช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันในระดับโลก
อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างระบบสาธารณสุขและการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยในปีที่ผ่านมา ขนาดของตลาด (Market Size) และส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ของอุตสาหกรรมนี้มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ ทั้งในส่วนของการผลิตในประเทศและการนำเข้า
Market Size: ขนาดตลาด
ตลาดเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็น:
1. การผลิตในประเทศ (Local Production):
• มูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท
• เน้นกลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง (Consumables) เช่น:
• ถุงมือยาง (เป็นสินค้าส่งออกสำคัญ)
• หน้ากากอนามัย
• ชุด PPE
• การผลิตในประเทศมีบทบาทสำคัญในการรองรับความต้องการภายในและการส่งออกไปยังตลาดโลก โดยเฉพาะถุงมือยางที่ประเทศไทยเป็นผู้นำระดับโลก
2. การนำเข้า (Imported Devices):
• มูลค่าประมาณ 130,000 ล้านบาท
• ครอบคลุมเครื่องมือแพทย์ขั้นสูง (Advanced Medical Devices) เช่น:
• เครื่องตรวจ MRI, CT Scan
• อุปกรณ์หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด
• เครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์เฉพาะทาง
• การนำเข้าเพิ่มขึ้นตามความต้องการด้านการแพทย์ขั้นสูง และเทคโนโลยีที่ประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตได้เอง
Market Share: ส่วนแบ่งตลาด
จากมูลค่ารวม 200,000 ล้านบาท ตลาดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ดังนี้:
1. การผลิตในประเทศ:
• 35% ของตลาดรวม หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท
• กลุ่มผู้ผลิตในประเทศมีความเชี่ยวชาญในสินค้า วัสดุสิ้นเปลือง ที่ใช้ในโรงพยาบาลและสถานพยาบาล เช่น ถุงมือยางและหน้ากากอนามัย
• การผลิตในประเทศยังไม่ครอบคลุมเครื่องมือแพทย์ขั้นสูง แต่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะเมื่อได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
2. การนำเข้า:
• 65% ของตลาดรวม หรือประมาณ 130,000 ล้านบาท
• การนำเข้าเน้นในกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ขั้นสูง เช่น:
• เครื่องมือวินิจฉัย เช่น MRI และ CT Scan
• อุปกรณ์ช่วยผ่าตัดและเครื่องมือแพทย์เฉพาะทาง
• ประเทศที่นำเข้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น และเยอรมนี
การกระจายส่วนแบ่งตามประเภทสินค้า
1. วัสดุสิ้นเปลือง (Consumables):
• ครอบคลุม 30-40% ของตลาดรวม
• ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศ เช่น ถุงมือยางและหน้ากากอนามัย
2. เครื่องมือวินิจฉัย (Diagnostic Devices):
• มีสัดส่วนประมาณ 20-25% ของตลาดรวม
• เน้นการนำเข้าจากต่างประเทศ
3. เครื่องมือผ่าตัดและรักษา (Surgical and Therapeutic Devices):
• ครองส่วนแบ่ง 35-40% ของตลาดรวม
• นำเข้ามากที่สุดในกลุ่มนี้
4. ระบบ IT และระบบติดตามสุขภาพ (Healthcare IT & Monitoring Systems):
• มีสัดส่วน 10-15% ของตลาดรวม
• เติบโตอย่างรวดเร็วตามแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
ประเทศไทยยังคงพึ่งพาการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ขั้นสูงถึง 65% ของตลาด ขณะที่การผลิตในประเทศเน้นวัสดุสิ้นเปลืองซึ่งมีบทบาทสำคัญทั้งในด้านการตอบสนองความต้องการในประเทศและการส่งออก
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของตลาด
1. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society):
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าในปี 2570 ผู้สูงอายุจะมีสัดส่วนประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ความต้องการเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับดูแลผู้สูงอายุ เช่น อุปกรณ์วินิจฉัยโรคเรื้อรัง วีลแชร์ และเครื่องช่วยเดินเพิ่มขึ้น
2. การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism):
ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะการรักษาด้านทันตกรรม ศัลยกรรมตกแต่ง และการฟื้นฟูสุขภาพ ความต้องการเครื่องมือแพทย์คุณภาพสูงจึงเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของกลุ่ม Medical Tourism
3. ความตื่นตัวด้านสุขภาพ:
หลังการระบาดของ COVID-19 ประชาชนให้ความสำคัญกับสุขภาพและการป้องกันโรคมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องตรวจระดับออกซิเจนในเลือด หน้ากากอนามัย และเครื่องวัดอุณหภูมิ
4. นโยบายภาครัฐ:
รัฐบาลมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ผ่านนโยบาย Thailand 4.0 และการสนับสนุนการลงทุนจาก BOI เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพและการแพทย์ในภูมิภาค
ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
1. การพึ่งพาการนำเข้า:
เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น MRI และ CT Scan ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้มีต้นทุนสูง
2. ความผันผวนของค่าเงินบาท:
การนำเข้าอุปกรณ์และวัตถุดิบมีความเสี่ยงสูงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่แน่นอน
3. การขาดการลงทุนในนวัตกรรม:
ผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศขาดการพัฒนานวัตกรรมขั้นสูง ซึ่งจำเป็นต่อการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า
4. ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น:
ราคาวัตถุดิบ เช่น ยางพาราและพลาสติก มีความผันผวน ส่งผลต่อการบริหารจัดการต้นทุน
5.1 แนวทางการลงทุน (พร้อมกลยุทธ์)
1. การผลิตในประเทศ
• ผลิตอุปกรณ์พื้นฐาน:
เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องวัดน้ำตาลในเลือดที่มีต้นทุนการผลิตต่ำและตลาดที่กว้าง
• โอกาส: ตลาดชนบทและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ลาว
• ลงทุนในนวัตกรรม:
อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยี AI และ IoT เช่น สมาร์ทวอทช์และระบบวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ
• โอกาส: ตลาดผู้สูงอายุและผู้บริโภคที่เน้นสุขภาพ
2. การนำเข้า
• นำเข้า เครื่องมือขั้นสูง เช่น หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ระบบ PACS และ MRI
• จัดตั้ง ตัวแทนจำหน่ายระดับภูมิภาค เพื่อขยายการเข้าถึงโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล
3. การกระจายสินค้า
• พัฒนา E-Marketplace สำหรับการซื้อขายเครื่องมือแพทย์ในประเทศ คือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย โรงพยาบาล คลินิก และบุคคลทั่วไปที่สนใจในเครื่องมือแพทย์มาซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลในที่เดียว เป้าหมายของการพัฒนา E-Marketplace สำหรับเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทยคือการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดซื้อ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสใหม่ในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
• จัดตั้ง ระบบ Tele-logistics เพื่อลดเวลาจัดส่งและเพิ่มประสิทธิภาพ
4. การลงทุนใน R&D
• สร้าง Medical Device Innovation Center เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น MEMS และ Raman Spectroscopy
• เพิ่มความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเพื่อฝึกอบรมบุคลากร
• การลงทุนใน R&D ในไทยอยู่ที่ 0.78% ของ GDP (2024)
• เปรียบเทียบกับเกาหลีใต้ที่ลงทุน 4.81% ของ GDP และสิงคโปร์ที่ 3.2%
5. แนวโน้มประชากรไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ
• ความต้องการเครื่องมือแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ เช่น อุปกรณ์ช่วยเดินและเครื่องตรวจสุขภาพที่บ้าน จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
6. ปรับโครงสร้างการส่งเสริมการลงทุน:
• เพิ่มสิทธิประโยชน์ BOI สำหรับธุรกิจที่ลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง
• สนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อขยายตลาด
7. กระจายความเสี่ยงด้านการส่งออกและค่าเงิน:
• ขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศใหม่ เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกา
• ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สรุป
อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน หากได้รับการสนับสนุนในด้านการวิจัยและพัฒนา การพัฒนากำลังคน และการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง แนวทางการแก้ปัญหาที่นำเสนอในบทความนี้สามารถช่วยให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกเครื่องมือแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน และแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปแนวทางการลงทุน
1. เริ่มต้นจากตลาดที่มีศักยภาพสูง:
• ตลาดผู้สูงอายุ (Home Care, IoT Healthcare)
• ตลาดส่งออกในอาเซียนและตะวันออกกลาง
2. ลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง:
• พัฒนาเครื่องมือที่ใช้ AI และ IoT เพื่อตอบสนองตลาดที่เน้นสุขภาพ
3. สร้างเครือข่ายและพันธมิตร:
• ร่วมมือกับโรงพยาบาลและบริษัทที่มีประสบการณ์ เช่น Meditop และ Egan Biomed
4. การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ:
• ลดการนำเข้าชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศได้ และเพิ่มการลงทุนใน R&D
ด้วยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ประเทศไทยสามารถสร้างความมั่นคงในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ และเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาสุขภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต
โฆษณา