16 ธ.ค. เวลา 13:18 • ข่าวรอบโลก

“ซีเรีย” ดินแดนแห่งกองกำลังต่างชาติ จะฟื้นฟูสู่ความสงบได้จริงหรือ?

ค่ำวันที่ 7 ธันวาคม 2567 กลุ่มต่อต้านประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ยึดเมืองสำคัญหลายแห่ง ได้แก่ อาเลปโป (Aleppo) ฮามา (Hama) เดียร์ เอซ-ซอร์ (Deir ez-Zor) เดรา (Deraa) และโฮมส์ (Homs) แล้วเข้าสู่กรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีโมฮัมหมัด กาซี อัล-จาลาลี หัวหน้ารัฐบาลซีเรีย แสดงความยินยอมที่จะโอนอำนาจให้กลุ่มต่อต้านติดอาวุธโดยสันติ
ประธานาธิบดีอัสซาดหลบหนีออกจากซีเรียหลังจากกองกำลังฝ่ายค้านเข้าสู่กรุงดามัสกัสในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม
ประธานาธิบดีอัสซาดออกจากตำแหน่งและหลบหนีออกจากซีเรีย ลี้ภัยพร้อมครอบครัวไปยังรัสเซีย ในวันที่ 10 ธันวาคม โมฮัมหมัด อัล-บาชีร์ ประกาศเข้ารับตำแหน่งรักษาการหัวหน้ารัฐบาลเปลี่ยนผ่านของซีเรีย
.
ปฏิบัติการล้มล้างระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยกลุ่มนักรบอิสลามฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) และกองทัพแห่งชาติซีเรีย (SNA) ที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ใช้เวลาเพียง 10 วัน ในการปฏิบัติการเข้ายึดอำนาจการปกครองซีเรียจากครอบครัว “อัสซาด” ซึ่งครอบครองมายาวนานกว่า 50 ปี ได้สิ้นสุดลง
.
โมฮัมหมัด อัล-บาชีร์ เกิดเมื่อปี 2526 เป็นวิศวกรไฟฟ้าและหัวหน้า "รัฐบาลกอบกู้ซีเรีย" (SSG) ในอิดลิบ (Idlib) ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มติดอาวุธ ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) ประกาศเข้ารับตำแหน่งรักษาการหัวหน้ารัฐบาลเปลี่ยนผ่านของซีเรีย และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่หลังจากการล่มสลายของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
.
กลุ่ม Hayat Tahrir al-Sham (HTS) หรือ "องค์กรเพื่อการปลดปล่อยเลแวนต์" เป็นกลุ่มการเมืองและกลุ่มนักรบอิสลามที่ปฏิบัติการส่วนใหญ่ในพื้นที่เขตปกครองอิดลิบ (Greater Idleb) ของซีเรีย ซึ่งรวมถึงพื้นที่ชนบททางตะวันตกของอาเลปโป (Aleppo) เทือกเขาลาตาเกีย (Lattakia) และที่ราบอัล-กาบ (al-Ghab) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฮามา (Hama)
.
HTS ในอดีตประกอบด้วยชาวซีเรียที่นับถือศาสนาอิสลามและชาวต่างชาติ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลามและอัลกออิดะห์ ปัจจุบันสมาชิกกลุ่ม HTS ส่วนใหญ่เป็นชาวซีเรียที่นับถือศาสนาอิสลาม สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม และก้าวเข้ามาเป็นพันธมิตรทางทหารที่สำคัญของตุรกี
ตุรกี อิหร่าน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ต่างส่งทหารไปประจำการในซีเรียตั้งแต่ปี 2554 ขณะที่อิสราเอลยังคงโจมตีทางอากาศในดินแดนซีเรียอยู่บ่อยครั้ง ข้อมูล ณ กลางปี 2024 มีฐานทัพทหารต่างชาติกระจายอยู่ทั่วซีเรียประมาณ 801 แห่ง ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกประเทศมายาวนาน
🇹🇷 ตุรกีได้ส่งทหารไปประจำการทั่วบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยึดครองโดยกลุ่มฝ่ายค้านติดอาวุธซีเรียที่ลุกขึ้นต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดในปี 2554 เป้าหมายหลักของตุรกีคือการทำให้กลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดซีเรียอ่อนแอลง
