17 ธ.ค. เวลา 05:13 • ประวัติศาสตร์

ความพยายามตามหา “ชีวิตอมตะหลังความตาย“ ของชาวอียิปต์โบราณ

“ความตาย” คือสิ่งที่ทุกคน ทุกศาสนาต้องพบเจอในวันใดวันหนึ่ง
แต่สำหรับชาวอียิปต์โบราณ ผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 3100-332 ปีก่อนคริสตกาล ต่างมีศรัทธาในความตาย และพยายามจะตามหาชีวิตที่เป็นอมตะหลังความตาย
ชาวอียิปต์โบราณใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และมุ่งหวังว่าชีวิตหลังความตายก็จะไม่ต่างกัน
แต่การจะมีชีวิตหลังความตายที่มีความสุข ก็จำเป็นต้องจัดเตรียมหลายๆ อย่าง ทั้งศพที่ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี สุสานที่ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว รวมทั้งสัตว์ที่จะส่งไปเป็นเพื่อนผู้ตายในโลกวิญญาณ
แต่ถึงอย่างนั้น ชีวิตอมตะก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน ผู้ตายต้องหาทางเข้าสู่ยมโลก และต้องผ่านการทดสอบจากเทพเจ้า
เรื่องราวเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ตามความเชื่อของอียิปต์โบราณ การจะไปยังโลกหลังความตาย ศพของผู้ตายต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ นั่นทำให้ชาวอียิปต์ต้องการให้จัดการศพของตนเป็นมัมมี่ ซึ่งคือการทำให้ศพมีสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
แต่การทำมัมมี่ก็ขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินของผู้นั้น โดยเหล่าชาวบ้านที่ยากจนก็มักจะถูกนำไปฝังไว้ใต้ทะเลทราย บ้างก็ถูกเก็บรักษาไว้ด้วยเกลือ
ส่วนผู้ที่ร่ำรวย มีสถานะทางสังคมสูง ก็จะมีการจัดการกับศพที่เป็นขั้นตอนสำคัญ มีการทำเป็นมัมมี่อย่างเป็นกิจจะลักษณะ โดยการทำมัมมี่จะใช้เวลากว่า 70 วัน โดยผู้ที่ทำมัมมี่คือเหล่านักบวช
ศพจะถูกทำความสะอาดจนหมดจด เอาเลือดออกจนแห้ง และมีการเอาอวัยวะภายในออกจากศพและนำไปเก็บไว้ในไห
สมองจะถูกดึงออกผ่านจมูกโดยใช้ตะขอ หากแต่หัวใจจะไม่มีการเอาออก เนื่องจากเชื่อว่าหัวใจคือศูนย์กลางของบุคคลนั้น
จากนั้นจะมีการนำศพไปเก็บรักษาด้วยเกลือชนิดพิเศษ และปล่อยไว้บนโต๊ะให้แห้ง ก่อนจะนำเศษผ้าใส่เข้าไปในตัวศพ และใส่ตาปลอมและแต่งหน้าศพให้ดูเหมือนยังมีชีวิต
เมื่อกระบวนการทำให้ศพแห้งเสร็จสมบูรณ์ นักบวชก็จะล้างศพอีกครั้ง ก่อนจะนำศพไปพอกด้วยน้ำมันและยางสน และหุ้มด้วยผ้าลินินที่ยาวกว่า 100 หลา
จากนั้น ศพจะถูกนำส่งกลับไปยังครอบครัว ก่อนจะนำไปเก็บในสุสาน
สำหรับสุสานของเหล่าชนชั้นสูง มักจะมีการจัดเตรียมไว้ก่อนที่จะตายเป็นเวลานานแล้ว และเมื่อเสียชีวิต ร่างของชนชั้นสูงจะถูกบรรจุลงยังโลงต่างๆ ซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงาม
ภายในสุสานจะประกอบด้วยสิ่งของต่างๆ มากมาย ทั้งอาหาร เหล้า เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รวมทั้งสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้
1
ยังมีการทำมัมมี่สัตว์เพื่อให้ไปเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิตในโลกหลังความตายอีกด้วย ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่ก็คือสัตว์เลี้ยงต่างๆ
แต่ถึงแม้จะมีการเตรียมการศพมาอย่างดี แต่ก็ไม่แน่ว่าดวงวิญญาณจะได้พบเจอกับชีวิตอมตะ
ดวงวิญญาณจะต้องเข้ารับการพิพากษา โดยตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมี “คา (Ka)” หรือก็คือพลังชีวิต และมี ”บา (Ba)” หรือก็คือดวงวิญญาณ
เมื่อเสียชีวิต คาจะออกจากร่างกาย หลงทาง หาทางไปต่อ
ส่วนบาจะอยู่กับร่างกายจนกว่าจะถูกฝัง จากนั้น บาก็จะได้รับการนำทางโดยคาถาและภาพวาดบนผนังสุสานและเครื่องรางที่ติดตัวศพ เดินทางสู่ยมโลก
“ฮอรัส (Horus)” เทพเจ้าซึ่งมีศีรษะเป็นเหยี่ยว จะนำพาบาผ่านมาตามทางเดินแห่งอัคคีและงูเห่า มายังห้องแห่งการพิพากษา ที่ซึ่งดวงวิญญาณจะได้รับการตัดสิน
ฮอรัส (Horus)
หัวใจของดวงวิญญาณจะถูกนำมาชั่งน้ำหนัก โดยดวงวิญญาณต้องพยายามพิสูจน์ว่าตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำชั่วต่างๆ โดยผู้พิพากษาก็คือ “โอซิริส (Osiris)” เทพแห่งวิญญาณ
หากว่าดวงวิญญาณไม่ผ่านการทดสอบ ดวงวิญญาณจะถูก “แอมมุต (Ammut)” ซึ่งเป็นเทวีสัตว์ประหลาดครึ่งสิงโต ครึ่งจระเข้ และครึ่งฮิปโป กลืนกินดวงวิญญาณ
แต่หากผ่านการทดสอบ หากว่าหัวใจผ่านการชั่งน้ำหนักด้วยดี บาจะได้กลับมาหลอมรวมกับคา ดวงวิญญาณก็จะได้ไปยังดินแดนที่สวยงาม ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ
ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตจะได้พบเจอกับคนที่เป็นที่รักอีกครั้ง และมีชีวิตที่เป็นอมตะนิรันดร์
นี่ก็เป็นเกร็ดความเชื่อเรื่องชีวิตอมตะในโลกหลังความตายของชาวอียิปต์โบราณ
โฆษณา