ตุรกีมองว่ากลุ่มชาวเคิร์ดซีเรียที่อยู่ตามแนวชายแดน และกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) เป็นพันธมิตรของพรรคแรงงานเคิร์ด (PKK) ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ดที่ศรัทธาในลัทธิมาร์กซิสต์-เลนิน เคยก่อกบฏในตุรกีมาตั้งแต่ปี 2527 และยังคงก่อปัญหาด้านความมั่นคงให้ตุรกีจนถึงปัจจุบัน
ในเดือนสิงหาคม 2559 ตุรกีได้เปิดปฏิบัติการยูเฟรตีส์ชิลด์ (Operation Euphrates Shield) โดยกำหนดเป้าหมายไปที่กลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (IS) และกองกำลัง SDF ในซีเรียตอนเหนือ ปฏิบัติการนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างเขตกันชนระหว่างดินแดนของตุรกีกับพื้นที่ที่กลุ่มเคิร์ดควบคุม
ทหารตุรกีและกองทัพซีเรียเสรีเข้ายึดครองเมืองอัฟรินในเดือนมีนาคม 2561 ภาพโดยKhalil Ashawi/Reuters
สองปีต่อมา ตุรกีได้ขยายขอบข่ายการทหารด้วยปฏิบัติการโอลิฟบรานช์ (Operation Olive Branch) ยึดครองพื้นที่อัฟริน (Afrin) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวเคิร์ดอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ และทำให้กลุ่มต่อต้านซีเรียที่ตุรกีสนับสนุนสามารถเข้าควบคุมการปกครองได้
ปฏิบัติการพีซสปริง (Operation Peace Spring) ในเดือนตุลาคม 2562 เป็นการยกระดับความรุนแรงอีกครั้ง โดยกำหนดเป้าหมายไปที่พื้นที่ที่ SDF ควบคุม ระหว่างเมืองราสอัลไอน์ (Ras al-Ain) และเทลอาบยาด (Tel Abyad)ตุรกีให้เหตุผลว่าการโจมตีครั้งนี้มีความจำเป็นเพื่อสร้าง "เขตปลอดภัย" สำหรับการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ในตุรกีในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการดังกล่าวได้รับการประณามอย่างกว้างขวางจากข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการจัดการด้านประชากร
ในช่วงปี 2024 ตุรกีมีฐานทัพทั้งหมด 126 แห่งในซีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเมืองอาเลปโป 58 แห่ง และอิดลิบ 51 แห่ง นอกจากนี้ ตุรกียังมีฐานทัพ 10 แห่งในร็อกกา 4 แห่งในอัลฮาซากะห์ 2 แห่งในลาตาเกีย และ 1 แห่งในฮามา
ฐานทัพเรือรัสเซียในเมืองทาร์ตัส ประเทศซีเรีย 5 ธันวาคม 2567 Maxar Technologies/เอกสารแจกผ่าน REUTERS
🇷🇺 ในอดีตสหภาพโซเวียตได้ก่อตั้งฐานทัพเรือที่ท่าเรือน้ำลึก Tartus ในเมืองทาร์ตัส ซึ่งต่อมากลายเป็นศูนย์กลางซ่อมแซมและเติมเสบียงแห่งเดียวของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนี้ รัสเซียยังได้เข้าแทรกแซงทางทหารในซีเรีย ให้การสนับสนุนรัฐบาลของอัลอัสซาดในปี 2558 โดยปฏิบัติการจากฐานทัพอากาศ Khmeimim ในเมืองคไมมิม จังหวัดลาตาเกีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินทิ้งระเบิด และระบบขีปนาวุธ
เครื่องบินของรัสเซียที่ฐานทัพอากาศ Khmeimim เมื่อวันจันทร์ ภาพดาวเทียม ©2024 Maxar Technologies
ฐานทัพทั้งสองแห่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตำแหน่งของรัสเซียในตะวันออกกลาง และเป็นศูนย์โลจิสติกส์ที่ใช้จัดส่งยุทโธปกรณ์ทางทหารไปยังแอฟริกา ซูดาน มาลี ลิเบีย และที่อื่นๆ
รัสเซียเพิ่มกำลังทหารในซีเรียระหว่างกลางปี 2566 ถึงกลางปี 2567 กองกำลังทหารของรัสเซียในซีเรียประกอบด้วยฐานทัพ 21 แห่งและด่านหน้า 93 แห่ง ได้แก่ 17 แห่งในฮามา 15 แห่งในลาตาเกีย 14 แห่งในอัลฮาซากะห์ 13 แห่งในคูเนตรา 12 แห่งในอาเลปโป 8 แห่งในเขตผู้ว่าราชการชนบทดามัสกัส (Reef Demashq) ร็อกกา และเดียร์เอซซอร์ 6 แห่งในอิดลิบ 4 แห่งในโฮมส์ 3 แห่งในดารา และอีก 2 แห่งในเขตมหานครดามัสกัส และในเขตผู้ว่าราชการซูไวดาและตาร์ตูส
นอกจากฐานทัพทหารของรัสเซียจะมีอาวุธหลายประเภท ซึ่งรวมทั้งอุปกรณ์ทางอากาศและลาดตระเวนระดับสูงแล้ว ยังเป็นหน่วยบูรณาการการปฏิบัติการภาคพื้นดินกับหน่วยของกองกำลังของรัฐบาลซีเรีย กองกำลังกึ่งทหารอิหร่าน และทหารรับจ้างวากเนอร์อีกด้วย
การชุมนุมของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ชานเมืองเบรุต ผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายโบกธงที่มีรูปใบหน้าของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียและฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ภาพโดยBilal Hussein/AP Photo
🇮🇷 อิหร่านส่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ไปยังซีเรียตั้งแต่ต้นปี 2555 และฝึกฝนกองกำลังติดอาวุธจำนวนมากเพื่อต่อสู้ร่วมกับกองกำลังของรัฐบาลซีเรีย โดยมีกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอนให้การสนับสนุน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มชีอะห์อื่นๆ ได้แก่ กลุ่มจากอัฟกานิสถานและอิรัก ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมต่อสู้ด้วยเช่นกัน สำหรับอิหร่าน อัลอัสซาดเป็นพันธมิตรที่สำคัญ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ “แกนต่อต้าน” อิสราเอลและอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา ในตะวันออกกลาง
ตำแหน่งทางทหารของอิหร่านในซีเรียในช่วงกลางปี 2024 ประกอบด้วยฐานทัพ 52 แห่งและด่านหน้า 477 แห่ง กระจายดังนี้ 117 แห่งในอาเลปโป 109 แห่งในชนบทดามัสกัส 77 แห่งในเดียร์เอซซอร์ 67 แห่งในโฮมส์ 28 แห่งในฮามา 27 แห่งในอิดลิบ 20 แห่งในคูเนตรา และ 17 แห่งในลาตาเกีย 16 แห่งในดารา 14 แห่งในร็อกกา 13 แห่งในซูไวดา 9 แห่งในทาร์ตูส 8 แห่งในอัลฮาซากะห์ และ 7 แห่งในเขตเทศบาลดามัสกัส
.
1
🇺🇲 สหรัฐอเมริกา เริ่มเข้าแทรกแซงทางทหารในซีเรียเริ่มต้นในปี 2557 ด้วยการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่ม ISIS หัวรุนแรงที่ประกาศปกครองพื้นที่หนึ่งในสามของซีเรียและอิรัก กองกำลังพิเศษของสหรัฐอเมริกาที่ปฏิบัติการในซีเรีย ทำงานร่วมกับกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ในการต่อสู้เพื่อขับไล่ ISIS ออกจากพื้นที่ที่ยึดครองได้ทางตอนเหนือและตะวันออกของซีเรีย
ปัจจุบันกองกำลังสหรัฐอเมริกาประมาณ 900 นาย ยังอยู่ในซีเรีย ซึ่งบางส่วนยังประจำการอยู่ที่ฐานทัพทันฟ์ (Al- Tanf garrison) ของซีเรีย ใกล้กับจุดตัดระหว่างชายแดนจอร์แดนและอิรัก โดยอ้างว่ายังจำเป็นเพื่อการสนับสนุนกองกำลังฝ่ายต่อต้านติดอาวุธของซีเรียในการต่อต้านกลุ่มไอเอสในพื้นที่ มีการตั้งคำถามถึงความถูกต้องตามกฎหมายของปฏิบัติการของสหรัฐอเมริกาในซีเรียว่า อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่ หรือมีนัยแฝงเพื่อต่อต้านอิทธิพลของอิหร่านในซีเรีย และการขุด-ขายน้ำมันจากดินแดนซีเรีย
ข้อมูล ณ กลางปี 2567 สหรัฐอเมริกามีฐานทัพ 17 แห่งและป้อมปราการหน้าด่าน 15 แห่ง ในซีเรีย โดยกระจายอยู่ในเขตผู้ว่าราชการอัลฮาซากะห์ ในเขตผู้ว่าราชการเดียร์เอซซอร์ ในเขตผู้ว่าราชการรักกา ในเขตผู้ว่าราชการโฮมส์ อเลปโป และริฟดิมัชก์
.
🇮🇱 การมีส่วนร่วมของอิสราเอลในซีเรีย มุ่งเน้นไปที่การต่อต้านภัยคุกคามจากอิหร่านและกลุ่มตัวแทนอิหร่าน โดยคาดว่าขุมกำลังอาวุธของอิหร่าน และท่อส่งอาวุธไปยังฮิซบอลเลาะห์อยู่ในซีเรีย อีกทั้งอิหร่านยังได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ซีเรีย ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานในอนาคตของอิหร่านอีกด้วย
ทหารอิสราเอลยืนอยู่บนภูเขาเฮอร์มอนในซีเรีย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู สั่งให้กองทัพยึดเขตปลอดทหารคืน
กองทัพอากาศอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศต่อขบวนรถขนอาวุธของอิหร่าน สถานที่ทางทหาร และตำแหน่งของฮิซบอลเลาะห์หลายร้อยครั้ง ซึ่งมักทำให้พลเรือนเสียชีวิตระหว่างการโจมตี ปฏิบัติการเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันการถ่ายโอนอาวุธขั้นสูงให้กับฮิซบอลเลาะห์ และเพื่อทำลายฐานที่มั่นของอิหร่านในภูมิภาค
รถหุ้มเกราะของอิสราเอลในเขตกันชนปลอดทหารบนที่ราบสูงโกลัน
หลังบาชาร์ อัล-อัสซาดตัดสินใจ ลี้ภัยในรัสเซีย อิสราเอลไม่รีรอที่จะใช้จังหวะนี้ถล่มซีเรียเพื่อทำลายทรัพย์สินทางทหารของซีเรีย ซึ่งก็เป็นขุมกำลังของอิหร่านด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ อิสราเอลได้เข้าตรึงกำลังที่ราบสูงโกลัน ซึ่งเป็นที่ราบสูงเชิงยุทธศาสตร์ในซีเรียตะวันตกเฉียงใต้ แล้วเข้ายึดครองยอดเขาเฮอร์มอนซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในซีเรีย และเป็นเขตกันชนที่แยกกองกำลังอิสราเอลและซีเรียออกจากกันมาเป็นเวลา 50 ปีแล้ว
.
แม้ว่าการรัฐประหารในซีเรียจะเป็นชัยชนะที่ชัดเจนสำหรับตุรกี ซึ่งสนับสนุนกลุ่มโค่นล้มบาชาร์ อัล-อัสซาด และเป็นความพ่ายแพ้ของรัสเซีย ซึ่งสนับสนุนการปกครองอัสซาด รวมทั้งให้ความช่วยเหลือทางทหารมาเกือบทศวรรษแต่เบื้องหลังผลประโยชน์นั้น ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างรัสเซียและตุรกีที่มีมาอย่างยาวนาน ก็ยังคงอยู่ด้วยดี
.
กลุ่มติดอาวุธ HTS เข้าควบคุมพื้นที่ Tartus และ Khmeimim แต่ไม่ได้เข้าไปในอาณาเขตของฐานทัพรัสเซีย คาดว่ารัสเซียกำลังดำเนินการเจรจาต่อรองทางการทูตโดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาสถานะของตนในซีเรีย
อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-จาวลานี หัวหน้ากลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS)  เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2023 (Omar HAJ KADOUR / AFP)
นอกจากนี้ กลุ่ม HTS ซึ่งอยู่เบื้องหลังการตั้งรัฐบาลเปลี่ยนผ่านซีเรีย ยังคงมีสถานะเป็นกลุ่มก่อการร้ายทั้งจากสหรัฐอเมริกา และสหประชาชาติ โดยหัวหน้ากลุ่ม HTS อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-จาวลานี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยร่วมต่อสู้กับกลุ่มอัลกออิดะห์ ได้ประกาศชัยชนะของกลุ่มจากมัสยิดหลักแห่งดามัสกัส มัสยิดอุมัยยะฮ์ ไม่ใช่จากทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความตั้งใจของฝ่ายกบฏที่จะนำซีเรียไปสู่เส้นทางแห่งลัทธินิกายฟันดาเมนทัลลิสท์
เมื่อเกิดสงครามกลางเมือง ประชากรซีเรียก่อนสงครามกว่าครึ่งจากจำนวน 22 ล้านคนต้องอพยพออกจากพื้นที่โดยเกือบ 7 ล้านคนต้องอพยพภายในประเทศ และอีกหลายล้านคนต้องอพยพออกนอกประเทศ ประเทศเพื่อนบ้านต้องแบกรับภาระหนักที่สุด เลบานอนซึ่งมีประชากรเพียง 5 ล้านคนต้องรองรับชาวซีเรีย 800,000 คน และจอร์แดนซึ่งมีชาวซีเรียมากกว่าครึ่งล้านคน จนต้องกีดกันไม่ให้ผู้ต้องการลี้ภัยข้ามพรมแดนมาหลายปีแล้ว
ตุรกีรองรับชาวซีเรียมากกว่า 3 ล้านคน ทำให้รัฐบาลต้องใช้ทรัพยากรอย่างจำกัด ผู้แสวงหาสถานะผู้ลี้ภัยและผู้ลี้ภัยกว่า 1 ล้านคนเดินทางไปยุโรป เนื่องจากขาดแคลนงานและโอกาสทางการศึกษา และความหวังเพียงเล็กน้อยว่าพวกเขาจะกลับบ้านอย่างปลอดภัยในไม่ช้า แต่ความหวังนั้นจะเป็นไปได้หรือ เมื่อกลุ่มผลประโยชน์ต่างชาติยังคงครองอำนาจเหนืออธิปไตยของซีเรีย.
ภาพต้นเรื่อง : https://www.cfr.org/article/syrias-civil-war
โฆษณา